สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘Concrete Utopia’ หรือ ‘วิมานกลางนรก’ ในด้านคุณภาพทั้งงานสร้าง และองค์ประกอบความเป็นภาพยนตร์ ก็ต้องบอกว่าสมมงตัวแทนออสการ์จากเกาหลี ความประณีตทั้งงานด้านภาพ ทั้งฉาก มุมภาพ แสง สี เสียง ที่เนรมิตภาพซากปรักหักพังของประเทศเกาหลีที่ล่มสลายออกมาได้อย่างสมจริง บรรดานักแสดงระดับแม่เหล็กอย่าง อีบยองฮอน พัคซอจุน และ พัคโบยอง ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เรียกว่าเอาอยู่ทุกฉากที่ปรากฏตัว ด้านการดำเนินเรื่องในฐานะความเป็นภาพยนตร์แนวหายนะ บทภาพยนตร์ก็ทำได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด แม้ตรรกะของตัวละครทุกตัวจะถูกวางมาเพื่อตอบรับกับประเด็นที่ภาพยนตร์จะสื่อก็จริง แต่ในขณะเดียวกันมันก็ถูกวางมาอย่างแข็งแรง และธรรมชาติเสียจนไม่รู้สึกขัดใจในการตัดสินใจใดๆ ของตัวละครแต่ละตัว แม้การตัดสินใจนั้นจะนำมาซึ่งเรื่องราวอันวายป่วงเพียงใดก็ตาม เราจึงจะได้เห็นการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่ามนุษย์ในแต่ละแบบจากตัวละครในเรื่องแต่ละตัวที่มุมมองต่อโลกใบนี้แตกต่างกันไป เมื่อระบบล่มสลาย ทุกคนจนตรอกและใกล้ตาย คุณจะเลือกวิธีใดในการเอาชีวิตรอด?
ซึ่งก็นำมาสู่ประเด็นหลักของภาพยนตร์ที่ค่อนข้างชัดเจน ด้วยฉากหลังของภาพยนตร์อันเป็นโลกล่มสลายที่ระบบเศรษกิจถูก Set Zero แบบนี้ คงไม่มีประเด็นใดที่จะสอดคล้องกับตัวภาพยนตร์ ไปมากกว่าการถกเถียงเรื่องการเมือง ระบบเศรษฐกิจ และระบบการปกครอง การใช้ฉากหลังสำคัญเป็นอะพาร์ตเมนต์ที่เป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นในประเทศเกาหลี เพื่อตั้งคำถามถึงความหมายของคำว่าที่อยู่อาศัยในมุมมองทางการเมืองแบบต่างๆ ทั้งทุนนิยม และสังคมนิยม สอดคล้องไปกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ซึ่งเกี่ยวพันกันทั้งระบบ และเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลก็สะท้อนออกมาถึงความโหดร้ายของระบบในโลกในความเป็นจริงได้อย่างเข้าที ทำให้นอกจากประสบการณ์ความบันเทิงระดับมาสเตอร์พีชที่ผู้ชมจะได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วนั้น ‘วิมานกลางนรก’ จะทำให้คุณได้ย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง ว่าความเชื่อของคุณคืออะไร สังคมที่คุณใฝ่ฝันอยากให้มันเป็น ‘ยูโทเปีย’ หรือ ‘วิมานในสวรรค์’ ของคุณ คือสังคมแบบไหน และที่สำคัญ