ถึง ELEVEN จาก จาว เรื่องราวในสมุดบันทึกเล่มยาวและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่ชื่อว่า ‘ตัวตน’

23 ส.ค. 2566 - 06:42

  • บทสัมภาษณ์ที่จะพาทุกคนดำดิ่งและเดินทางย้อนไปบนเส้นเวลาของเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต ‘ELEVEN’ หรือ ‘จาว- พบสุข บุญเสรฐ’ ตั้งแต่การเป็นเด็กชายขี้อายจนถึงการกลายเป็นศิลปินอย่างทุกวันนี้

Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Hero
‘อีเลเว่น (ELEVEN)’ หรือ จาว- พบสุข บุญเสรฐ ศิลปินเจ้าของบทเพลงแนว Alternative ที่คอยผลิตผลงานติดหูออกมาให้เราได้ฟังกันเรื่อยๆ อย่าง SO-ON และ Love Moon เป็นต้น ล่าสุดกับการปล่อยอีพี (Extended Play) แรกในฐานะศิลปินอิสระอย่าง Don’t Wanna Lose “U” ที่บอกเล่าและร้อยเรียงความรู้สึกของการสูญเสียและความคิดถึงเข้าไว้ด้วยกันราวกับการจดบันทึกในไดอารี ไล่อารมณ์ผ่านลำดับเพลงราวกับภาพยนตร์ ด้วยไอเดียที่น่าตื่นเต้น โรแมนติก และดนตรีที่สดใหม่ของเขา VIBE จึงชวนจาวมาพูดคุยและแบ่งปันเรื่องราวกับเรา ตั้งแต่สมุดบันทึกหน้าแรกของเด็กชายขี้อายจนถึงหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเขียนไม่นาน 

ภายในห้องกาแฟสี่เหลี่ยมเล็กที่ดูอึมครึมจากบรรยากาศฝนตกภายนอก จาวเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามอย่างสบายๆ ยิ้มแย้ม ทักทาย และเริ่มแบ่งปันเรื่องราวของเขาให้เราฟังอย่างแจ่มใส บนสนทนาของเราดำเนินไปอย่างยาวนาน ลึกซึ้ง สนุกสนานเสียจนลืมไปเลยว่านี่คือการพบกันครั้งแรก จาวปลดเปลือยทุกความรู้สึกให้เราได้เห็นอย่างไม่ปิดบัง ตั้งแต่ความรู้สึกกลัว ความตื่นเต้น ความสับสน ความอึดอัด ความสุข ความเศร้า ตลอดจนความรักในเสียงดนตรี
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/01JgFF59jGnNrjtp6IWSmm/b7cca607f7c779e350dfb65e601aff00/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo01

จุดเริ่มต้นทางดนตรีของเด็กขี้กลัว 

ดนตรีกับจาวมาเจอกันได้ไง 
โหห ต้องเล่าย้อนไปก่อนว่าตอนเด็กๆ ผมเป็นคนขี้กลัวและขี้อายมาก ขนาดที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ้ป๊อด’ เลย แต่มีอยู่วันหนึ่งที่ผมไปห้างกับแม่ตอน ป.5 ผมเห็นมันมีโรงเรียสอนดนตรีตั้งอยู่ แล้วตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจผมให้อยากเข้าไปดู เพราะจริงๆ ผมเป็นคนขี้อายมากนะ ไม่กล้าทำอะไรแบบนี้เลย พอเดินเข้าไปก็เห็นเขาตั้งกีต้าร์ เบส และกลองไว้ แล้วพี่ที่โรงเรียนก็มาถามว่าอยากลองเล่นไหม วันนั้นคิดว่าไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว ก็เลยลองเล่นดูแบบขำๆ 

พอขึ้นไปลองตีเล่นแล้วรู้สึกยังไง  
ผมรู้สึกว่ามันสนุกดีนะ น่าจะเป็นเพราะผมชอบตีด้วยมั้ง ช่วงนั้นก็ตีแบด ตีเทนนิส ตีปิงปอง ก็เลยรู้สึกว่าอะไรที่ตีๆ มันเหมาะกับเราดี ผมเลยบอกแม่ว่าอยากขอลองเรียนดู หลังจากนั้นก็เล่นมาตลอดจนถึงมัธยมปลายเลย 

