เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะต้องเคยมีความฝันที่บ้าบิ่นหลุดโลก และฝันที่เหมือนกับความจริงเหมือนกับเราได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนั้น และในหนังเรื่องล่าสุดอย่าง ‘Slumberland’ สลัมเบอร์แลนด์ ก็ถ่ายทอดความแฟนตาซีนี้ออกมาได้อย่างสวยงามมากเลยทีเดียว โดยเรื่อง Slumberland นี้มีแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากการ์ตูนเก่าแก่อย่างเรื่อง ‘Little Nemo in Slumberland’ ที่เป็นการ์ตูนรายสัปดาห์วาดโดย วินเซอร์ แมคเคย์ นักวาดชาวอเมริกัน แต่เดิมเรื่องนี้เป็นคอมิกที่วาดเป็นตอนๆ ลงในหนังสือพิมพ์ The New York Herald
โดยในเรื่องราวของหนังบอกเล่าถึงการพจญภัยของ นีโม (Marlow Barkley) ลูกสาวของ ปีเตอร์ (Kyle Chandler) นักดูแลประภาคารที่สูญเสียพ่อ ทำให้เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าจึงต้องถูกย้ายไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่แบบจำยอมร่วมกับฟลิป (Chris O’Dowd) คุณอาเจ้าของบริษัทลูกบิดประตูผู้แสนจะไร้อารมณ์ และจืดชืด แต่แล้ววันหนึ่งตอนเธอหลับอยู่ เธอได้เข้าไปยังดินแดนแห่งความฝันที่เรียกว่า สลัมเบอร์แลนด์ และได้พบกับ ฟลิป (Jason Momoa) จอมโจรที่กำลังตามหาไข่มุกวิเศษที่ช่วยให้ความปรารถนาทั้งหลายเป็นจริงได้ ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องผจญภัยในโลกแห่งความฝันที่เต็มไปด้วยอันตราย
ตัวของหนัง ‘Slumberland ดินแดนที่ทำให้ทุกฝันเป็นจริง’ เชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นหนังเรื่องนี้ผ่านหูผ่านตากันมาแล้วบ้าง ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ได้ออกฉายใน Netflix เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2022 แต่เราไม่ได้จะมารีวิวหนังเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ฟังนะ แต่เราจะพาทุกคนไปจับจุดจับใจที่มาของ ‘Slumberland ดินแดนที่ทำให้ทุกฝันเป็นจริง’ ว่ามีที่มาแรงบันดาลใจมาจากอะไร
ตัวของหนัง ‘Slumberland ดินแดนที่ทำให้ทุกฝันเป็นจริง’ เชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นหนังเรื่องนี้ผ่านหูผ่านตากันมาแล้วบ้าง ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ได้ออกฉายใน Netflix เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2022 แต่เราไม่ได้จะมารีวิวหนังเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ฟังนะ แต่เราจะพาทุกคนไปจับจุดจับใจที่มาของ ‘Slumberland ดินแดนที่ทำให้ทุกฝันเป็นจริง’ ว่ามีที่มาแรงบันดาลใจมาจากอะไร
จุดเริ่มต้นที่มาแรงบันดาลใจจากการสร้างหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนเก่าแก่อย่างเรื่อง ‘Little Nemo in Slumberland’ ที่วาดโดย วินเซอร์ แมคเคย์ นักวาดชาวอเมริกัน โดยมี Little Nemo เป็นตัวละครหลัก โดยเรื่องราวของนีโมเป็นตัวละครหนึ่งที่ถูกเล่าในการ์ตูนเรื่อง ‘Dream of the Rarebit Fiend’ ก่อนที่จะได้รับการวาดเป็นภาคแยกของตัวเองในเรื่อง ‘Little Nemo in Slumberland’ ที่เผยแพร่บนหนังสือพิมพ์ New York Herald รายสัปดาห์แบบเต็มหน้า ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 1905 จนถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 1911 ซึ่งนี่ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของแมคเคย์ เลยก็ว่าได้
หลังจากปี 1911 การตูนรายสัปดาห์เรื่องนี้ก็ได้ถูกเปลี่ยนเจ้าของ โดยการเข้าซื้อลิขสิทธิ์ของหนังสือพิมพ์ New York American และได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘In the Land of Wonderful Dreams’ จนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 1914 ก่อนที่เขาจะกลับมาวาดให้กับหนังสือพิมพ์ New York Herald อีกครั้งจนถึงปี 1927
หลังจากปี 1911 การตูนรายสัปดาห์เรื่องนี้ก็ได้ถูกเปลี่ยนเจ้าของ โดยการเข้าซื้อลิขสิทธิ์ของหนังสือพิมพ์ New York American และได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘In the Land of Wonderful Dreams’ จนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 1914 ก่อนที่เขาจะกลับมาวาดให้กับหนังสือพิมพ์ New York Herald อีกครั้งจนถึงปี 1927
