Hard Boy วงดนตรีร็อกน้องใหม่ ที่ใฝ่ฝันอยากเป็น ‘ร็อกสตาร์’ สักครั้งในชีวิต

8 พ.ค. 2566 - 06:20

  • สมาชิกวง Hard Boy ประกอบไปด้วย

  • ภีร์ - ร้องนำ

  • ฟลุ๊ค - มือกีตาร์

  • ภู - มือคีย์บอร์ด

  • ต้อม - มือเบส

  • เล้ง - มือกลอง

Interview-Hard-Boy-genelab-SPACEBAR-Thumbnail

จุดเริ่มต้นของ Hard Boy 

ภีร์: จุดเริ่มต้นของวง Hard Boy ต้องย้อนไปก่อนว่า สมาชิกดั้งเดิมก่อนหน้านี้ เขาฟอร์มวงกันมาอยู่แล้ว แต่วงยังขาดนักร้องอยู่ ซึ่งผมเองได้รับการชักชวนจากทาง ภู และทอมมือกลองคนแรก ซึ่งเป็นเพื่อนที่ธรรมศาสตร์ เขาไปเห็นผมร้องเพลงลงยูทูบ เราก็เลยใจง่าย ไปเลย ลองดูสักครั้งครับ (หัวเราะ) ช่วงที่เข้ามาในวงก็ยังเป็นสมาชิกยุคดั้งเดิมอยู่ ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เปลี่ยนสมาชิกในวงกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันครับ 

ภู: ตอนที่ตั้งวงนี้ขึ้นมา พวกเรามีแนวคิดที่จะเล่นดนตรีแนวนี้มาตั้งแต่ต้นครับ ฟลุ๊ค เขาก็เป็นมือกีต้าร์สายร็อกอยู่แล้ว เขาฟัง คลาสสิกร็อก ฟังเพลงเก่าๆ เพลงยุค 70 ยุค 80 เราก็เห็นว่า น้องเขามีศักยภาพที่มาทำอะไรสักอย่างด้วยกัน เลยลองชวนมาทำวงกันไหม มาตั้งวงกันดู ซึ่งก็ต้องบอกว่า การหานักร้องแนวนี้พวกเราก็หานักร้องอยู่นานมาก จนกระทั่งไปเจอ ภีร์ ช่วงนั้นก็มีแนวทางหลายทางที่วงทดลองทำทั้ง เฮฟวี่ เมทัล ทั้งร็อกสมัยใหม่ด้วย เราก็หาแนวทางที่เหมาะกับพวกเราจริงๆ จนมาจบที่ แกลมร็อก แนวที่เราเล่นกันทุกวันนี้ครับ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6KsJnQVIlEmtE7ndKPPgKx/b3b5faab0156a07f563d1ce9cd56076e/Interview-Hard-Boy-genelab-SPACEBAR-Photo01

เริ่มต้นจากความสนุกสู่การออกผจญภัยบนเส้นทางนักดนตรีกลางคืน

ภีร์: แรกสุดตอนที่ทำวงขึ้นมา พวกเรามีจุดมุ่งหมายว่า อยากทำวงดนตรีสนุกๆ เล่นกันในห้องซ้อม จนตอนนั้น ผมเองก็มีได้ไปออกรายการบ้าง เลยคิดว่า งั้นพวกเราลองเล่นกลางคืนกันดูไหม ก็ไปถามร้านนึงที่ตลาดรถไฟ ว่ารับออดิชันวงไหม ร้านก็ให้ไปออดิชันจากนั้นก็ได้เล่นที่ร้านนั้นและเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ออกไปเจอผู้คน จนกระทั่งวันนึงเราได้รับโอกาสจากร้าน Parking Toys เขาติดต่อมาให้เราไปเล่นอยู่ที่นั้น และร้านนี้พวกเราเองก็อยากไปเล่นมากๆ มันเป็นเหมือนความฝันของนักดนตรีที่ต้องไปเล่นสักครั้ง เราจึงตัดสินใจไปครับ  