แล้วก่อนหน้านั้นไม่เคยสนใจเรื่องดนตรีบ้างเลยเหรอ  
ไม่เลย ไม่ได้ชอบ ไม่ได้สนใจเลย แต่ผมฟังเพลงนะ ถ้ามีคนเปิด อย่างผมตอนเด็กๆ จะฟังเพลงร้านเบเกอร์รี่เสียเยอะ เพราะว่าแม่ผมทำเบเกอร์รี่ เขาก็จะเปิดเทป Best Hit เดิมๆ ทุกวันและผมก็ฟังอย่างนั้นทุกวัน 

เล่นดนตรีแล้วตัวเราเปลี่ยนไปบ้างไหม ความขี้อายน้อยลงบ้างหรือเปล่า 
น้อยลงนะ และผมว่าผมมีสมาธิดีมากขึ้นด้วย เพราะกลองมันเป็นเครื่องดนตรีที่เราต้องจดจ่ออยู่กับมัน เราเลยไม่ต้องมาสนใจรอบข้างมากเท่าไหร่ นอกจากนั้นผมกลายเป็นคนฟังเพลงเยอะขึ้นด้วย แต่ตอนนั้นที่ฟังคือฟังแต่เสียงกลองอย่างเดียวเลยนะ ไม่มีเนื้อร้อง เพราะเราอยากแกะเพลงเพื่อมาตี 

เอาจริงขนาดนี้ ตอนนั้นเริ่มรู้สึกชอบในเสียงดนตรีบ้างหรือยัง 
ยัง แต่ผมมาชอบตอนอีกปีถัดมามี เพราะมันมี SuckSeed พอดี จำได้ว่าตอนนั้นไปดูในโรงฯ แล้วรู้สึกชอบมาก มันจุดความคิดผมเลยว่าเราก็น่าจะทำวงได้เหมือนกัน เพราะจริงๆ ผมเป็นคนชอบทำงานกลุ่ม เพราะเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจไง ถ้าทำเป็นกลุ่มมันก็จะดีกว่า น่าจะกล้ากว่า ตอนนั้นก็เลยเริ่มหาสมาชิกและตั้งวงขึ้นตอน ม.1 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4WNYrhtivBVC2xc9A2wlfb/a9f1cdaa7509202338d1fa52e9158b4e/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo02
ตอนนั้นก็ยังเล่นกลองใช่ไหม 
ใช่ครับ 

แล้วมาเริ่มร้องเพลงได้ไง 
จุดเปลี่ยนก็คือตอน ม.3 จะขึ้น ม.4 ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายไปโรงเรียนต่างๆ ที่ตัวเองจะเข้า ตอนนั้นวงก็เลยขาดนักร้องนำ แล้วผมน่าจะเป็นคนเดียวตอนนั้นที่ร้องเพลงได้ ไม่ได้ร้องถูก ไม่ได้ร้องดีนะ แค่ร้องได้ เพราะคนอื่นร้องไม่ได้เลย ผมก็เลยต้องมาเป็นนักร้องนำ 

อยากรู้เลยว่าเด็กขี้อายพอต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีครั้งแรกรู้สึกแบบไหน 
ผมจำได้แม่นเลยวันนั้น ทำผมปาดเป๋ด้วย ผมเริ่มยาวแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าโคตรเท่ ไม่เคยเท่มากขนาดนี้เลย (หัวเราะ) ตอนนั้นผมเล่นเพลง บทเพลงกระซิบ กับเพลง ขอ ของพี่ๆ Lomosonic แต่ตอนขึ้นไปผมคิดว่าผมเป็นพี่ตูนนะ แล้วผมก็พูดประมาณว่า “เฮ้ยทุกคน เอาหน่อยเว้ย” (หัวเราะ) 

