หลายคนรู้จักเขาดี ยูทูบเบอร์ชื่อดังที่สร้างสีสันให้กับโลกโซเชียล Kyutae Oppa ชายหนุ่มชาวเกาหลีหัวใจไทย มีความอะเลิร์ทตลอดเวลา เรียกรอยยิ้มและความอีหยังวะให้กับโลกออนไลน์ หนุ่มผู้มีความสร้างสรรค์ในการหยิบทุกสิ่งรอบตัวมาทำคอนเทนต์ให้เกิดเอนเกจเมนต์ที่น่าสนใจ จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาเลย
กว่าจะมาเป็น Kyutae Oppa ตัวตนที่ ‘ซิมคิวเท’ สร้างขึ้นมา เพื่ออยากให้ตัวเองมีตัวตนในสังคม แท้จริงแล้ว นายซิมคิวเท คือใคร อุปนิสัยที่เขาเป็นจริงๆ ต่างจาก Kyutae Oppa อย่างไร เราจะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาผ่านบนสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้
กว่าจะมาเป็น Kyutae Oppa ตัวตนที่ ‘ซิมคิวเท’ สร้างขึ้นมา เพื่ออยากให้ตัวเองมีตัวตนในสังคม แท้จริงแล้ว นายซิมคิวเท คือใคร อุปนิสัยที่เขาเป็นจริงๆ ต่างจาก Kyutae Oppa อย่างไร เราจะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาผ่านบนสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้
Motto ของคิวเทคือคำว่า “คนเกาหลีหัวใจไทย” คิวเทให้คำนิยามคำนี้ว่ายังไงคะ
จริงๆ แล้ว ตอนเด็กๆ ผมไปเกาหลีแล้วผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับการไปต่างประเทศมากกว่าครับ เหมือนแบบว่า คุณเคยไปต่างประเทศไหมครับ ไปต่างประเทศแล้วมันรู้สึกแบบว่า เฮ้ย... รู้สึกไปเมืองนอกอะ แล้วพออยู่นานๆ ก็อยากกลับ ผมมีความรู้สึกอย่างนั้นตลอด ก็เลยมองว่า ไส้ในของผมอะ มันอาจจะเป็นของไทยแล้ว ไม่ใช่ของเกาหลีแล้วคือผมก็เกิดที่นี่ครับ แล้วก็เกิดมาในประเทศนี้เลยเนอะก็อยู่ที่นี่ตลอดครับ ก็เลยมองว่า เอ่อจริงๆ เราอาจจะเข้าใจวัฒนธรรมไทยเยอะกว่าที่เกาหลี คำนิยามก็มาจากตรงนี้ครับ ก็คือมีความไทยมากกว่าเกาหลี ก็เลยหัวใจไทยแต่ว่าตามกฎหมายเป็นเกาหลีครับ
เล่าให้ฟังหน่อยว่ามาอยู่ที่ประเทศไทยได้ยังไง ตัวคิวเทเกิดที่ประเทศไทย แล้วครอบครัวเข้ามายังไง
พ่อแม่ผมเป็นคริสเตียน ที่ว่าก็เป็นคริสเตียนที่เคร่งครัดเนี่ย อยู่มาวันหนึ่งก็เหมือนมาเผยแพร่ศาสนาต่อที่ประเทศไทยครับ แต่พอมาก็รู้สึกว่าเอ้ย... ประเทศไทยมันน่าอยู่นะ เออ... มันน่าจะแบบว่าเราอยากช่วยคนที่นี่อะไรอย่างเงี้ย เขาก็เลยตัดสินใจมาเป็นมิชชันนารีที่ไทย แล้วเขาก็อยู่มาสักพัก อยู่ได้ประมาณปีนึงอะครับ เขาก็คลอดผมที่ประเทศไทยก็คือคุณพ่อเป็นคนคุณพ่อคุณแม่คนเกาหลีแท้ และมาที่ประเทศไทยทั้งคู่เลยใช่ไหมคะ
