
ใกล้เข้าสู่วันแห่งความรักแล้ว เราก็มีเรื่องเล่าสำหรับสายมูกูรูเรื่องความรักมาเล่าให้ฟังกันค่ะ เชื่อว่าพอใกล้จะถึงวันแห่งความรักแล้ว เพื่อนๆ ชาวโสดก็คงจะแวะเวียนไปไหว้ขอพรกันใช่ไหมคะ และแน่นอนทางเราก็ไม่พลาดเหมือนกัน วันนี้ SPACEBAR จะพาทุกคนไปทำความรู้จักเบื้องลึกของเทพเลื่องชื่อด้านความรักอย่าง ‘พระตรีมูรติ’ กันค่ะ
ก่อนจะพูดถึง ‘พระตรีมูรติ’ คงต้องขอเริ่มต้นทำความเข้าใจกันก่อนว่า ‘พระตรีมูรติ’ มีความหมายอย่างไร?
ความจริงแล้ว ‘พระตรีมูรติ’ ในภาษาสันสกฤต ‘ตรี’ หมายถึง สาม และ ‘มูรติ’ หมายถึง รูปแบบ ซึ่งทางศาสนาฮินดูจะมีความหมายว่า มหาเทพทั้ง 3 องค์ ประกอบไปด้วย พระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ ตามหลักปรัชญา พระพรหมคือ พระผู้สร้าง พระนารายณ์คือ พระผู้รักษา และพระศิวะคือ พระผู้ทำลาย เปรียบเช่นหลักธรรมที่ว่า เกิดขึ้น คงอยู่ และ ดับไป
ก่อนจะพูดถึง ‘พระตรีมูรติ’ คงต้องขอเริ่มต้นทำความเข้าใจกันก่อนว่า ‘พระตรีมูรติ’ มีความหมายอย่างไร?
ความจริงแล้ว ‘พระตรีมูรติ’ ในภาษาสันสกฤต ‘ตรี’ หมายถึง สาม และ ‘มูรติ’ หมายถึง รูปแบบ ซึ่งทางศาสนาฮินดูจะมีความหมายว่า มหาเทพทั้ง 3 องค์ ประกอบไปด้วย พระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ ตามหลักปรัชญา พระพรหมคือ พระผู้สร้าง พระนารายณ์คือ พระผู้รักษา และพระศิวะคือ พระผู้ทำลาย เปรียบเช่นหลักธรรมที่ว่า เกิดขึ้น คงอยู่ และ ดับไป

หลายคนมักเข้าใจว่า ‘พระตรีมูรติ’ เป็นภาพรวมของเทพสามพระองค์ในร่างเดียวกัน หรือที่เรียกว่า ‘พระทัตตาเตรยะ’
แล้ว ‘พระทัตตาเตรยะ’ คือใคร?
ตามความเชื่อท่านเป็นเทพท้องถิ่นที่ถูกนำไปผนวกกับเทพในคัมภีร์ปุราณะ และตามตำนาน ‘ทัตตาเตรยะ’ เป็นบุตรของฤๅษีอัตริ และนางอนุสยา ฤๅษีอัตริผู้นี้ มีความเชื่อว่าอยู่ในกลุ่ม ‘สัปตฤๅษี’ หรือฤๅษีทั้งเจ็ดตนผู้เป็นบรรพชนของคน และสิ่งทั้งหลายในโลก
โดยมีเรื่องเล่าว่า มีฤาษีนามว่า อณิมาณฑวย (อะ-นิ-มาน-ดับ-วยะ) กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสงบ ในขณะนั้นได้มีโจรกำลังหลบหนีการจับกุมผ่านมาหลบซ่อนอยู่ใกล้ๆ แต่เจ้าหน้าซึ่งวิ่งตามมาไม่เห็นโจร แต่เห็นฤาษีอณิมาณฑวยกำลังนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่จึงกล่าวถามฤาษีว่าเห็นโจรหรือไม่ แต่ฝ่ายฤาษีนั้นกลับนิ่งเงียบไม่ตอบสิ่งใด เพราะกำลังตั้งใจเพ่งสมาธิไปกับการบำเพ็ญเพียร ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าใจว่าฤาษีตนนี้คือโจรแน่ๆ และทำการจับกุมตัวไปให้พระราชาไต่สวน ซึ่งทางพระราชาก็ได้ทำการสั่งประหารชีวิตฤาษีอณิมาณฑวยด้วยการใช้ตรีศูลเสียบ และเอาไปไว้บนเนินเขา แต่ฤาษียังไม่ตาย!