ไหนบอกขี้อาย  
ตอนนั้นพอมองลงมาแล้วเห็นทุกคนสนุกเหมือนความขี้อายมันหายไปเลย แต่เวลาย้อนกลับไปดูคลิปตัวเองจริงๆ ผมก็รู้สึกว่า “อะไรของมึงวะ” (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นผมรู้สึกเท่มากเลยนะ เพราะทุกคนเอนจอยกับเรามากๆ โชคดีที่ชีวิตนี้ยังไม่เคยโดนโห่ครับ โชคดีมากๆ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/611WValw5k3dkkuWgvPP58/d31c6fc40804faa4d698d43779a40226/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo03
พอได้เริ่มสัมผัสความสุขจากการร้องเลยทำให้อยากเรียนดุริยางคศิลป์เหรอ 
จริงๆ ตอนแรกผมอยากเรียนนิเทศน์มาก ด้วยความชอบดูหนัง ดูสื่อ และก็มีแก๊งที่อยากเรียนเหมือนกัน แต่พอไปดูคะแนนปุ๊บคือไม่มีทางเลย ก็เลยถอยกลับมามองตัวเองว่าเราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิตนี้ แล้วเพื่อนผม ‘ต้นหน’ ก็ถามผมว่าทำไมไม่เรียนดนตรีในเมื่อเราอยู่แต่กับเรื่องพวกนี้ เพราะตัวมันเองก็จะเรียนดนตรีเหมือนกัน แต่เป็นของศิลปากร 

ต้นหนที่เล่น SuckSeed น่ะเหรอ 
ใช่ มันย้ายมาช่วง ม.ปลาย พอดี เลยได้รู้จักกัน เพราะมันเล่นกีต้าร์ด้วย 

นอกจากให้แรงบันดาลใจในหนังแล้ว ก็ยังมาเชียร์ในชีวิตจริงด้วย 
ประมาณนั้นเลย แต่ตอนนั้นผมรู้ตัวช้ามาก เพราะรอบสอบดนตรีมันมี 4 รอบ ตอนผมรู้ตัวคือรอบ 2 แล้วอ่ะ แล้วผมแทบไม่มีความรู้เลย สิ่งที่ทำได้คือมีความรู้เรื่องกลอง เรื่องจังหวะ แต่พวกเรื่องโน้ตผมไม่ได้เลย ก็เลยไปเรียนเพิ่ม ตอนนั้นผมฝึกตลอดเลยนะ เวลาไปเรียนปกติก็เอาดนตรีไปท่อง กินข้าว อาบน้ำก็ท่อง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 เดือนจนเริ่มจับทางได้ ซึ่งจริงๆ ผมเป็นคนไม่เชื่ออะไรแบบนี้เลยนะว่าคนเราจะสามารถทำเรื่องอะไรที่ไม่มีความรู้เลยได้ แต่ผมก็พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่าเราทำได้ 

พอเข้าไปเรียนจริงๆ แล้วเป็นไงบ้าง สนุกเหมือนที่คิดไหม 
โห อาทิตย์แรกเราเหมือนแมลงที่โดนยาฆ่าแมลงเลย (หัวเราะ) ไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรกัน ทำไมต้องยืนไล่เสียงโด เร มี เพราะผมเรียนศิลป์ญี่ปุ่นมา วันๆ ก็อยู่แต่กับตำรา แต่พอมาเรียนอันนี้คือเข้ามาทุกคนต้องร้องโน้ต ต้องฟังโน้ตให้ออก แล้วผมก็เหมือนคัลเจอร์ช็อกไปเลย ต้องมานั่งจูนที่โรงอาหารว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ชีทที่เก็บๆ มาคืออะไร เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ 2 อาทิตย์ถึงจะค่อยๆ จับทางได้ 

แล้วในแง่ของการฟังเพลงเปลี่ยนไปบ้างไหม 
เปลี่ยนไปมาก จากที่เคยฟังแต่เสียงกลองก็ฟังเสียงร้องแล้ว แต่ยังฟังเพื่อแกะเหมือนเดิม แกะเทคนิค แกะสำเนียง เขาใช้ลมยังไง ช่องเสียงอะไร การลิฟต์เขาเลื่อนแบบไหน ความเพราะของเพลงมันจะเริ่มมาหลังๆ แล้ว 

งั้นดนตรี Alternative มันเข้ามาตอนไหน 
ผมว่ามันเข้ามาตั้งแต่มัธยมแล้ว แต่เป็นในรูปแบบของร็อกมากกว่า ผมว่าเพลงแนวนี้มันคืออิโมชัลนัล การปล่อยอารมณ์ไปกับเพลงไม่ว่าจะการร้อง หรือดนตรี บางคนอาจจะบอกว่าซาวด์กีต้าร์แบบนี้มันอาจจะแข็งกระด้าง แต่ผมชอบนะ เพราะนั่นคือตัวตนของเขา เขาปล่อยออกมาโดยไม่มีอะไรกั้นไว้ ผมว่าผลงานที่ดีควรจะเริ่มมากจากตรงนั้น 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4UJjRoXT2pILwPLXKPjgO7/6f60c61f44b7cc4047ae763e87f1c14d/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo04