มาทั้งคู่เลยครับทราบมาว่าคิวเทเนี่ยเป็นลูกชายคนโตของบ้าน มีพี่น้อง 3 คนแล้วก็เป็นคนเกาหลีทั้งหมดเลย ซึ่งสำหรับครอบครัวคนเกาหลี มันมีความคาดหวังค่อนข้างมาก แล้วคิวเทรู้สึกกดดันไหม
ผมโชคดีตรงที่ว่า พ่อแม่ผมไม่ค่อยกดดัน หมายถึงแบบว่าเวลาเราดูซีรีส์เกาหลี จะรู้สึกได้ว่าที่เกาหลีค่อนข้างกดดันเรื่องการเรียนการสอน แต่ว่าพ่อแม่ผมก็ค่อนข้างปล่อยครับ ซึ่งผมก็เลยมีโอกาสได้ทำยูทูบเนี่ยแหละ ช่วงมัธยม 6 ก็เริ่มทำยูทูบแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ไม่ห้ามอะไร ในตอนนั้นที่เขามองเขาก็คงคิดว่าอาจจะเป็นแค่งานอดิเรก แต่เขาก็ค่อนข้างปล่อยยตรงนี้ครับ เหมือนกับว่าคอยซัพพอร์ตด้วย
ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนคิวเทเป็นอินโทรเวิร์สมาก นิ่งๆ เงียบๆ เรียบร้อย แล้วทำไมมันถึงต่างจากปัจจุบันขนาดนี้คะ
เหมือนจริงๆ แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่คิดตั้งแต่ตอนเด็กแล้วว่าแบบเฮ้ย... เปิดตามาแบบนี้ ก็รู้สึกว่าเอ้ย... ทำไมตานี้เป็นตามันอยู่ตรงเนี้ย งงใช่ไหมครับ ผมก็งงเหมือนกัน ประมาณแบบเฮ้ย... นี่เป็นตัวตนนะ เริ่มรู้ตัวแล้วตั้งแต่ประถมแล้ว มันตื่นมาแบบว่าทำไมเราเราอยู่ในร่างนี้ ทำไมคุณต้องอยู่ในร่างนู้น เหมือนเราคิดตั้งแต่เด็กอะครับ คิดไปเรื่อยๆแล้วก็รู้สึกว่าวันหนึ่งแบบเฮ้ย... อยากจะเป็นบางอย่าง อยากจะแบบให้คนอื่นรู้จักบ้าง อยากจะเป็นที่รู้จักของคนหลายๆ คนก็เลยเริ่มร้องเพลงก่อนครับ ร้องเพลงก่อนแต่ว่ามันไม่ค่อยเวิร์ค คนมันร้องไม่ค่อยเพราะอะไรงี้ แต่มีเหตุการณ์นึงเนี่ยแหละเหมือนตอนนั้นอกหัก เจอผู้หญิงที่ชอบอยู่กับคนอื่น แล้วเหมือนผมก็อกหัก เลยตอนนั้นเหมือนมันระเบิดออกมาเลยความบ้า เหมือนตอนนั้นเต้นอยู่เลย เต้นบ้าๆ คนก็ถ่าย เอากล้องขึ้นมาถ่ายผม มันตลกครับ ช่วงจังหวะนั้นรู้สึกว่าเอ้ย... อ๋อเข้าใจแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่ามีตัวตนในโลกนี้จริงๆ ก็เลยแบบว่าเปลี่ยนความคิดทันทีครับ หลังจากนั้นก็เป็นคนเอ็กซ์โทรเวิร์ส ไม่ได้เกรงกลัวอะไรแล้ว
แล้วไม่เหนื่อยเหรอ ทั้งที่ตัวเป็นอินโทรเวิร์ส
ผมว่า I (Introvert) กับ E (Extrovert) เนี่ยมันต่างกันแค่มายน์เซ็ทเท่านั้นครับ จริงๆ ตัวผมจะสลับไปเรื่อยๆ คนนึงก็เป็น I พอมันสนุกก็เป็น E ไปเรื่อยๆ จริงๆ ผมว่าทุกคนมีความเป็นอินโทรเวิร์ส และเอ็กซ์โทรเวิร์ส แต่ว่ามันอยู่ที่ว่า เราจะใช้มันช่วงเวลาไหนอยากรู้ว่าวันที่เป็นเอกซ์โทรเวิร์สแล้ว กลับไปบ้าน สภาพเป็นยังไง
กลับไปถึงบ้านแล้ว ผมก็จะเป็นอินโทรเวิร์สครับ ไม่ทำอะไรนอนเฉยๆ นั่งเฉยๆ หนังเราก็ไม่ดู ไม่คิดอะไร ก็คือเหมือนพักฟื้นร่างกาย ผมชาร์จแบตเฉยๆ ครับ
ใช้เวลานานเท่าไหร่ กว่าจะมีชื่อเสียงในแบบทุกวันนี้
ผมรู้สึกว่าตัวเองดังก็อาจจะเป็นล้านซัพฯ แรกครับ ล้านซัพฯ แรกตอนนั้นก็ดีใจครับ เพราะว่าไม่คิดว่าจะถึงเร็วขนาดนั้น ล้านซัพฯ แล้วก็เป้าหมายก่อนทำก็คืออุ้ย... ถ้ามีสักล้านซัพฯ คงจะดีใจอะไรอย่างนี้ครับ ตอนนั้นรู้สึกว่าดีใจมากครับ ที่แบบว่าถึงล้านซัพฯ แล้วเคยท้อบ้างไหมคะ
มีครับ จริงๆ ก็มีเป็นช่วงๆ มีช่วงท้อตลอดเวลา แต่ผมว่ามันเป็นลูปเรื่อยๆ อะ ถามว่าท้อเรื่องอะไรตอนนี้ ก็จำได้ไม่หมดว่ามีอะไรบ้าง มันเยอะมาก แต่ว่าสุดท้ายมันก็หายไปแล้วสิ่งที่ลงทุนไปมันคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้กลับมาไหม
ถามว่าคุ้มไหมเหรอ จริงๆ ผมชอบชีวิตตอนนี้นะ แบบทั้งหมดที่ผ่านมาอะไรแบบนี้ ผมว่ามันก็ไม่เหมือนใครดีอะ ผมก็เลยรู้สึกว่าเออจริงๆ ก็ทำถูกแล้วทั้งหมดเคยรู้สึกมีคอนฟลิกต์ (Conflict) ในตัวเองไหม กับการที่คนที่เห็นข้างนอกก็จะรู้สึกว่าเราเป็นคนนึง แต่จริงๆ แล้วเราก็มีอีกคนซ่อนอยู่ ซึ่งไม่ค่อยมีคนเห็น รู้สึกเสียดายไหมที่บางครั้งการสร้างคอนเทนต์มันก็สร้างภาพจำให้เราเป็นแบบนี้
ไม่เสียดายครับ จริงๆ ผมว่าไอ้ที่เห็นอยู่กันเนี่ยไม่ใช่ของจริงครับ มันเป็นของปลอม ทุกอย่างในโซเชียลเป็นของปลอมครับ เพราะว่ามันเป็นคลิปครับ มันเป็นวีดีโอไม่ใช่ตัวผม ซึ่งผมก็รู้ตัวว่า เขาไม่ใช่ตัวผม เขาเป็น Kyutae Oppaแล้วมันยากกับการที่จะเข้าสังคมไหม เพราะว่าต่อให้เรารู้ว่ามันไม่ใช่ตัวเรา แต่คนที่มองเข้ามาไม่ได้ไม่รู้
ก็เคยคิดช่วงหนึ่งครับ มันอยู่ที่ความคิดล้วนๆ เลย จริงๆ ผมก็เจอช่วงเนี้ยก็มาสยามบ่อย มาเจอผู้คนหลายแบบ มันก็อยู่ที่ว่า เขาก็อาจจะมองเราในฐานะแบบนั้นก็มีครับ แต่ว่ามันมีสองแบบ คนที่อยากจะเข้าถึงจริงๆ กับคนที่อยากแค่ถ่ายรูป คนที่เห็นในโซเชียลก็อยากอยากให้ถ่ายรูปก็อยากเข้าหาก็เข้ามาอีกแบบ ซึ่งผมมองว่ามัน ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเหนื่อยครับผมตรงนี้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แฮปปี้ เพราะมันเป็นคาแรกเตอร์ที่ทุกคนเข้าถึงง่าย ไม่ต้องแบบว่ารู้สึกเกรงๆ กลัวๆ อะไรเวลาอยู่กับผม
แล้วก็ที่ผ่านมา ได้ยินข่าวของคิวเทค่อนข้างเยอะ เป็นกระแสดราม่าต่างๆ แล้วการรับมือกับกระแสดราม่าที่ผ่านมาเนี่ยมันทำให้เติบโตขึ้นไหม
