เพราะไม่ต้อง ‘สมบูรณ์แบบ’ ก็ ‘สวยงาม’ ชีวิตที่นำทางด้วยบทเพลงของ ‘MONICA’

11 กรกฎาคม 2566 - 09:21

Monica-Interview-SPACEBAR-Thumbnail
  • บทสัมภาษณ์เจาะลึกเรื่องราวของศิลปินสาวมาแรง Monica.wsk เจ้าของเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ บนเนื้อหาเพลงที่โดนใจใครหลายคน

‘อยากจะรู้’ สู่ตัวตนของ ‘โมนิก้า’

แน่นอนว่า ‘อยากจะรู้ (Wonder)’ คือซิงเกิลแรกของ โมนิก้า ที่ปล่อยออกมาก็ฮิตติดหูไม่น้อย จนทำให้บรรดาแฟนเพลงส่วนหนึ่งเริ่มรู้จักดนตรีในแบบของ โมนิก้า ในขณะเดียวกัน ช่วงเวลาที่เพลงอยากจะรู้ปล่อยออกไป มันก็ทำให้เธอรู้จักกับตัวเองมากขึ้นเช่นกัน  

 

“ช่วงนั้นมันก็เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับเราเหมือนกันนะ เพราะหลังจากเพลงปล่อยออกไป มันก็ทำให้คนในวงการดนตรีรู้จักเรามากขึ้น มันเป็นช่วงที่เรามีการพัฒนาตัวเองเยอะมากๆ ได้เปิดหาสิ่งใหม่ๆ เพราะพอได้รู้จักศิลปินท่านอื่นๆ เราก็ได้รับรู้ว่าศิลปินคนอื่นเขาเขียนเพลงกันเก็บไว้เยอะเลย ช่วงนั้นก็เราเลยเอาบ้าง เริ่มเขียนเพลงมันทุกวัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยากพอสมควร เหมือนเรากำลังหาตัวเองด้วยแหละ เพราะมีคนบอกว่าช่วงเพลงแรกเพลงสองเนี่ยยังไม่เจอตัวเองหรอก มันก็เลยเป็นช่วงของการเดินทางตามหาตัวตนของเรา” 

แม้ อยากจะรู้ จะมีกระแสตอบรับที่ไม่เลวนักสำหรับศิลปินใหม่ แต่สำหรับซิงเกิลต่อมาของ โมนิก้า อย่าง ‘ฉันคือดวงจันทร์’ ก็เรียกได้ว่าพาดนตรีของเธอทะยานออกไปสู่วงโคจรราวกับชื่อเพลงเลยทีเดียว ด้วยสไตล์ดนตรีที่มีเอกลักษณ์ เมื่อมาผสมกับเนื้อหาที่นำเสนอความน้อยเนื้อต่ำใจในความรัก ในแบบที่ก็ต้องบอกว่าช่างเปรียบเปรย ก็ทำให้ ฉันคือดวงจันทร์ โดนใจแฟนเพลงจนตอนนี้มียอดวิวเกือบ 40 ล้านเข้าไปแล้ว 

 

“จริงๆ ฉันคือดวงจันทร์ มันเป็นเพลงเก่าที่เราเคยแต่งไว้ แล้วก็ตัดสินใจเอามาปล่อยมันก็เงียบไปอีก หมายถึงตัวเรานะ ก็นิ่งไปไม่ได้มีปล่อยเพลงเพิ่ม แต่ก็โชคดีที่เพลงมันก็ค่อยๆ ดังขึ้นทุกวันๆ ซึ่งมันจะต่างกับเพลงแรกตรงที่รู้สึกได้เลยว่า ฉันคือดวงจันทร์ มันเป็นตัวบ่งชี้เลยว่าคนติดตามเราที่เพลงจริงๆ เป็นสิ่งที่โมรู้สึกว่าภูมิใจมาก แบบเราอุตส่าห์ตั้งใจทำผลงานขึ้นมาขนาดนี้ มีคนชอบก็รู้สึกดีใจ มันรู้สึกดีมากๆ ที่คนมาติดตามเราไม่ใช่เพราะหน้าตา หรือที่เราไปทำนู่นทำนี่ที่ไม่เกี่ยวกับเพลง” 