1-1=11 

ทำไมต้องเป็น ELEVEN  
มันมาจากร้านสะดวกซื้อ คือจริงๆ ผมคิดเยอะมากเลยนะชื่อวง แต่มันไม่ได้สักที แล้วข้างล่างหอผมมันจะมีร้านสะดวกซื้อ 2 ชั้นที่ใหญ่มาก ซึ่งชั้น 2 จะเป็น Co-Working Space ที่ผมกับเพื่อนมักจะชอบไปนั่งกันเวลาคิดอะไรไม่ออก ตอนนั้นผมมีเพื่อนร่วมวงคนหนึ่ง ผมก็เลยคุยกันว่าหรือเราไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ตรรกะไม่ต้องมี ก็เลยเล่นเกมกันแบบหลับตาแล้วชี้ ลืมตามาเจออะไรตั้งชื่อตามอันนั้นเลย แล้วมันดันชี้ไปโดนถุง แต่จะให้ชื่อ SEVEN ก็ดูประหลาดไง ก็เลยชื่อ ELEVEN แล้วกัน เพราะมันก็จะดูมีตรรกะขึ้นมาหน่อยว่าเรา 2 คน เป็น 1 กับ 1 รวมกันกลายเป็น 11 ตอนนั้นคือตั้งๆ ไปก่อน ถ้าไม่ชอบก็ค่อยเปลี่ยนเพราะคิดว่าคงมีแฟนเพลงไม่เยอะหรอก คงยังไม่มีใครจำเราได้ ซึ่งจริงๆ ก่อนหน้านั้นผมมีวงมาก่อนด้วยนะ 

จริงเหรอ วงอะไร 
เป็นวง 5 คน ชื่อ 189 เป็นเลขห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มันชอบแย่งไวไฟผมเวลาทำงาน แล้วผมโกรธมากก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อวง 

เป็นคนแปลกเหมือนกันนะ 
นิดหน่อยครับ (ยิ้ม) 

สู่การเป็นศิลปินเดี่ยวที่เริ่มมีคนรู้จักในเพลง SO-ON 
ผมไม่ได้คิดว่าเพลงนี้มันจะมาสุด เพราะมันมาเร็วมากในสตรีมมิ่งช่วงนั้น แล้วตอนนั้นโควิดก็เพิ่งมาด้วย ผมไม่มั่นใจอะไรเลย แต่ก็เป็นเพลงหนึ่งที่ผมชอบมาก แบบในหลายๆ เพลง เพลงนี้ก็อาจอยู่ท็อปๆ เหมือนกัน เพราะเพลงนี้มันเล่าถึงตัวผมในอดีตที่ทำให้เรามีวันนี้ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/jt7IZVV6p5Aj7P1MSVvf8/b282f35c5a72843a65547cbdf9a73f4b/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo05
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/76Z8VxLDrbPFYU8wg5XRT6/17db5e6fb7845a6d4cd8f128cca45704/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo06
เพลงทุกเพลงล้วนสะท้อนตัวจาวในช่วงเวลาต่างๆ หมดเลยเนอะ 
ใช่ ผมเขียนมันออกมาจากสิ่งที่รู้สึก แต่ก็มีบางช่วงที่ผมรู้สึกแต่ก็เขียนออกมาไม่ได้เหมือนกันนะ 

ยังไง 
มันมีช่วงที่ผม burned out ติดอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ กับคำพูดบางแย่ๆ บางสิ่งบางอย่างมันยังหลอกหลอนเราอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านต่างๆ มันเป็นแผลใจ ทำให้เขียนเพลงไม่ได้ คิดงานไม่ออก กลัวว่ามันจะไม่ดีอย่างที่มีคนว่า 

