นี่คือศิลปินหน้าใหม่อีกหนึ่งคนที่ผมมีโอกาสได้เห็นหน้าตาของเขาทุกวันยามต้องเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟฟ้า BTS อยู่ในเวลานี้กับศิลปินที่มีชื่อว่า FrenchW พร้อมกับซิงเกิลที่ชื่อว่า ‘หน้าจอ’ และเนื่องจากหน้ากันบ่อยๆ บนรถไฟฟ้า ทำให้ในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ค่าย Tero Music ได้ทำการนัดผมให้มาสัมภาษณ์ผู้ชายคนนี้กันไปเลยว่า ที่จริงแล้วเขาเป็นใคร มาจากไหนกันแน่ ? ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไร ติดตามกันได้ในบทสัมภาษณ์นี้เลยครับ

FrenchW คือใคร
สวัสดีครับ ผมชื่อ FrenchW (เฟรนช์ ดั๊บ) ครับ ตอนนี้ปีครึ่งแล้วครับที่ได้มาอยู่กับค่าย Tero Music เป็นปีที่เพิ่งเรียนจบกลับมาที่ไทย ก็หวังว่าจะเป็นปีที่มีผลงานต่อเนื่อง เพราะเมื่อก่อนตอนที่ปล่อยเพลง ‘โทรศัพท์เครื่องเก่า’ ไปเพลงมันฮิต มันติดกระแส แต่เราไม่มีอะไรมาตามต่อ ทำให้หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ปีนี้จะได้เจอกันทั้งปีแน่นอนครับทำไมชื่อศิลปินต้องมีตัว W ตามหลัง
มั่นเริ่มจาก นามสกุลผมเริ่มต้นด้วยตัว W แล้วก็ตอนนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังหาชื่อศิลปินอยู่ว่าจะใช้ชื่อไหนดี และพอไปเรียนที่ University of Washington เพื่อนๆ เขาจะเรียกชื่อมหาลัยกันว่า ‘ดั๊บ’ แล้วเราก็เลยเอามาใช้ในชื่อศิลปินเรา เพราะถ้าเรียก W (ดั๊บเบิ้ลยู) เลยมันไม่เข้าปากอะ มันเยอะ หลายพยางค์ครับจุดเริ่มต้นความชื่นชอบในการเล่นดนตรี
เริ่มตั้งแต่เด็กๆ เราชอบไปดูคอนเสิร์ต โดยที่คุณแม่พาไปดู เมื่อก่อนเราชอบพี่บี้ เดอะสตาร์ และฟังเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ เลย ตอนนั้นอีกศิลปินที่ชอบฟังก็คือ คาราบาวมาคู่กับพี่บี้เลย (ยิ้ม) เราก็จะมีความซึมซับกับพาร์ทดนตรีตั้งแต่เด็กๆ และพอจนอายุ 13-14 เราเข้าไฮสคูล เริ่มอยากเล่นดนตรีเพราะมันเท่และมันเป็นวิชาบังคับ ซึ่งมันมีให้เลือกระหว่าง ดราม่า (การละคร) กับวิชาดนตรี เราเลยเลือกเรียนขับร้อง จนตอนอายุ 15 ปีเลยบอกที่บ้านว่า เราอยากทำเป็นอาชีพ เลยขอคุณพ่อไปเรียนซัมเมอร์ที่ Berklee College of Music ตอนนั้นก็ไปแบบงงๆ เพราะอายุแค่ 16 ปี แต่ทางบ้านก็ซัพพอร์ตเต็มที่ พอกลับมาจากเบิร์กลีย์ เราก็ชัวร์ละว่า นี่คือที่ที่เราอยากไป และเป็นคนที่แน่วแน่เรื่องนี้ว่า เราจะทำอาชีพนี้ในอนาคต
กับการลองทำเพลงเองครั้งแรกในชีวิต