ต่อมามีสตรีนามว่านางศีลวตี ได้แบกสามีที่ชื่ออุครศรวัสเดินทางผ่านมา (นางศีลวตีแบกสามีเพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์ที่มีต่อสามี) แต่ด้วยเส้นทางมีความลำบากและฝนตก เมื่ออุครศรวัสเห็นว่าฤาษีอณิมาณฑวยที่กำลังถูกตรีศูลเสียบอยู่ ก็ได้พูดกล่าวโทษ หาว่าฤาษีอณิมาณฑวยคือต้นเหตุที่ทำให้การเดินทางล่าช้า ทำให้อณิมาณฑวยโกรธมาก และได้สาปสามีของศีลวตีให้ต้องตายเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ศีลวตีเสียใจมากเพราะไม่อยากเสียสามีไปจึงอธิษฐานว่าหากตนเป็นเมียที่ดีมาตลอดก็ขอให้พระอาทิตย์ไม่ขึ้นในวันรุ่งขึ้น ซึ่งคำอธิษฐานเกิดขึ้นจริง สร้างความปวดหัวให้เหล่ามหาเทพ จึงต้องลงมาแก้ปัญหา เพราะถ้าพระอาทิตย์ไม่ขึ้น โลกจึงไม่เป็นไปตามวัฏจักร
แล้ว ‘พระทัตตาเตรยะ’ คือใคร?
ตามความเชื่อท่านเป็นเทพท้องถิ่นที่ถูกนำไปผนวกกับเทพในคัมภีร์ปุราณะ และตามตำนาน ‘ทัตตาเตรยะ’ เป็นบุตรของฤๅษีอัตริ และนางอนุสยา ฤๅษีอัตริผู้นี้ มีความเชื่อว่าอยู่ในกลุ่ม ‘สัปตฤๅษี’ หรือฤๅษีทั้งเจ็ดตนผู้เป็นบรรพชนของคน และสิ่งทั้งหลายในโลก
โดยมีเรื่องเล่าว่า มีฤาษีนามว่า อณิมาณฑวย (อะ-นิ-มาน-ดับ-วยะ) กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสงบ ในขณะนั้นได้มีโจรกำลังหลบหนีการจับกุมผ่านมาหลบซ่อนอยู่ใกล้ๆ แต่เจ้าหน้าซึ่งวิ่งตามมาไม่เห็นโจร แต่เห็นฤาษีอณิมาณฑวยกำลังนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่จึงกล่าวถามฤาษีว่าเห็นโจรหรือไม่ แต่ฝ่ายฤาษีนั้นกลับนิ่งเงียบไม่ตอบสิ่งใด เพราะกำลังตั้งใจเพ่งสมาธิไปกับการบำเพ็ญเพียร ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าใจว่าฤาษีตนนี้คือโจรแน่ๆ และทำการจับกุมตัวไปให้พระราชาไต่สวน ซึ่งทางพระราชาก็ได้ทำการสั่งประหารชีวิตฤาษีอณิมาณฑวยด้วยการใช้ตรีศูลเสียบ และเอาไปไว้บนเนินเขา แต่ฤาษียังไม่ตาย!
ต่อมามีสตรีนามว่านางศีลวตี ได้แบกสามีที่ชื่ออุครศรวัสเดินทางผ่านมา (นางศีลวตีแบกสามีเพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์ที่มีต่อสามี) แต่ด้วยเส้นทางมีความลำบากและฝนตก เมื่ออุครศรวัสเห็นว่าฤาษีอณิมาณฑวยที่กำลังถูกตรีศูลเสียบอยู่ ก็ได้พูดกล่าวโทษ หาว่าฤาษีอณิมาณฑวยคือต้นเหตุที่ทำให้การเดินทางล่าช้า ทำให้อณิมาณฑวยโกรธมาก และได้สาปสามีของศีลวตีให้ต้องตายเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ศีลวตีเสียใจมากเพราะไม่อยากเสียสามีไปจึงอธิษฐานว่าหากตนเป็นเมียที่ดีมาตลอดก็ขอให้พระอาทิตย์ไม่ขึ้นในวันรุ่งขึ้น ซึ่งคำอธิษฐานเกิดขึ้นจริง สร้างความปวดหัวให้เหล่ามหาเทพ จึงต้องลงมาแก้ปัญหา เพราะถ้าพระอาทิตย์ไม่ขึ้น โลกจึงไม่เป็นไปตามวัฏจักร

พระพรหม, พระศิวะ และ พระนารายณ์ ได้ลงมาเพื่อร้องขอให้นางศีลวตีจะถอนคำอธิษฐานนั้นเสีย โดยมหาเทพทั้ง 3 เลือกใช้วิธีไปหานางอนุสยา เพื่อนรักของศีลวตี เพื่อให้นางไปขอร้องนางศีลวตีให้ถอนคำอธิฐานนั้นเสีย โดยที่สามีของเธอจะไม่เสียชีวิต ซึ่งนางศีลวตีก็ยอมแต่โดยดี