ตอนนั้นทำยังไงถึงกลับมาได้ 
ผมก็ไปพักผ่อนกับทีบ้านที่เชียงใหม่ พ่อผมจะมีบ้านเล็กๆ ที่เห็นวิวภูเขาอยู่ แล้วตอนแรกกะจะไม่เอากีตาร์กับสมุดไปด้วยนะ เพราะรู้สึกว่าไปก็คงแต่งเพลงไม่ได้อยู่ดี เอาไปก็หนักเปล่าๆ แต่สุดท้ายคิดไปคิดมาก็เลยหยิบกีตาร์ไปตัวนึง หยิบสมุดเขียนเพลงไป  

แล้วได้เขียนไหม 
ได้ครับ ตอนนั้นผมไม่ได้ปล่อยเพลงประมาณ 4 เดือนแล้ว ซึ่งมันก็นาน ปกติผมไม่ได้ปล่อยนานขนาดนี้ ผมก็เลยมานั่งคิดว่าจริงๆ ตอนนี้เรากำลังเสียตัวเองไปนี่หว่า แล้วก็กำลังจะเสียกลุ่มคนที่เขาเชื่อในตัวเราไปด้วย คือมันน้อยแหละ แต่มันมี แล้วเขาก็น่ารัก กับผมมาตลอด ผมก็รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเขาเลยถ้าผมยอมแพ้ ก็เลยพยายามเขียนไป เขียนๆ เขียนทิ้งไปหลายอันมาก จนสุดท้ายได้ออกมาเป็นเพลง Love Moon ที่ได้มากจากการมองพระจันทร์ ว่าจริงๆ แล้วการที่เราแค่มองเห็นกันหรืออยู่ใกล้ๆ กัน โดยที่เราไม่ต้องพูดอะไรกันก็รู้สึกถึงกันได้ด้วยความรักอะไรบางอย่างนะ 

ซึ่งเพลงนี้ก็อยู่ในอัลบัม Don’t Wanna Lose “U” ด้วย 
จริงๆ จุดเริ่มต้นของอัลบัมก็เริ่มมาจากที่นี่แหละครับ การที่ผมไม่อยากจะเสียอะไรไป ทั้งตัวเอง และแฟนเพลง 

ในอัลบัมนี้ ความพิเศษคือมีอินโทรที่เป็นเพลงบรรเลง 
อย่างที่ผมบอก ผมชอบหนัง ผมอยากทำหนังของตัวเอง พอมีอัลบัมผมเลยคิดอยากจะทำให้มีกลิ่นอายอะไรแบบนี้ ก็เลยแบ่งพาร์ทของมันให้มีต้น กลาง จบ ตั้งแต่เรื่องการที่เราสูญเสียอะไรไป การที่เราสุขที่สุด การที่เราเศร้าที่สุด ไปจนถึงการออกเดินทางต่อไปของเรา 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6teuucJ5yrCKhDoBYreu8Z/e711340d1f2c89a3a3a99cd82fd24a0f/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo07
เราไปฟังเพลงในอัลบัมมา มันค่อนไปทางเศร้ามากกว่าสุข จาวเองมีเรื่องแบบไหนเหมือนในอัลบัมบ้างไหม 
มีครับ ทุกๆ เพลงที่ผมเขียน มาจากไดอารีของผมหมดเลย ผมเขียนไดอารีอยู่แล้ว เลยตั้งใจให้คอนเซ็ปต์มันเป็นแบบนี้ การหยิบหนึ่งในความรู้สึกของผมมาเล่าให้ฟังในปัจจุบัน  

มีเรื่องไหนในบันทึกเล่มนี้ไหมที่เรายังจำได้แม่น จำได้ดีไหม 
น่าจะเป็นเพลง Noted ครับ อันนั้นคือเพลงที่ผมแต่งให้เพื่อนสนิทผมที่ทำวง 189 ด้วยกัน เป็นมือกีตาร์โปร่งที่แบบสนิทกันมาก เป็นเพื่อนคนแรกสมัยมหาลัย 