เพลงแรกตอนนั้น จำได้ว่า เพื่อนชวนไปที่ Karma Studio มันเป็นการเข้าแคมป์ Song Writing สำหรับเด็ก 15-16 ปี แล้วก็ไปเจอกับพี่ๆ นักแต่งเพลง เพื่อนๆ ที่หลงใหลในดนตรี และก็ได้แต่งเพลงขึ้นมาหนึ่งเพลง ซึ่งมันเป็นเพลงที่ห่วยมากเลยถ้ากลับไปฟังทุกวันนี้ (หัวเราะ) เป็นเพลงที่โคตรห่วยและเป็นภาษาอังกฤษด้วย แต่มันเป็นก้าวแรกที่ทำให้เรารู้ว่า จริงๆแล้วถ้าเราอยากมาสายนี้เราต้องเป็นครีเอเตอร์อาจารย์ที่เบิร์กลีย์ก็เคยบอกไว้เหมือนกันว่า ถ้ามึงจะเป็นศิลปินมึงต้องเป็นครีเอเตอร์ด้วย และห้ามบ่น เพราะเป็นสิ่งที่มึงต้องทำ เป็นหน้าที่ที่มึงต้องสร้างสรรค์ผลงาน บางคนบ่นว่า ผลงานตัวเองไม่ไปไหนเลย ห้ามบ่น เพราะคุณเลือกเส้นทางของคุณแล้ว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนเพลง
เพลงแรกที่เขียนไม่ได้ปล่อย มันชื่อเพลงแบบแปลเป็นไทยว่า ‘คลุมเครือ’ ซึ่งแม่งคลุมเครือยันดนตรีเลยเพลงนั้น (หัวเราะ) เนื้อร้อง ทุกอย่าง มันเป็นเพลงที่ไม่ดี ถ้าพูดกันตามตรง แต่ก็ต้องขอบคุณเพลงนี้ที่ทำให้เราเริ่มกล้า เหมือนเป็นการเปิดก็อกน้ำครั้งแรก มีสนิมมีเศษตะกอนตกมาอยู่
จุดไหน คือ จุดที่มั่นใจให้คนอื่นฟังเพลงของตัวเองแล้ว
นับจากวันที่เขียนเพลงแรกนั้นไปประมาณ 2 ปีกว่าๆ เพลงที่เขียนต่อมาและปล่อยในช่องทางของตัวเอง มีชื่อว่า เพลง Not me เป็นเพลงสากล ปล่อยในช่องยูทูปตัวเอง ซึ่งวันนี้ก็ไม่กล้ากลับไปฟัง (หัวเราะ) และก็เป็นเพลงที่ไม่รู้ว่า ตอนนั้นเรามั่นใจได้ยังไง แต่เรามีคติว่า เราต้องลงมือทำทันที ถ้าคิดแต่ไม่ได้ทำมันก็เท่านั้น ถึงมันจะห่วยเราก็ปล่อยไปก่อน เพราะยังไงสักวันก็ต้องร้องเพลงให้คนอื่นฟังอยู่ดีTero Music กับก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในชีวิต
จริงๆ เฟรนช์ทำอิสระมาสักพักและมีเพลง Walk You home เป็นเพลงแรกที่ปล่อยกับ Tero Music ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากการที่ พี่ล่า นิตยสาร OverDrive เขาส่งไปให้ค่ายเพลงฟัง เพราะเราไปขอคำแนะนำจากพี่เขา ทางค่ายก็เลยมีโอกาสได้ฟังเพลงผมจากนั้นมันมีเพลง Hurt Yourself ที่เป็นเพลงสากลมียอดวิวประมาณแสนกว่าวิว ทางค่ายเขาก็ชอบ คุยกันก็เลยได้มีโอกาสเซ็นต์สัญญากันตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย คุยกับที่บ้านว่ามันเป็นช่วงของการลอง เป็น 5 ปีที่ถ้าเราไม่ทำอะไร ไม่เซ็นต์สัญญาเราก็อยู่กับที่ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร มองว่ามีแต่สิ่งดีๆ มองว่าเพลงเราผ่านฟิลเตอร์อีกหลายๆ ชั้นๆ จากคนในค่าย และก็มีทีมที่พร้อมจะทำงานเพื่อเรา เราก็เลยตัดสินใจมาทำ แต่วันนั้นคิดแค่ในเรื่องที่ว่า เราจะยังทำเพลงที่เราชอบได้ไหม ไม่ได้คิดถึงเรื่องผลประโยชน์เลย คำตอบคือ ได้ แต่มันต้องผ่านการกรูมมิ่งนิดนึง ก็เลยตัดสินใจมา