“ซึ่งระหว่างช่วงคาบเกี่ยวที่เพลงฉันคือดวงจันทร์ค่อยๆ ดัง เราก็ทำเพลงเก็บไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ผ่านมา 2 ปีแล้ว เขียนเพลงไปเยอะมาก จนมีความคิดว่ามันน่าจะเกิดเป็นอัลบั้มนึงขึ้นมาได้ เป็นการกลั่นกรองคัดตั้งแต่เพลงที่เคยเขียนตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันนี้ว่า เราชอบอะไร อยากให้มันเป็นเหมือนบันทึกการเติบโตของตัวเองออกมาผ่านอัลบั้มนึงอะไรเงี้ย ก็ยังอยู่ในช่วงที่เราตั้งใจทำงานกับสิ่งนี้อยู่มากๆ” 

Let’s keep it low key.

ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกของ โมนิก้า ที่ดูจัดจ้าน สนุกสนาน มั่นใจ ทำให้หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในคอนเซปต์ของศิลปินที่ชื่อ โมนิก้า แต่เมื่อเราได้คุยกับเธอจริงๆ เราก็ได้คำตอบว่าจริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวจัดๆ หรือสีผมแสบๆ นั่นก็เพราะแค่เป็นคนหนึ่งที่จริงใจกับตัวเองมากๆ เท่านั้นเอง เธอคิดว่าตัวตนเธอเป็นแบบไหนเธอก็แค่ทำมันออกมา ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านั้น แถม ลึกๆ แล้วเธอยังยอมรับว่าไม่ได้เป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง หรืออยากเป็นที่รู้จักขนาดนั้นอีกด้วย ถึงขนาดการสัมภาษณ์กับสื่อแต่ละครั้งก็ต้องทำการบ้านไปก่อนเสมอ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5BZh3SJaQzneAakN2SJAlE/8a3b30616ed8f4f1e51ccbaaec453a91/Monica-Interview-SPACEBAR-Photo01
“เอาจริงๆ หนูอะไม่อยากให้คนรู้จักหนูขนาดนั้นเลยนะ (หัวเราะ) แบบไม่ได้อยากพยายามจะให้เขารู้จักตัวเรา อยากให้รู้จักกับเพลงของเรามากกว่า ถ้าเขาฟังเพลงเราแต่ไม่รู้จักเราเลยก็ยังได้นะ” 

“แต่ก่อนเราเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย แต่พอเพลงมันเริ่มมีคนฟังก็เริ่มมั่นใจขึ้น มันไม่ใช่ว่าเราคิดไปเองแล้ว มันมีอะไรมายืนยันว่าอย่างน้อยเพลงเราก็ไม่แย่นะ” 

“อย่างเวลาไปสัมภาษณ์สื่อก็จะต้องมีการแอบเตรียมตัวก่อนตลอด แบบว่าโอเคกำลังจะไปคุยถึงเพลงนี้ ก็ต้องไปนั่งทำการบ้านในหัวว่าเพลงนี้สรุปคอนเซปต์เราว่าอะไร จริงๆ ในฐานะเราเป็นคนแต่งเรารู้แหละ แต่ว่าถ้าเกิดถามปุ๊ปตอบปั๊บเนี่ยลืม เพราะเราแต่งมาจะร่วม 100 เพลงแล้ว จะให้จำทุกบริบท ทุกรายละเอียดของแต่ละเพลงมันก็ไม่ไหวหรอกพี่ (หัวเราะ)” 

“ยิ่งเมื่อก่อนเราจะมีความรู้สึกไม่กล้าตอบเรื่องที่มันดูอ่อนไหวเกินไป แต่ตอนนี้ก็จะเริ่มช่างมันมากขึ้น รู้จุดยืนตัวเองมากขึ้น เรากลับมาตอบตัวเองว่า ว่าเราอยากจะอยู่ตรงนี้ในฐานะศิลปินคนหนึ่ง ยังไม่พร้อมที่จะดังขนาดเป็นคนของสังคม ไม่ได้อยากให้ทุกคนต้องรู้จักเรา ทุกคนต้องมาถ่ายรูปด้วย ขอนำเสนองานที่เราทำด้วยความจริงใจที่สุดดีกว่า” 