และเพื่อเป็นการขอบคุณนางอนุสยาที่ช่วยไปบอกนางศีลวตีให้ถอนคำอธิฐาน จึงให้นางอนุสยาขอพรได้หนึ่งข้อ ซึ่งนางอนุสยาจึงทูลขอให้พระตรีมูรติมาเกิดเป็นลูกของนางในภายภาคหน้า พระตรีมูรติจึงได้ประทานพรตามคำขอโดยที่พระนารายณ์ได้เกิดเป็นพระทัตตาเตรยะ, พระศิวะได้เกิดเป็นทุรวาสัส และพระพรหมได้เกิดเป็นพระจันทร์ โดยรูปของพระทัตตาเตรยะสามารถแสดงรูปลักษณ์ของสามมหาเทพรวมเป็นหนึ่งได้อีกด้วย
และเพื่อเป็นการขอบคุณนางอนุสยาที่ช่วยไปบอกนางศีลวตีให้ถอนคำอธิฐาน จึงให้นางอนุสยาขอพรได้หนึ่งข้อ ซึ่งนางอนุสยาจึงทูลขอให้พระตรีมูรติมาเกิดเป็นลูกของนางในภายภาคหน้า พระตรีมูรติจึงได้ประทานพรตามคำขอโดยที่พระนารายณ์ได้เกิดเป็นพระทัตตาเตรยะ, พระศิวะได้เกิดเป็นทุรวาสัส และพระพรหมได้เกิดเป็นพระจันทร์ โดยรูปของพระทัตตาเตรยะสามารถแสดงรูปลักษณ์ของสามมหาเทพรวมเป็นหนึ่งได้อีกด้วย

หากพระตรีมูรติ = เทพ 3 พระองค์ที่มีอิทธิฤทธิ์แตกต่างกัน แล้วทำไมคนไทยถึงขอพรเรื่องความรักเพียงอย่างเดียว? แล้วเทพ 3 เศียรที่ถูกเรียกว่า ‘ตรีมูรติ’ ที่เราไปกราบไหว้ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์นั้นมีความเป็นมาอย่างไร?
ความจริงแล้วรูปพระตรีมูรติรูปนั้น ชาวฮินดูมักรู้จักกันในนามว่า ‘พระทัตตาเตรยะ’ โดยเป็นอีกรูปของพระนารายณ์ที่อวตารลงมาเป็นลูกของพระนางอนุสยา ตามตำนาน
ทั้งนี้คนไทยส่วนใหญ่เชื่อกันว่า หากบูชาพระตรีมูรติ จะทำให้ประสบความสำเร็จใน ‘เรื่องความรัก’ ให้สมหวังตามความปรารถนา และศาลพระตรีมูรติ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เทวาลัยสำหรับสักการะ ใกล้กับศาลพระพิฆเนศวร ที่จริงคือ พระศิวะ 5 เศียร ปางปัญจมุขี หรือ พระสทาศิวะ เทพเจ้าผู้ขจัดโรคร้าย ผู้สร้าง ผู้บวงสรวง ไม่มีพระตรีมูรติในตำรา หรือคัมภีร์ไหนที่มี 5 เศียร พระตรีมูรติที่ถูกต้องตามเทวลักษณะจะต้องมี 3 เศียรเท่านั้น และสามารถบันดาลพรให้ผู้ที่ทำความดีได้ทุกอย่าง ทั้งในเรื่องของหน้าที่การงาน การเงิน สุขภาพ และโชคลาภ
ความจริงแล้วรูปพระตรีมูรติรูปนั้น ชาวฮินดูมักรู้จักกันในนามว่า ‘พระทัตตาเตรยะ’ โดยเป็นอีกรูปของพระนารายณ์ที่อวตารลงมาเป็นลูกของพระนางอนุสยา ตามตำนาน
ทั้งนี้คนไทยส่วนใหญ่เชื่อกันว่า หากบูชาพระตรีมูรติ จะทำให้ประสบความสำเร็จใน ‘เรื่องความรัก’ ให้สมหวังตามความปรารถนา และศาลพระตรีมูรติ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เทวาลัยสำหรับสักการะ ใกล้กับศาลพระพิฆเนศวร ที่จริงคือ พระศิวะ 5 เศียร ปางปัญจมุขี หรือ พระสทาศิวะ เทพเจ้าผู้ขจัดโรคร้าย ผู้สร้าง ผู้บวงสรวง ไม่มีพระตรีมูรติในตำรา หรือคัมภีร์ไหนที่มี 5 เศียร พระตรีมูรติที่ถูกต้องตามเทวลักษณะจะต้องมี 3 เศียรเท่านั้น และสามารถบันดาลพรให้ผู้ที่ทำความดีได้ทุกอย่าง ทั้งในเรื่องของหน้าที่การงาน การเงิน สุขภาพ และโชคลาภ