ทำเพลงมาสักพักได้ มีเพลงล้านวิว
พูดตรงๆ คือ ไม่ตื่นเต้นเลยสำหรับเรื่องนี้ เพราะเราเห็นกระบวนการของมันที่มันแบบวันหนึ่งจาก 0 วิว มันกลายมาเป็นหมื่น มาเป็นแสน สามแสน ห้าแสน แต่วันที่ตกใจเลยคือวันที่คนเข้ามาดูเพลงของเรา เป็นแสนคนซึ่งมันแปลกมากสำหรับเราในเวลานั้น เพราะตอนนั้นเราใช้เวลา 5 เดือนเพื่อที่จะมีคนมาดูแสนวิว แต่วันนั้นคือวันเดียวที่แสนวิววิ่งเข้ามา ก็เป็นวันที่ตกใจมาก พอมันมาเป็นวันที่ล้านวิวมันก็เลยเกินคาดมากๆ ครับ เพราะตอนแรกเราไม่ได้คาดหวังอะไรเพลงดังเสร็จกลับไปเรียนเมืองนอกเฉย ทำไมตัดสินใจแบบนั้น
จริงๆ เราไม่ได้คาดหวังว่า เพลงมันจะดังไงเราก็แพลนว่าจะกลับไปเรียนต่อ เหลืออีกแค่ 6 เดือนสุดท้ายแล้ว ปริญญาตรีมัน 3 ปี เฟรนช์เรียนมา 2 ปีแล้ว มาเจอโควิด-19 อีก เหลืออีก 6 เดือน ก็แพลนว่าปล่อยเพลงไป ไปเรียนอีก 6 เดือนค่อยกลับมา ก็ปล่อยเพลงไป 19 มกราคม วันที่ 30 มกราคมก็บินเลย ไม่ได้กะดังเลย ปล่อยทิ้งไว้ก่อน ดังก็ดี แต่เราก็ไม่อยู่ละแต่พอไปถึงอังกฤษ สัปดาห์แรกเพลงขึ้นอันดับ 1 ชาร์ต Joox Indy อันดับ 1 แซง The Parkinson เลย คิดในใจ กูกลับไปเรียนทำไมวะ (หัวเราะ) แต่ที่พีคคือ อาทิตย์ถัดมาขึ้นอับดับ 1 เราก็เลยแบบ อยากกลับไปไทยแล้วว่ะ ตอนนั้นก็จำได้มีสื่อหลายๆ สื่อมาสัมภาษณ์ แต่เราก็แบบพี่ มันไม่ทันแล้ว เสียดายเหมือนกันครับ
ซิงเกิลล่าสุด ‘หน้าจอ’
เพลงนี้ก็โปรดิวเซอร์เป็น พี่ฟุ้ง Better Weather เป็นคนดูแลทั้งหมดเลย เฟรนช์เองก็ขอขอบคุณทางวง Better Weather ที่ให้พี่ฟุ้งมาช่วยเหลือในการทำเพลงนี้ครับ เพลง หน้าจอ เป็นเพลงที่เขียนที่ตอนอยู่อังกฤษ เขียนขึ้นเพราะคิดถึงหลายๆ อย่างในไทย เรื่องราวมันจะประมาณว่า เวลาเราคิดถึงใครมากๆ มักฝากข้อความไปผ่านดวงจันทร์ แต่ปัจจุบันยุคสมัยมันพัฒนาแล้ว ฝากผ่านมือถือไปเลยละกัน ส่งผ่านหน้าจอไป เป็นการส่งสารผ่านเรื่องราวใกล้ตัวในชีวิตประจำวันของใครหลายๆ คน ทุกอย่างมันก็เลยกลายมาเป็นเพลงนี้ครับเป้าหมายในการเล่นดนตรีของ FrenchW
ตอนนี้ก็หวังว่าจะมีเพลงออกมาต่อเนื่องในปีนี้ เป้าหมายระยะสั้น เป็นช่วงที่อยากมีผลงานให้พี่ๆ น้องๆ หลายคนได้เห็นว่า ซาวด์มันเป็นยังไง มันมีเพลง ‘โทรศัพท์เครื่องเก่า’ ออกมา แต่มันอาจจะยังไม่ติดหูคนฟัง อาจจะยังไม่รู้จักว่าคนนี้ไปฟังต่อได้ที่ไหนวะ หรือคนนี้มีเพลงอะไรอีก ก็เลยอยากทำในจุดนั้น และก็อยากมีโอกาสได้ไปเจอกับแฟนๆ ตามงานร้องเพลงต่างๆ ในอนาคตครับ