เจอกันได้ยังไง 
คือผมจำได้ว่าผมไปเล่นงานๆ หนึ่งในคณะ แล้วผมกับมันก็ยังไม่รู้จักกันเลยตอนนั้น ผมก็ร้องเพลง ขอ แล้วก็ตีกลองอยู่ วันนั้นโคตรบ้าเลย ผมเอากลองทอม กลองใหญ่ๆ มาตีแล้วก็โยนไม้เหมือนฟีลชาวร็อก แล้วท่อนที่มันแบบ “โว้ว โหว่ว” อยู่ๆ มันก็ลุกขึ้นมาจากพื้นที่นั่งแล้วก็ร้องกับผม ทั้งที่ผมกับมันไม่รู้จัก จากวันนั้นเราก็นั่งคุยกัน เรียนคลาสเดียวกันด้วยก็เลยยิ่งสนิทกัน แต่มันดันป่วยเป็น ‘มะเร็ง’ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/7e0YdqlLkjQYXn9i8AUSZY/688694c78a75478483bfeca61c9530dd/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo08
ตอนนั้นเราทำยังไง 
ผมช็อกนะ แต่ผมไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมเขาเลย แต่ก็ได้ยินจากเพื่อนว่าเออมันดีขึ้นแล้วนะ เพราะเขาออกมาจากโรงพยาบาลมาแปบนึง ออกมาหาเพื่อนแล้วมันก็กลับโรงพยาบาลอีก แล้วอยู่ดีๆ อาการก็ทรุดแล้วเขาก็ไปเลย ไปโดยที่เราไม่ตั้งตัว ผมก็เลยรู้สึกผิดมาตั้งแต่วันนั้น แล้วผมก็คิดว่าสักวันจะแต่งเพลงให้ก็เลยมาจบที่ Noted เพลงนี้่ก็คงเป็นไดอารีเรื่องหนึ่งที่จำแม่นที่สุดเพราะเป็นใจความของคำว่าไดอารีทั้งหมดด้วยแหละ  

ได้แวะไปบอกเขาไหมว่าเขียนเพลงนี้ให้นะ 
จริงๆ ผมบอกเขาทุกครั้งเลย ตั้งแต่เอาเพลงนี้ไปเล่น ทุกครั้งก่อนเล่นก็จะพูดถึงเขา และก็ยิ่งคอนเสิร์ตที่ผ่านมาก็พูดเยอะอยู่ ร้องไห้กันไป (หัวเราะ) หลายๆ องค์ประกอบเพลงนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาชอบทั้งนั้น แบบแนวเพลงเอย หรือเสียงกีตาร์โปร่งเอย เพราะเขาเล่นกีตาร์โปร่งอยู่แล้ว แล้วก็มีท่อนที่เขาเล่นกีตาร์โปร่งแล้วผมร้องด้วยก็เลยอยากให้ Remind ว่าเพลงนี้ ไม่ว่าจะเปิดกี่ครั้งก็เหมือนกับว่าเราได้เล่นดนตรีด้วยกันอยู่  

สิ่งที่เรียนรู้จากเรื่องราวทั้งหมดในไดอารีทุกเล่มที่เขียนมา 
ผมว่าสิ่งทุกอย่างที่มันสอนผมมาตอนนี้ มันทำให้ผมรักตัวเองมาก แล้วมันก็ทำให้ผมเป็นตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครสอนใครได้ ผมเลยดีใจที่ชีวิตผมมันทำให้ผมรู้จักคำนี้ ทำให้รู้จักชีวิต ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมมีความสุขที่ได้ทำ และนี่คือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตผมแล้ว  

การเดินทางของตัวเองจนถึง ELEVEN มันทำให้รู้จักการอยู่กับคนอื่น รู้จักความกล้าแสดงออกยังไงให้ถูกจุด ผมรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมเป็นผมในปัจจุบันที่ดีที่สุด เป็นผมในเวอร์ชั่นที่ควรจะเป็น  

เป็นข้อความทิ้งท้ายในสมุดบันทึกที่ชื่อว่า Don’t Wanna Lose “U” โดย จาว และ ELEVEN เนอะ 
ผมคิดตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ในที่นี่หมายถึงตัวตนนะ สิ่งนี้มันเหมือนเป็นศาสนา ทำให้ผมรู้สึกมีที่ยึดเหนี่ยว ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้ง ไม้ว่าจะเจ็บปวดกี่ที อย่างน้อยเรายังมีตัวเองเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า เราควรจะทำอะไรต่อไป ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันจะดีแน่ๆ ถ้าเราเชื่อมั่นในตัวเอง
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6wcqgFQfczm1iYCWMqOwXl/f93f80748257a44f6f9388efa60fca8d/Interview-Eleven-The-Dairy-From-Jour-And-Things-Dont-Wanna-Lose-SPACEBAR-Photo09

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์