“ด้วยความที่เรามองว่าศิลปะมันควรจะบริสุทธิ์มากๆ เลยรู้สึกว่าเรื่องราวทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นจนกลายมาเป็นงานๆ หนึ่ง หรือเพลงๆ หนึ่งอะ มันมีเสน่ห์มากนะ เพราะฉะนั้นถ้าเราจะตัดสิ่งเหล่านั้นออกเพียงเพราะเหตุผลแค่ว่า ไม่เหมาะ หรือไม่สมควร เพราะเราต้องแคร์ภาพลักษณ์ของตัวเราหรืออะไรก็ตามก็ไม่เกี่ยวกับเพลง ก็อย่าเลยดีกว่า เก็บเสน่ห์ตรงนี้ไว้ดีกว่า” 

ทรีท ‘แฟนคลับ’ แบบไม่เหมือนใครสไตล์ ‘โมนิก้า’

แม้เธอจะอยากโลว์คีย์ขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อผลงานของเธอเป็นที่รู้จักขึ้นมา ประกอบกับตัวตนของเธอ ก็ทำให้เธอมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเธอก็ยอมรับว่ายังทรีทแฟนคลับไม่ได้ดีเท่าที่ควร แต่ก็พยายามทำในรูปแบบที่เธอทำไหว แต่ก็อาจจะแหวกแนวกว่าศิลปินท่านอื่นนิดหน่อย อย่างเช่น..เอ่อ…ไลฟ์กินข้าว..หรือว่ายน้ำโชว์ 

“(หัวเราะ) จริงๆ ตอนว่ายน้ำแฟนคลับเขาก็จอยนะพี่ แฟนคลับเขาชอบกันนะเวลาหนูนั่งกินข้าวให้ดู ตอนไลฟ์เราก็พูดไปเรื่อยอะ พูดกับใครก็ได้ พูดกับนก กับม้า กับปลา กับหมู กับหมา พูดกับข้าวในจานก็ยังได้ แฟนคลับเขาก็แค่อยากฟัง คือหนูมั่นใจว่าหนูเป็นคนตลกมาก ไม่น่าจะต้องเป็นศิลปินละ ไปเป็นตลกดีกว่า (หัวเราะ)” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6y9XKM4W6jUt9nDPPojbSz/414a094a338676d0d8171ef68c0ab005/Monica-Interview-SPACEBAR-Photo02
“ซึ่งเอาจริงๆ หนูก็รู้สึกดีนะ แต่บางทีก็มีบ้างที่เรารู้สึกเกรงใจแฟนคลับเหมือนกัน เพราะว่าเราก็รู้ตัวเองว่าเราก็ไม่ใช่คนที่มีความรับผิดชอบต่อแฟนคลับขนาดนั้น ด้วยความที่เราเป็นคนแบบนี้ เราอาจจะไม่ได้แบบคอยโพสต์เรื่องราวต่างๆ หรือแบบอัพเดตชีวิต เอาจริงๆ คอมเมนต์เนี่ยแทบไม่เคยตอบเลย เพราะจริงๆ เราเป็นคนไม่ค่อยเล่นโทรศัพท์ด้วย มีไว้ให้แม่โทรหาเฉยๆ (หัวเราะ) ก็เกรงใจแฟนคลับเพราะเราไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กับเขาแหละ รวมๆ หลักๆ”  

“แต่เรารู้สึกดีเสมอที่ยังมีพวกเขาอยู่ตรงนั้นนะ แล้วก็มีความเชื่อว่าแฟนคลับเข้าใจเราเสมอ ว่าเราเป็นคนแบบนี้ เขาก็ไม่น่าจะอะไรกับเรามากนัก ส่วนใหญ่เขาก็จะบอกแค่ว่า ทำเพลงออกมาเยอะๆ นะ ซึ่งแม้เราจะไม่ได้อะไรกับโซเชียลมีเดียเท่าไหร่ แต่ว่าจริงๆ คอมเมนต์ทุกอันในช่องยูทูปช่องรีมิกซ์ของเรา เราก็จะไปอ่านคอมเมนต์มา อะไรที่เราทำได้เราก็จะไปทำในนั้น อยากให้โคเวอร์เพลงไหน รีมิกซ์อะไร ทำเพลงแบบไหนอะไรเงี้ย เราทำให้ได้เราก็จะทำ จะตอบแทนพวกเขาด้วยวิธีนั้นมากกว่า”