ส่วนความเชื่อที่ว่าพระตรีมูรติ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ กลายมาเป็นเทพเจ้าแห่งความรักตั้งแต่เมื่อใดนั้นดูเหมือนจะไม่มีหลักฐานปรากฏชัดว่าเป็นเพราะเหตุใด คงเป็นการลือกันในหมู่ผู้ศรัทธา ไม่ต่างจากการขอหวย ที่ลือกันว่าที่นั้น ที่นี่ ให้หวยแม่นอะไรประมานนั้น คงมีสักคนที่เข้ามาขอพรเรื่องความรักแล้วสมหวัง ก็เล่ากันปากต่อปากกันไป แต่อาจจะเป็นธรรมเนียมที่นิยมปฏิบัติกันทุกคืนในวันพฤหัสบดี เวลาประมาณ 21.30 น. บรรดาผู้ที่อยากสมหวังในความรักจะมาอธิษฐาน เพื่อให้ตนเองได้รับความสมหวังในความรักที่ปรารถนา ด้วยความเชื่อที่ว่า เวลา 21.30 น. ของวันนั้นมหาเทพจะเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อรับคำอธิษฐาน
ถึงแม้พระองค์จะไม่ได้เด่นในเรื่องของความรัก แต่ก็ไม่ได้มีข้อห้ามว่าจะไปไหว้ขอพรเรื่องความรักไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความศรัทธา และที่สำคัญอยู่ที่การกระทำของเราด้วยนะ สรุปโดยง่ายคือ เราสามารถขอพรกับพระศิวะ หรือที่ทุกคนเชื่อกันว่าคือ ‘พระตรีมูรติ’ ในเรื่องของความรักได้ เพราะในฐานะผู้บูชาแล้ว เราสามารถขอพรอะไรก็ได้ ส่วนจะได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล
แล้วพระตรีมูรติองค์จริงอยู่ที่ไหนละ?
สำหรับเทวรูป พระตรีมูรติ ที่ถูกต้องตามเทวลักษณะจะประดิษฐานอยู่ที่ศาลพระตรีมูรติ ข้างๆ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สาทรใต้ กรุงเทพฯ คนที่มีความเชื่อความศรัทธาในเรื่องการขอพรความรัก ก็ยังแวะเวียนไปไหว้และขอพรท่านได้เช่นกัน
และสุดท้ายนี้เราขออวยพรให้ทุกท่านที่ไม่ว่าจะขอพรกับพระองค์ใดก็ตาม ขอให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้สมหวังตามใจที่ปรารถนา และสำเร็จดั่งพรที่ได้ขอไว้นะ (:
ถึงแม้พระองค์จะไม่ได้เด่นในเรื่องของความรัก แต่ก็ไม่ได้มีข้อห้ามว่าจะไปไหว้ขอพรเรื่องความรักไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความศรัทธา และที่สำคัญอยู่ที่การกระทำของเราด้วยนะ สรุปโดยง่ายคือ เราสามารถขอพรกับพระศิวะ หรือที่ทุกคนเชื่อกันว่าคือ ‘พระตรีมูรติ’ ในเรื่องของความรักได้ เพราะในฐานะผู้บูชาแล้ว เราสามารถขอพรอะไรก็ได้ ส่วนจะได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล
แล้วพระตรีมูรติองค์จริงอยู่ที่ไหนละ?
สำหรับเทวรูป พระตรีมูรติ ที่ถูกต้องตามเทวลักษณะจะประดิษฐานอยู่ที่ศาลพระตรีมูรติ ข้างๆ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สาทรใต้ กรุงเทพฯ คนที่มีความเชื่อความศรัทธาในเรื่องการขอพรความรัก ก็ยังแวะเวียนไปไหว้และขอพรท่านได้เช่นกัน
และสุดท้ายนี้เราขออวยพรให้ทุกท่านที่ไม่ว่าจะขอพรกับพระองค์ใดก็ตาม ขอให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้สมหวังตามใจที่ปรารถนา และสำเร็จดั่งพรที่ได้ขอไว้นะ (: