คงไม่เกินจริงหากจะพูดได้ว่าในทางหนึ่งมนุษย์เราคงอยู่ได้ด้วยความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปใด ความรักก่อให้เกิดเส้นทางต่างๆ มากมายในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง ไปจนถึงมันสามารถให้กำเนิดเราขึ้นมาได้ เวลาที่ความรักค่อยๆ ก่อตัว หลายๆ ครั้ง มักจะเต็มไปด้วยเรื่องราวสวยงาม ชวนฝันอยู่เสมอ และบางทีมันก็จบลงตรงนั้น ตรงที่มันงดงามที่สุด
แม้จะแน่นอนว่าความรักไม่ใช่แค่การให้ และรับ หรือการได้ประโยชน์เสียประโยชน์ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งในชีวิต ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยภายนอกมักมีผลต่อความสัมพันธ์ของเรา เราอยากใช้ชีวิตแบบใด ความฝันคืออะไร “เขา” คนนั้นตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เราต้องการหรือเปล่า เพราะจริงๆ แล้ว เส้นทางชีวิตของบางคน อาจจะสวนทางกับคอนเซปต์ของความรักอันงดงามอย่างสิ้นเชิง เราอาจโหยหาความรักอีกแบบหนึ่ง แต่อยากใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่งก็เป็นได้ จนหลายๆ ครั้งความรักจึงจำต้องถูกพรากออกไปโดยปัจจัยภายนอก ซึ่งบางทีอาจจะจบลงจากการตัดสินใจของเราเองเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นความรักไม่สมหวังในบริบทนี้ ส่วนมากมักคือความรักที่ไม่สมหวังจากปัจจัยอื่นๆ ที่นอกเหนือจากแค่ความรู้สึกที่เรามีต่อคู่รัก เรียกได้ว่ายังไม่ทันหมดรัก ปัจจัยเหล่านั้นก็มาพรากมันออกไปเสียก่อน บางทีอาจจะเป็นความรักที่ยังเรียกไม่ได้เต็มปากว่ามันเกิดขึ้น แต่มันก็จบลงเสียก่อนที่เราจะเสพสุขจากมันได้เต็มที่ ราวกับดอกไม้ที่เราไม่ได้ทันเชยชมมันตอนที่เบ่งบานสวยงามที่สุด แต่มันกลับทิ้งกลีบเล็กๆ แห่งความทรงจำไว้ในใจเรา กลีบเล็กๆ ที่เพียงพอจะทำให้เราจินตนาการได้ถึงความงดงามของมันตอนเบ่งบาน อาจเป็นช่วงเวลาไม่กี่ปี ไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วัน หรืออาจเป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่ได้สบตากัน แต่เรากลับจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ไม่รู้ลืม
ดังนั้นความรักไม่สมหวังในบริบทนี้ ส่วนมากมักคือความรักที่ไม่สมหวังจากปัจจัยอื่นๆ ที่นอกเหนือจากแค่ความรู้สึกที่เรามีต่อคู่รัก เรียกได้ว่ายังไม่ทันหมดรัก ปัจจัยเหล่านั้นก็มาพรากมันออกไปเสียก่อน บางทีอาจจะเป็นความรักที่ยังเรียกไม่ได้เต็มปากว่ามันเกิดขึ้น แต่มันก็จบลงเสียก่อนที่เราจะเสพสุขจากมันได้เต็มที่ ราวกับดอกไม้ที่เราไม่ได้ทันเชยชมมันตอนที่เบ่งบานสวยงามที่สุด แต่มันกลับทิ้งกลีบเล็กๆ แห่งความทรงจำไว้ในใจเรา กลีบเล็กๆ ที่เพียงพอจะทำให้เราจินตนาการได้ถึงความงดงามของมันตอนเบ่งบาน อาจเป็นช่วงเวลาไม่กี่ปี ไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วัน หรืออาจเป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่ได้สบตากัน แต่เรากลับจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ไม่รู้ลืม
นึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นทีไรก็อบอุ่นใจไปรสชาติอันหอมหวาน ทุกสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง ของ “เขา” คนนั้นถูกเราแช่แข็งไว้ในรูปแบบของความทรงจำ แต่ดื่มด่ำกับมันได้ไม่นานรสชาติขมปลายก็มักจะเข้ามาเป็นอาฟเตอร์เทส เมื่อเราเริ่มนึกถึงความเป็นไปได้ที่แตกต่างไป จะเป็นอย่างไรถ้าวันนั้นเราตัดสินใจอีกแบบหนึ่ง จุดจบของความรักนี้จะเป็นอย่างไร? ความน่าจะเป็นนับร้อยพันประการทำให้ความรักครั้งนั้นของเราเต็มไปด้วยช่องว่างที่รอให้เราจินตนาการถึงมัน โหยหามัน กลายเป็นความทรงจำรสขมอมหวานที่เราไม่มีวันลืม เพราะยามเมื่อรักที่ค้างคากลายสภาพไปอยู่ในรูปแบบของความทรงจำ ก็จะไม่มีสิ่งใดพรากมันออกไปจากเราได้ แม้แต่ตัวเราเองก็ตาม มันจะกลายเป็นรักที่ไม่มีวันหมดอายุขัย กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องโปรดที่มีเพียงเราเท่านั้นที่จะสามารถหยิบมันออกมาฉายซ้ำได้ตลอดเวลา กลายเป็นความแฟนตาซีที่บางครั้งเราใช้มันเพื่อหลบหนีโลกความจริงที่ไม่เป็นดั่งใจ
ซึ่งบางทีก็อาจจะง่ายกว่าถ้าหากโอกาสตรงนั้นมันปิดตายลงไป เพราะถ้าจู่ๆ โอกาสเติมต่อตอนจบของความรักครั้งนั้น ดันหวนกลับมาในเวลาที่ชีวิตได้หักเหออกไปในอีกทางหนึ่งแล้ว ใครจะการันตีได้ว่าถ้าเกิดขึ้นจริงมันจะสวยงามดั่งฝัน หรือตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เราควรจะสละความสัมพันธ์จริงๆ ตรงหน้าที่อาจไม่ได้หวือหวาชวนฝัน แต่ตอบโจทย์กับชีวิตของเราในตอนนี้ทิ้งไป ? หรือเลือกที่จะหวังลึกๆ ให้เรื่องราวความเชื่อเรื่อง “อินยอน” กลายเป็นความจริงเพื่อชดเชยบางอย่างในจิตใจ และเก็บ “เขา” คนนั้นไว้ในความทรงจำเหมือนเดิม ?
ซึ่งบางทีก็อาจจะง่ายกว่าถ้าหากโอกาสตรงนั้นมันปิดตายลงไป เพราะถ้าจู่ๆ โอกาสเติมต่อตอนจบของความรักครั้งนั้น ดันหวนกลับมาในเวลาที่ชีวิตได้หักเหออกไปในอีกทางหนึ่งแล้ว ใครจะการันตีได้ว่าถ้าเกิดขึ้นจริงมันจะสวยงามดั่งฝัน หรือตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เราควรจะสละความสัมพันธ์จริงๆ ตรงหน้าที่อาจไม่ได้หวือหวาชวนฝัน แต่ตอบโจทย์กับชีวิตของเราในตอนนี้ทิ้งไป ? หรือเลือกที่จะหวังลึกๆ ให้เรื่องราวความเชื่อเรื่อง “อินยอน” กลายเป็นความจริงเพื่อชดเชยบางอย่างในจิตใจ และเก็บ “เขา” คนนั้นไว้ในความทรงจำเหมือนเดิม ?
เริ่มใหม่กับ “ความรักในฝัน” หรือไปต่อกับ “เป้าหมายชีวิต”
หากเป็นคุณล่ะ จะเลือกทางไหน ?
หากเป็นคุณล่ะ จะเลือกทางไหน ?