“รักกันนานๆ นะค่ะ” ซิงเกิ้ลล่าสุดที่ยังคงคอนเซปต์ “ผู้พ่ายแพ้ในความรัก”

 

“ถ้าให้พูดแบบไม่โกหกนะพี่ เรื่องราวทุกเพลงอะมันมาจากเราทั้งนั้นแหละ ร้อยเปอร์เซ็นต์ (หัวเราะ) เรื่องเราอะตั้งต้นก่อนเลย แต่ว่าเรื่องเพื่อนก็มีเหมือนกันนะ แต่หลักๆ ก็อินเนอร์จากเราล้วนๆ เราจะต้องถามตัวเองก่อนเขียนเสมอว่า เรารู้สึกอะไรอยู่ ทำไมเราถึงจะต้องพูดถึงเรื่องนี้ ถ้าพูดไปแล้วเราจะรู้สึกยังไง มันจะดี มันจะไม่ดี จะเป็นจะตายไหม เราอะไม่สามารถเขียนเรื่องที่แต่งขึ้นแบบว่าสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ ยังไม่เก่งขนาดนั้น”

“เพลงหวานๆ เพลงรัก หนูอยากเขียนนะพี่ แต่ประเด็นคือ นั่งคิดมา 2 ปีแล้ว แต่ไม่มีสักเพลงเลยเพลงรักอะ เขียนไม่ออก พยายามมากที่จะเขียนเพลงรักให้ได้ซักเพลงนึง แต่มันยังไม่มีเรื่องราวดีดีให้เขียนเลย มันสุขได้ไม่นานที่จะอิ่มเอมกับคำว่าสุขใจ สิ่งต่างๆ มันวิ่งเข้ามา และวิ่งออกไปเร็วมากด้วยในยุคนี้ ทำให้เราเศร้านานกว่าสุข เลยก็ยังแต่งไม่ได้ ถ้าทุกคนอยากฟังเพลงรักจากโม ก็ขอให้ช่วยกันภาวนาด้วยนะคะ” 

‘เพลง’ ที่เปรียบเสมือน ‘เพื่อน’ ของคนฟัง

แนวคิดในการทำงานดนตรีของ โมนิก้า ก็เป็นอีกสิ่งที่อดไม่ได้ที่จะนำมาฝากผู้อ่านทุกท่าน ด้วยความที่แม้เอกลักษณ์จะเด่นชัดขนาดไหน เธอก็ไม่อยากให้เพลง หรือดนตรีของเธอ ถูกจำกัดอยู่ในแนวใดๆ อยากให้มันเป็นเพียง ‘เพื่อน’ ที่คอยอยู่ข้างๆ แชร์เรื่องราวบางอย่างกับผู้ฟัง พูดง่ายๆ ว่า เพลงของเธอกำลังบอกกับคุณว่า คุณไม่ได้กำลังพ่ายแพ้ต่อความรักอยู่คนเดียวนะ อย่างน้อยก็มีสาวน้อยหัวเหลืองอีกคนเคยรู้สึกแบบเดียวกับคุณในช่วงหนึ่ง 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2ZheuzxtgzNPrSYl9cBck6/d8d9d2561ba09a8bbf2a06a209b82847/Monica-Interview-SPACEBAR-Photo03
“ถ้าเกิดทุกคนได้ฟังเพลงที่เหลือที่คิดไว้ว่าจะทำอัลบั้มเนี่ย หนูว่าถ้าให้จำกัดแนวดนตรี เพลงที่เหลือมันก็ไม่มีแนวนี้เป๊ะๆ อีกแล้วนะ เพราะเราเอาตัวเองไปวางไว้ในทุกจุดเลย ทำทุกแนวเลย เพลงอยากจะรู้ก็เป็นแนวนึง ฉันคือดวงจันทร์ก็อีกแนวนึง รักกันนานๆ น่ะคะ ก็อีกแนวนึง อีกสองโปรเจกต์ สัญญิงสัญญา กับ จำได้ไหม ก็ไม่เหมือนกันอีกนะ ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย หนูแค่อยากทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะเลิกใส่คำจำกัดความไว้หน้าชื่อเพลงได้แล้ว หนูไม่อยากให้เพลงของหนูต้องมาติดแท็กว่าเพลงนี้ ที-ป๊อป เพลงนี้ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราอยากให้เพลงนี้เป็นเพลงที่ดีเพลงหนึ่งแค่นั้น ไม่ต้องมาจัดกลุ่มว่า เพลงนี้ต้องเป็นป๊อปนะ หรือศิลปินท่านนี้ต้องเป็นป๊อปหรือเปล่า อยากจะให้มันขยับขยายได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นฐานคนฟังที่แชร์กันมากขึ้น ความสบายใจของศิลปิน ว่าเราอาจจะไม่ต้องทำแต่แนวเดิมๆ แล้วก็ได้นะ ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ โอกาสของทุกคนมันจะได้เท่ากันมากขึ้น” 