ซึ่งความจริงจังและแนวทางของวงมันก็ถูกเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จากการทำงาน พวกเราฝันกันมาตลอดว่า อยากเป็นร็อกสตาร์ ผมเองแม้อยากเป็นเหมือนกัน อยากเป็นมากๆ เหมือนทุกคน แต่ตอนนั้นก็ทำงานประจำด้วยครับ มันก็มีพาร์ทชีวิตความเป็นจริงที่เรามองว่า ความฝันฝั่งดนตรีมันยังเป็นงานอดิเรกอยู่ พอเวลาผ่านไป เราเห็นว่า วงทำสิ่งนี้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ มีคนยอมรับเรามากขึ้น จากวงที่เล่นในห้องซ้อม มาเป็นวงเล่นร้าน จากวงเล่นร้านเริ่มมีเพลงเป็นของตัวเองเริ่มเป็นศิลปิน ผมคิดว่า ผมควรแลกอะไรบางสิ่งกับมันเหมือนกัน  

อิทธิผลทางดนตรีของ Hard Boy ที่ทำให้วงมีภาพที่ชัดและแข็งแรง 

ฟลุ๊ค: ผมจะเด็กสุดในวงเลย จะได้รับอิทธิพลการฟังเพลงจากคุณพ่อครับ พ่อเปิดเพลงวง Scorpions พอโตขึ้นหน่อยก็มาเริ่มเล่นกีต้าร์เพลงแรกคือ ซมซาน ของวง LOSO ครับ หลังจากนั้นผมชอบพี่เสกมากๆ ก็ไปตามหาต่อว่าไอดอลของพี่เขาเป็นใคร แกชอบ The Doors กับ Jimi Hendrix มากๆ ผมก็เลยถล้ำลึกไปทางดนตรีแนวบลูส์และร็อกแอนด์โรล จนมาค้นพบตัวเองว่า ชอบซาวด์ดนตรีช่วงยุค 80 ที่สุดครับ  

ภู: ของผมจะมีหลายทางหน่อย เดิมทีเราศึกษาในวิทยาลัยดนตรีด้วย เรียนเป็นดนตรีแขนงแจ๊ส มันก็จะมีเรื่องของประวัติศาสตร์ทางดนตรีทั้งหลาย แต่ในสิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีอะไรก็ตามผมชอบเสียงออแกน ผมชอบเสียงคีย์บอร์ด เลยศึกษาพวกเสียงซินธิไซเซอร์ว่า เขาผลิตอย่างไร สร้างเสียงสังเคราะห์แบบไหน จนกระทั่งมาถึงวงดนตรีที่ผมชอบอย่าง Deep Purple ฟังแล้วก็อยากจะไปให้ถึงระดับเขาให้ได้ 

ต้อม: ผมก็จะเป็นยุค 60-70 เป็นหลัก เพราะฟังจากคุณพ่อคุณแม่ ฟังไปทุกแนวจน Kylie Minogue เป็นป็อปสตาร์ แต่หลักๆ พอมาช่วงที่ยุคกีต้าร์มันเฟื่องฟูก็มาฟังวง UFO ได้จากตรงนั้นมาเยอะเหมือนกันครับ เริ่มจากเพลงสากลจนมาทำวงนี้ครับ 

ภีร์: ผมเด็กยุค 2000 มันก็จะโตมากับดนตรีแนว อีโม ร็อก, เมทัลคอร์ ไว้ผมปัดเป๋ แถมเราเป็นคนบ้านักร้องเสียงสูงอยู่แล้ว ทีนี้ก็ศึกษาไปเรื่อยเลยว่า ศิลปินที่เราชอบเขาฟังอะไรมาก่อน อะไรมันหล่อหลอมให้เป็นเขามาทุกวันนี้ อย่างเช่น Avenged Sevenfold เขาฟัง Metalica ฟัง Pantera มา เราก็ย้อนฟังลึกๆ ไปจนกระทั่งเจอดนตรีแนว Heavy Metal ช่วง 80 จากนั้นผมก็ไปไหนไม่รอดเลย ฟังอยู่แต่แนวนี้และค้นพบเสน่ห์ว่า ดนตรี Hard Rock มันไม่ต้องเล่นเร็วๆ แรงๆ ก็ได้เล่นน้อยแต่ก็มันได้ โยกได้เหมือนกัน เช่นเพลงของวง AC/DC เพลง Back in Black เราก็โยกกันหัวหลุดแล้ว แล้วนักร้องเสียงสูงๆ สากๆ ก็เลยเจอสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆ เลยคือ รักดนตรียุค 80  

เล้ง: ของผมก็คล้ายๆ กับ ภีร์ มันเป็นช่วงยุค 2000 ตอนนั้นบ้าเมทัล ฟังเพลงเมทัลคอร์, เดธคอร์ แต่ก็ไปประจบกับการเล่นเกม Guitar Hero ด้วยยิ่งทำให้เราถลำลึกไปฟังเพลงแนวคลาสสิกร็อก ปรากฏว่ามันเป็นเพลงที่อยู่กับเรามาตลอดชีวิตเลยนิหว่า ยุคนั้นเกมส์ต่างๆ เยอะมาก เราก็นั่งนึกออกทีหลังเลยได้ย้อนกลับไปสรุปเอ้าชอบแนวนี้ไปซะแล้ว   
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1N2zWD9w930d7XFez0gCn9/7de624ba857b6a34e880938407c6cfc7/Interview-Hard-Boy-genelab-SPACEBAR-Photo02

เริ่มต้นทำเพลงของตัวเองไปพร้อมกับภาวะที่โลกหยุดนิ่ง ‘โควิด-19’

ภีร์: เพลงของตัวเอง มันเริ่มต้นช่วงโควิดเลยครับกับการทำสิ่งนี้ อีเวนต์ก็จัดไม่ได้ ร้านก็ไปเล่นไม่ได้ พวกเราว่าง (หัวเราะ) ไม่รู้จะทำอะไรดีเลยทำเพลงกัน ตอนนั้น เล้ง เขาเขียนเพลงมาเพลงนึงแล้ว พวกเราคิดว่า วงเราเก็บชั่วโมงบินมาพอสมควรแล้ว น่าจะทำอะไรที่มันพาวงไปอีกระดับนึงได้ มันต้องมีเพลงของตัวเอง ก็เลยเริ่มทำเพลงกัน ซึ่งจริงๆ ทำทีละเพลงด้วยนะ เหมือนยังอยู่ในช่วงที่เราอยากทดลองสิ่งต่างๆ มากกว่า แต่ก็ได้ลงมือทำกันออกมา   

ต้อม: ตอนนั้นเพลงนึงเราใช้เวลากับมันเยอะมาก งานทุกพาร์ทพวกเราต้องทำเอง ทุกอย่างเราดีลเองกันหมด กลายเป็นว่าเพลงนึงมันใช้เวลานานมาก แต่พอมันออกมามีคนฟังก็มีความสุขมากๆ ที่ได้ทำครับ   
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5Qv9Ywa7dALlo25xqrbGgO/f555eca48d51fd12f90191bb1c3e9a41/Interview-Hard-Boy-genelab-SPACEBAR-Photo03

การมาถึงของค่าย genelab

ภีร์: เป็นความโชคดีของวงและผมเลย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตัวผมเองได้มีโอกาสฝึกงานที่ค่ายเพลง genie records ได้รู้จักพี่โอมในช่วงนั้น ได้มีโอกาสคุยกันเคยบอกพี่โอมว่า อยากเป็นศิลปิน เขาก็บอกว่า มึงทำเพลงมา ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน 10 ปีผ่านไป พี่โอมก็โทรมาผ่านเฟสบุ๊กครับ เราแอดเฟสบุ๊กกันไว้ ผมก็งงว่าพี่เขาโทรมาผิดรึเปล่า (หัวเราะ) เขาจะโทรหาทำไม ก็รับสาย เขาก็ถามว่า พีเป็นยังไงบ้าง เข้าเรื่องเลยนะ genelab อยากได้ Hard Boy ผมก็กรี๊ดลั่นห้อง แล้วก็วางสายจากพี่โอม นัดประชุมวงด่วนว่า ค่ายเขาติดต่อมา อยากชวนเราเข้าไปคุยด้วย ซึ่งทุกคนโอเคอยู่แล้ว genelab เป็นค่ายในเปิดรับแนวเพลงที่หลากหลายมาก เราก็เลยมีคำตอบคำเดียวว่า ไปแน่นอน  

ภู: แต่เดิมเราเคยต่อต้านการเข้าค่ายเพลง เพราะ ด้วยศักยภาพของเรา ด้วยยุคสมัยและอะไรหลายๆ อย่าง พวกเราคิดว่า วงก็น่าจะพอทำได้ แต่พอเราใช้ชีวิตไปถึงจุดๆ หนึ่ง เราทำงานคนเดียวไม่ได้แล้ว เราต้องมีคนมาช่วย มีเพื่อนร่วมงาน แล้ว genelab ถือว่าเป็นค่ายระดับต้นๆ เป็นค่ายในอุดมคติ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีแล้วสำหรับวงครับ ก็เลยตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ครับ  

ต้อม: ผมอาจจะเป็นคนที่ตื่นเต้นน้อยสุดครับ แต่เราก็มองเป็นเรื่องของวง วงพร้อมที่ไหน เราก็ลุยได้ การมาอยู่ที่นี่เขามีจิตวิญญาณของความเป็นคนรุ่นใหม่ และเปิดให้วงได้ทำงานแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับพวกเราแล้ว 

เล้ง: ตอนแรกผมก็กลัวนะ กลัวเสียตัวตน แต่พอได้มีโอกาสเข้ามาทำงานกับพี่โอมแล้ว เขาไม่ได้ตีกรอบอะไรเลย พี่โอมเขาไม่ได้มาไดเรคชันอะไรพวกเราเลย แฮปปี้มากๆ ครับ
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/G0hlVE10NhdawAznnTGfA/e8c5f3701b00a26dffb2dc8eb706a120/Interview-Hard-Boy-genelab-SPACEBAR-Photo04

ความลับ การเปิดตัว Hard Boy ครั้งแรกต่อหน้าชาว GeneLabCon

ภีร์: ตอนแรกเขาจะหาคิวให้เราเล่นในงานนี้ด้วย แต่พอวันงานจริงๆ คิวศิลปินมันเบียดจริงๆ มันไม่เหลือที่แล้ว พวกเราก็เข้าใจได้ ไปร่วมงานเฉยๆ ก็พอ ผมก็ไปนั่งกินข้าว สั่งข้าวรอเลย สั่งเสร็จเรียบร้อย พนักงานเพิ่งส่งออเดอร์ อยู่ๆ พี่ที่ค่ายโทรมา ภีร์ ขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย พี่โอม จะให้ขึ้นเวที ข้าวก็ยังไม่มาเลย เลยไปบอกพนักงานว่า น้องครับ พี่ต้องไปขึ้นเวทีคอนเสิร์ตครับ ฝากข้าวไว้ก่อนได้ไหม (หัวเราะ) ตอนนั้นมีแค่ผมคนเดียว ไปไล่โทรตามหาสมาชิกก็ตามกันได้ 3 คน แถมเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าหลังเวทีอีก เพราะไม่มีบัตรทีมงาน บัตรของเราก็เข้าไม่ได้เลยบอก พี่ผมต้องขึ้นเวทีจริงๆ ผมไหว้แล้ว ผมกำลังจะขึ้นจริงๆ เลยเป็นภาพที่ทุกคนเห็นเลยฮะ  

เอาจริงนะ ตอนนั้นผมมองไม่เห็นคนดูเลย มันมืดมาก แล้วตอนนั้นเหมือนสมองไม่ทำงาน ทุกวันนี้ขึ้นเวทีก็ยังเป็นอยู่นะ ความจำหายไปชั่วขณะ เราก็ไม่ได้คิดอะไร เขาถามอะไรเราก็ตอบไปตามนั้นเลย อยู่ค่ายนี้มีอะไรให้แปลกใจตลอดครับ ผมก็ไปดูคลิปที่คนเขาถ่ายไว้ พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย (หัวเราะ) 

‘ค่ำคืนนั้น’ ซิงเกิลแรกอย่างเป็นทางการภายใต้สังกัด genelab

ภีร์: โจทย์แรกที่พี่โอมให้มาคือ เพลงที่เป็นตัวตนชัดที่สุด เรามีเพลงจำนวนหนึ่งพี่โอมก็บอกว่า เอาอีก ชัดไม่พอ อยากได้เพลงที่เป็น Hard Boy เท่านั้น ลองถามตัวเองดูว่า Kiss Me Baby ทำเพลงได้อย่างไร เอาความรู้สึกนั้นมา พี่โอมเหมือนจุดประกายให้พวกเรารู้ว่า เพลงนี้จะขึ้นมาได้ยังไง ผมเองก็ได้เมโลดี้ท่อนฮุกมา แล้วก็มาหาคำใส่ เนื้อหามันเกี่ยวกับเวลาที่เราตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว เราต้องรับผลของมัน ถ้าเราตัดสินใจผิดพลาดครั้งใดครั้งหนึ่งมันก็อาจจะเกิดผลที่ใหญ่และติดกับเราไปตลอดชีวิต ง่ายๆ เรามีแฟนอยู่แล้ว แต่เราไปซุกซนกับคนอื่น เราก็จะเสียคนที่เรารักไปตลอดกาล มันก็เลยเป็นไอเดียประมาณนี้ 

ฟลุ๊ค: เพลงนี้เกิดจากการแจมเป็นหลัก เรามาใส่คอร์ด ใส่คำ รวมไปถึงทั้งเมโลดี้ มันมารวมกันกลายเป็นเพลงนี้ครับ

ภีร์: พอทุกอย่างมันเสร็จสมบูรณ์ แล้วก็เอาไปส่งให้พี่โอมครับ แล้วเขาก็บอกว่า ก็ดีนะ (หัวเราะ) เดี๋ยวเข้ามาคุยกันก็เลยกลายเป็นเพลงนี้เลย แถมได้พี่เชา Cocktail มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้พวกเราในเพลงนี้ครับ  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3x3nuep6s3qVR0LUbj8YLC/8d716e711440db4654e0870d8f7961f7/Interview-Hard-Boy-genelab-SPACEBAR-Photo05

มิวสิกวิดีโอกับการร่วมงานกันครั้งแรกกับ จีน - คำขวัญ

ภีร์: น้องจีน - คำขวัญ เป็นญาติผมเลย (ยิ้ม) เป็นลูกพี่ลูกน้องที่ในลำดับญาติทั้งหมด ผมกับน้องเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเลย แต่ไม่มีบุญได้ทำงานกันสักที เพราะเราก็รู้ว่า น้องจีนงานเยอะมากๆ เขาไปทำงานระดับโลกมาเยอะแล้ว ทีนี้พอได้อยู่ genelab เราประกาศออกไป เราก็ตื่นเต้นรีบไปบอกน้องจีนเลย ว่า พี่ได้อยู่ genelab แล้วพี่มีตังค์เมื่อไหร่ จะไปจ้างน้องจีนเลยนะ เขาก็บอกว่าได้เลยพี่ภีร์ จีนยังไม่เคยทำกับพี่ภีร์เลย เพลงนี้จะเป็นเพลงแรกของจีนกับ genelab ด้วย เขาก็ตอบปากรับคำไว้แล้ว แล้วก็แอบๆ ตามเขาไปเรื่อยๆ ก็บอกค่ายว่า อยากทำงานกับคำขวัญ หยอดทั้งสองทาง สุดท้ายก็ได้ร่วมงานกันจริงๆ ถือว่าเป็นวาสนาของวงเลยครับ
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4r9oxLJfnJ5s8OQh2tDqeG/74fe16964d9435b92e5fe7e7451221ce/Interview-Hard-Boy-genelab-SPACEBAR-Photo06

กระแสตอบรับในวันงาน Press Conference สุดเก๋

ภีร์: เป็นเกียรติมากเลยครับ สนุกมากๆ เฮ้ยพวกมึงสมาชิกวงจะพูดอะไรบ้างไหมบทสัมภาษณ์นี้ กูพูดคนเดียวเลย (หัวเราะ) คือ งานนี้มันเป็นงาน Press Conference ด้วยจะจัดเป็นงานปาร์ตี้ในบ้านมีวงดนตรี ก็เห็นภาพไว้ระดับนึง แขกก็จะเป็นสื่อ ศิลปิน ดารา พี่ๆ เขาก็บอกเราไว้แค่นี้ แต่พอเข้าไปจริงๆ ‘คริส หอวัง’, ‘พี่เป้ อารักษ’, ‘พี่บอย Lomosonic’ , ‘พี่โบ้ท The Yers’ ทำตัวไม่ถูกเลย มันเกร็งมาก หน้าผมเหวอมากวันนั้น วงเราตัวเล็กนิดเดียวเอง แต่แบบคนระดับเหล่านั้นมางานเรา มาต้อนรับเรา มาดูโชว์พวกเราครั้งแรก เขาโคตรให้เกียรติเราเลย 

ผมพูดในงานเลยว่า ‘ทุกคนในงานนี้ล้วนเป็นผู้มีเกียรติในวงการดนตรีทั้งสิ้น’ เขาให้เกียรติเรามาก ที่เขามาร่วมงานเรา มันดีใจมันซึ้ง ทำไมกูได้รับโอกาสดีแบบนี้ว่ะ ทำไมค่ายทำให้เราขนาดนี้ เขาทุ่มเทกับพวกเรามากๆ เขาลงทุนมาก เนรมิตสิ่งนี้มาให้เรา เราก็ไม่เคยคาดหวังว่า จะได้รับมัน มันเป็นอีกหนึ่งปาร์ตี้ที่ประทับใจวงด้วยครับ 

กระแสฝั่งของคนฟังทางบ้านที่ได้ฟังเพลง ค่ำคืนนั้น

ภีร์: ดี ดีมากๆ แฮปปี้ ก็มีคนที่รอฟังวงเราอยู่ รวมไปถึงคนที่รู้จักพวกเราจากเพลงนี้ ตอนนี้วิวก็ไปเรื่อยๆ เลย มันไปไวมากๆ ตื่นเต้นทุกวินาทีเลย สำหรับการเดินทางของเพลงนี้ ยิ่งเพลงร็อกด้วย วงมันเพิ่งเดบิวต์ด้วย ยิ่งทำให้พวกเราลุ้นและสนุกกับมันทุกช่วงเวลาครับ  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6i4Apqt8MQamiFmDE7LbOE/c247a455b42b60c987b4544333b728c5/Interview-Hard-Boy-genelab-SPACEBAR-Photo07

เป้าหมายของ Hard Boy และสิ่งที่วงอยากบอกทุกคน

ภีร์: เป้าหมายของวง ทุกคนอยากเป็นร็อกสตาร์ แค่นี้เลยสั้นๆ เป้าหมายของพวกเรา ฝากเพลง ‘ค่ำคืนนั้น’ กับทุกคนด้วยนะครับ เพราะมันเป็นซิงเกิลที่พวกเราตั้งใจทำงานกันจริงๆ เราเพรียบพร้อมมากขึ้น เราได้รับการซัพพอร์ตจากค่าย genelab เพราะฉะนั้นพูดได้เลยว่านี่เป็นเพลงที่เต็มคุณภาพมาอีกขั้นนึงเลย เราตั้งใจทำงานให้มันเป็นตัวเรามากที่สุด แฟนๆ ที่ชอบแนวดนตรีแบบเรา ชอบนักร้องเสียงสูง ชอบเมทัลเฮฟวี่ เข้ามาฟังกันได้เลยครับ 

แล้วก็น้องๆ คนรุ่นใหม่ครับ เริ่มไว้ผมยาวกันได้แล้วครับ จะบอกว่า คนที่ไว้ผมก่อนคือผู้ชนะ (หัวเราะ) ถึงวันที่ Hard Boy ดังแล้ว คุณก็จะได้กลุ่มคนแรกๆ ที่ไว้ผมรอเราแล้ว มันคือการลงทุนในอนาคต (หัวเราะ)  

ต้อม: ฝากถึง Hard Crew ทุกคนที่ซัพพอร์ตพวกเรา ถ้าไม่มีพวกเขา พวกเราก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรเหมือนกัน ต้องขอบคุณพวกเขามากๆ เลย ที่สนับสนุนเรามาตั้งแต่ยังเป็นศิลปินอิสระ ขอบคุณมากๆ ทุกวันนี้ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดกับเรา  

ภีร์: ขอทุกคนช่วยเป็นเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ รวมถึงศิลปินร็อกท่านอื่นๆ ด้วย ไปดูคอนเสิร์ตอุดหนุนสินค้าลิขสิทธิ์ ตราบใดที่ยังมีคนสนับสนุน ร็อกก็จะไม่ตายไปจากพวกคุณ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์