การผจญภัยแฟนตาซีรายสัปดาห์ของ Little Nemo ใน Slumberland เล่าเรื่องถึงเด็กชายชื่อว่านีโมที่ฝันว่าตัวเองเข้าไปสู่โลกที่น่าอัศจรรย์ชื่อว่าสลัมเบอร์แลนด์ และได้ผจญภัยร่วมกับตัวตลกเคี้ยวซิการ์ตัวสีเขียวชื่อฟลิป ที่ในตอนแรกมุ่งมั่นที่จะรบกวนการนอนหลับของนีโมด้วยหมวกทรงสูงที่มีคำว่า ‘ตื่นได้แล้ว’ แต่ในที่สุดนีโมและฟลิปก็กลายเป็นเพื่อนกัน และได้พากันผจญภัยไปในที่ต่างๆ ของสลัมเบอร์แลนด์ดินแดนแห่งความฝันนี้
สำหรับการออกแบบเรื่องราวและตัวละคนของแมคเคย์ ในตัวละครที่ชื่อว่านีโมที่ถูกวาดขึ้น มีต้นแบบมาจากลูกชายของเขาเอง (บ็อบ แมคเคย์) และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเรื่องราวทั้งหมดของการ์ตูนรายสัปดาห์ที่มีชื่อเสียงเรื่องงานวาดที่มีสีสันและรายละเอียดที่น่าสนใจ มุมมองของภาพวาดที่แปลกประหลาดให้ความรู้สึกใหม่ๆ แก่คนอ่าน รวมถึงเนื้อเรื่องที่สนุกชวนให้ติดตาม ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของใครหลายๆ คนในสมัยนั้น
สำหรับการออกแบบเรื่องราวและตัวละคนของแมคเคย์ ในตัวละครที่ชื่อว่านีโมที่ถูกวาดขึ้น มีต้นแบบมาจากลูกชายของเขาเอง (บ็อบ แมคเคย์) และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเรื่องราวทั้งหมดของการ์ตูนรายสัปดาห์ที่มีชื่อเสียงเรื่องงานวาดที่มีสีสันและรายละเอียดที่น่าสนใจ มุมมองของภาพวาดที่แปลกประหลาดให้ความรู้สึกใหม่ๆ แก่คนอ่าน รวมถึงเนื้อเรื่องที่สนุกชวนให้ติดตาม ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของใครหลายๆ คนในสมัยนั้น
จนกระทั่งมาถึงปี2022 ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ (Francis Lawrence) ผู้กำกับหนังผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ทั้ง ‘Constantine’ (2005), ‘I Am Legend’ (2007), ‘The Hunger Games: Catching Fire’ (2013), ‘The Hunger Games Mockingjay’และร่วมกำกับบางตอนในซีรีส์ ‘See’ ซีซัน 1 (2019) ได้เนรมิตโลกแห่งความฝันนี้ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับการตีความใหม่ เช่น การเปลี่ยนรายละเอียดคาแรกเตอร์ 2 ตัวละครสำคัญทั้งหนูน้อยนีโม (Nemo) จากชายเป็นหญิง และเปลี่ยนตัวตลก ฟลิป (Flip) กลายเป็นจอมโจรลีลาเหลือร้ายแห่งสลัมเบอร์แลนด์แทนจากตัวตลกเคี้ยวซิการ์สีเขียวในภาพการ์ตูน
แต่ถึงอย่างไรผู้กำกับก็ไม่ได้นำเนื้อเรื่องมาจากการ์ตูน ‘Little Nemo in Slumberland’ ทั้งหมดทีเดียวแค่ได้แรงบันดาลใจมาบางส่วน โดยเฉพาะฉากเด่นจากการ์ตูนเช่น เตียงที่สูงระฟ้า หรือใช้นกเป็นพาหนะ โดยวันนี้พวกเราชาว SPACEBAR เลยนำภาพจากทั้ง 2 เรื่องมาเทียบฉากกันให้ดู บอกได้เลยว่าหนังเรื่อง ‘Slumberland’ เป็นหนังที่ทำให้ใครที่ได้ดูต้องอบอุ่นกันแน่ๆ ทั้งภาพสวย ทุกฉากทุกซีนน่าตื่นเต้น ทั้ง ฟีลกู้ด และก็สอดแทรกความฮาตลก เป็นหนังเกี่ยวกับความฝันที่ดูแล้วไม่ง่วง ดูแล้วไม่อยากตื่น ยิ่งตอนจบหนังก็ทำออกมาได้ดี แบบลงตัว สุดท้ายนี้สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูก็ไปลุ้นกันเลยว่าพวกเขาจะสามารถตามหาไข่มุกวิเศษและทำให้พรของนีโมเป็นจริงได้หรือไม่ โปรดติดตามกันต่อทาง Netflix และไปท่องโลกแห่ความฝันด้วยกันนะ
แต่ถึงอย่างไรผู้กำกับก็ไม่ได้นำเนื้อเรื่องมาจากการ์ตูน ‘Little Nemo in Slumberland’ ทั้งหมดทีเดียวแค่ได้แรงบันดาลใจมาบางส่วน โดยเฉพาะฉากเด่นจากการ์ตูนเช่น เตียงที่สูงระฟ้า หรือใช้นกเป็นพาหนะ โดยวันนี้พวกเราชาว SPACEBAR เลยนำภาพจากทั้ง 2 เรื่องมาเทียบฉากกันให้ดู บอกได้เลยว่าหนังเรื่อง ‘Slumberland’ เป็นหนังที่ทำให้ใครที่ได้ดูต้องอบอุ่นกันแน่ๆ ทั้งภาพสวย ทุกฉากทุกซีนน่าตื่นเต้น ทั้ง ฟีลกู้ด และก็สอดแทรกความฮาตลก เป็นหนังเกี่ยวกับความฝันที่ดูแล้วไม่ง่วง ดูแล้วไม่อยากตื่น ยิ่งตอนจบหนังก็ทำออกมาได้ดี แบบลงตัว สุดท้ายนี้สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูก็ไปลุ้นกันเลยว่าพวกเขาจะสามารถตามหาไข่มุกวิเศษและทำให้พรของนีโมเป็นจริงได้หรือไม่ โปรดติดตามกันต่อทาง Netflix และไปท่องโลกแห่ความฝันด้วยกันนะ