 

“เพราะจริงๆ แพสชันเวลาทำงานเพลงของเราอะ มันจะเกิดจากที่เรารู้สึกแบบนี้ ตอนนี้แล้วเราเชื่อว่าซักคนนึงบนโลกใบเนี้ย หรือว่าอีกหลายๆ คนจะต้องรู้สึกแบบนี้เหมือนกันแน่เลย เราแค่อยากจะเป็นอีกคนนึงที่บอกว่าเราก็รู้สึกเหมือนกันนะไม่เป็นไร จริงๆ เราก็เคยเป็นนะที่แบบรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลย ก็เลยอยากให้เพลงเราเป็นอีกตัวแทนที่จะบอกกับคนฟังว่า เราก็เคยมีความรู้สึกต่างๆ เหล่านั้นเหมือนกัน คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะ”

 

‘งดงาม’ ในความไม่ ‘สมบูรณ์’

สุดท้ายนี้ เรื่องราวอีกหนึ่งอย่างที่เราได้สัมผัสจากการคุยกับ โมนิก้า คือเธอเป็นเด็กสาวที่มีทัศนคติเรื่องของการใช้ชีวิตที่น่าสนใจทีเดียว และมันเกี่ยวเนื่องกลมกลืนกับงานศิลปะที่เธอสร้างสรรค์มันออกมา เพราะเธอเชื่อว่าความไม่สมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องผิดบาป แต่มันกลับทำให้งานที่ออกมางดงามในแบบที่ไม่มีใครเหมือน ดังนั้นการใช้ชีวิตก็เช่นกัน ความเชื่อนี้จึงทำให้เธอกล้าที่จะลงมือทำ แม้มันมีโอกาสที่จะผิดพลาด  

“อย่างที่เคยบอกว่าจริงๆ เรามีความไม่มั่นใจอยู่เป็นทุนเดิม แต่สุดท้ายแล้วต่อให้ไม่มั่นใจขนาดไหนหนูก็ยังจะทำมันต่อไปนะ เพราะเชื่อความไม่สมบูรณ์แบบมันเป็นความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง แน่นอนว่าความเพอร์เฟกชันนิสต์มันดีนะ เมื่อก่อนอะประสาทมาก รู้สึกว่าทุกอย่างจะต้องเป๊ะหมด แต่พอซักพักมันก็เข้าใจเอง ว่าชีวิตมันไม่ได้เป็นแบบที่เราต้องการเสมอไป มันจะต้องมีจุดนึงที่เป็นจุดบอดบ้าง มีอะไรที่มากไป น้อยไปบ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่า อะไรที่เรารู้ว่าเราไม่พร้อมเนี่ยพอทำลงไปมันอาจจะดีก็ได้ ต่อให้มันออกมาจะไม่ดีจริงๆ อนาคตมันก็จะดีขึ้นได้ หรือไม่เราก็ได้บทเรียนละว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกต่อไป” 

“ตอนนี้เองบางอย่างเราก็ยังจัดการชีวิตไม่ค่อยได้ มันค่อนข้างที่จะเหนื่อยมากๆ บางทีก็รู้สึกว่ามากเกินไป แต่สุดท้ายเราก็คิดว่ามันคุ้มที่จะแลก”  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1KvA8AiOcU13pPh91bEcfv/ec160d1af087d7ec1718fb7dc6a6d917/Monica-Interview-SPACEBAR-Photo04

เพราะ ณ เวลาที่เราได้ทำเพลง ทุกช่วงเวลาของมัน จนถึงเวลาที่ทำเสร็จแล้วกดเอ็กซ์พอร์ทมันออกมา สำหรับเรามันโคตรมีความสุข มีความสุขมากจริงๆ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์