เติบโตเยอะมากครับจริงๆ เหมือนเรายิ่งโดนดราม่าก็ยิ่งรู้ว่าอ๋อ จริงๆ มัน ก็อยู่ที่เราสื่อออกไป ทุกอย่างมันเกิดจากตัวเรา สิ่งที่เราพูดออกไปในคลิป 15 นาที 10 นาทีหรือการกระทำต่างๆ มันทำให้เกิดอะไรแบบนี้ ซึ่งหลังจากนั้นก็เหมือนยิ่งรู้ตัวว่า อ๋อจริงๆ มัน ถ้ามันจะเกิดดราม่า วันนึงมันก็หมดไป เราต้องรู้ตัวให้ได้ครับ ไม่ใช่ว่าเราจมอยู่กับมัน ช่วงแรกก็อาจจะเหนื่อยครับ แต่ว่าพอโดนไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มแบบรู้ตัวแล้ว เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้วนอกจากทำยูทูบเบอร์แล้วเนี่ย เห็นว่าคิวเทเป็นนักร้องด้วย เล่าให้ฟังหน่อยสิ
ก็เป็นสิ่งที่ผมชอบอยู่แล้ว แต่ไม่เคยคิดจะลองเพลงจริงจังอะไรครับ แต่ว่าเหมือนผมคัฟเวอร์ไป คนก็ชอบมาก คนก็ดูเยอะมากเลยนะครับ ก็เลยมองว่าอ๋อ... มันเป็นอะไรที่เราทำได้โดยไม่ต้องลำบากอะไรแบบนี้ถ้าวันนึงมีค่ายเพลงติดต่อมาบอกว่ามีเพลงจะให้คิวเทร้อง สนใจไหม
เคยมีเยอะครับ แต่ว่าผมไม่เอา ผมทำเองดีกว่า จริงๆก็ยังเรียนรู้วัฒนธรรมนี้อยู่ครับ ว่าการเป็นนักร้องคืออะไร ศิลปินคืออะไรเราเป็นเอนเตอเทนเนอร์คนนึง เราเป็นนักร้องคัฟเวอร์ เราเป็นยูทูบเบอร์ แล้วมีอะไรอีกไหมที่คุณคิวเทอยากทำ
ตอนนี้เหรอครับ ผมทอดไก่อยู่สยามครับผม จริงๆ แล้ว ยังไม่มีนะ ตอนนี้ผมแฮปปี้กับการทำคลิป แล้วก็มาสยาม มาหาน้องๆ ครับ ตอนนี้กำลังอินกับเรื่องพวกนี้อยู่ กำลังสนุกอยู่ด้วยสมมติว่าในอีกเวิร์สหนึ่ง ถ้าเราไม่ได้เป็นยูทูบเบอร์ ถ้าไม่ได้เป็นนักร้อง ถ้าเราไม่ได้เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ คิดว่า ณ ตอนนี้ คิวเทจะทำอะไรอยู่
จริงๆ พ่อผมเป็นบาทหลวง ผมอาจจะไปทางศาสนาก็ได้ แต่อาจจะไม่ใช่ศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธ หรือไม่ก็เป็นเบื้องหลังอะไรแบบนี้ครับ เดานะ จริงๆ ผมก็เป็นคนนึงที่ทำเบื้องหลังได้ดี มีสกิลเบื้องหลัง
ข่าวว่าเลี้ยงแมวด้วย เข้าไปเห็นมาในโซเชียล น้องชื่ออะไรคะ
ชื่อ มีโซ พันธุ์สก็อตติชโฟล์หูตั้งครับ เลี้ยงมาประมาณสองปีกว่าแล้วครับแล้วการเลี้ยงแมวมันทำให้ยิ้มได้จริงไหม
ถ้าถามผมก็จริงๆ มันอยู่ อยู่ที่ว่าเราจะมองยังไงครับผม ผมเห็นบางคนก็เหมือนช่วยไม่ได้ ใครที่จมจริงๆ ก็สัตว์เลี้ยงก็ช่วยไม่ได้ครับ แต่ว่ามันอยู่ที่คนมอง แต่ว่าแมวกับผมอยู่ด้วยกันได้ครับผมทำไมถึงตั้งชื่อน้องว่า มีโซ
ช่วงนั้นผมชอบดูเลขาคิมครับ (ซีรีส์เกาหลีเรื่อง What’s wrong with secretary Kim) คิมมีโซ อินกับเลขาคิมครับ ก็เลยตั้งชื่อมีโซครับผม ซิมมิโซ สกุลซิม
