VIBE Review: ‘Sleep หลับ ลึก หลอน’ เมื่อความหลอน ซ่อนความทุกข์ระทมของชีวิตคู่ไว้อย่างคมคาย

ตัวพล็อตเรื่องของ ‘Sleep หลับ ลึก หลอน’ ว่าด้วยสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ต้องเผชิญกับฝันร้ายที่ค่อยๆ คืบคลานพวกเขา จากโรคนอนละเมอของสามีนักแสดงอย่าง ‘ฮยอนซู’ (อีซอนคยุน)  ที่นับวันๆ มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตัวภรรยา ‘ซูจิน’ (จองยูมิ) ที่กำลังท้องแก่ แทบจะสติแตกในแต่ละค่ำคืนผ่านพ้นไป และเมื่อซูจินตัดสินใจตามหาคำตอบของเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันก็ทำให้เธอได้พบกับ ความจริง!? อันสุดสะพรึง 

จากพล็อตที่เล่ามาก็ต้องถือว่าผู้กำกับอย่าง เจสัน ยู ตีโจทย์ออกมาได้เด็ดขาดทีเดียว ‘Sleep หลับ ลึก หลอน’ ได้มอบประสบการณ์อันน่าสนใจให้กับผู้ชม ด้วยความหลอนที่ค่อยๆ ไต่ระดับจากตัวแสดงหลักเพียงแค่ 2 คน ในโลเคชันอพาร์ทเม้นต์หนึ่งห้อง แต่กลับสั่นประสาทคนดูได้อย่างถึงพริกถึงขิง พร้อมกันนั้นฟอร์มที่ใช้เล่าเรื่องด้วยการแบ่งตัวหนังเป็นองค์ๆ มีการข้ามเวลา ก็ยิ่งทำให้ตัวหนังไปไกลกว่าที่คิด จากที่พาร์ทแรกๆ จัดเต็มประเคนความน่ากลัวของตัวสามีจากโรคนอนละเมอ ไปจนพาร์ตสุดท้ายที่ตัวภรรยา ซูจิน ที่เธอต้องการปกป้องลูกจากผี (ในความเชื่อของเธอ) ที่เข้าสิงสามี จนในที่สุดเธอก็สติแตกขั้นสุด และกลายเป็นตัวละครที่คนดูอย่างเราหวาดหวั่นแทน ถือว่าค่อนข้างเหนือความคาดหมายเลยทีเดียว 

อีกสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างโดนใจผู้เขียน คือความคลุมเครือของความจริงที่หักเหไปมาตลอดทั้งเรื่อง จนสุดท้ายเราก็ยังไม่สามารถยืนยันฟันธงได้ว่า เรื่องราวสุดสะพรึงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความลึกลับเหนือธรรมชาติ หรือเป็นสิ่งที่ซูจินคิดไปเอง ขนาดตอนจบที่ดูเหมือนว่าจะคลี่คลายไปทางที่เกิดเรื่องลึกลับขึ้นจริง จากซีนไคลแม็กซ์ที่พระเอกกลายเป็นผีตาลุงพูดคุยกับตัวภรรยาเพื่อยอมออกจากร่าง ก็ยังถูกดีเทลของตัวละครที่ว่าพระเอกเป็นนักแสดง ประกอบกับแอคติ้งของเขาหลังที่ผีออกจากร่าง มาดึงรั้งความคิดผู้ชมไว้ว่าหรือสิ่งที่เราเห็นอาจจะเป็นการแกล้งทำของฮยอนซู?

ซึ่งเจ้าความคลุมเครือที่ว่านี้นอกจะเป็นส่วนเสริมอรรถรสให้กับการรับชม มันกลับสอดคล้องไปกับประเด็นที่ผู้สร้างสอดแทรกมาในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างพอดิบพอดี เคยมีเรื่องที่เขาว่ากันว่าหากจะจับโกหกผู้ชายให้จับตอนนอน ในยุคที่ยังไม่มีแชทให้ผู้หญิงเช็ก หลายๆ ครั้งเหล่าภรรยามักจะจับโป๊ะสามีสุดที่รักได้จากการที่เขาหลับและเผลอละเมอชื่อชู้รักออกมาแบบไม่รู้ตัว และเมื่อไม่ว่าฝ่ายใดผ่ายหนึ่งกระทำผิด ต่อให้พิสูจน์ได้หรือไม่ สิ่งที่จะตามมาคือความคลุมเครือหวาดระแวงไม่แน่ไม่นอนที่จะบ่อนทำลายสุขภาพจิตของคุณทั้งคู่อย่างไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะหากมันพัฒนาไปสู่การแต่งงาน และยิ่งมีทายาทตามมา ซึ่งในสังคมเกาหลีที่บางมุมยังมีความอนุรักษนิยมอยู่สูง การหย่าร้างถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงเกาหลีที่การหย่าไม่ต่างจากตราบาปที่จะติดตัวเธอไปตลอดชีวิต ซึ่งในตัวภาพยนตร์ก็ได้ฉายภาพยนตร์ชีวิตของผู้หญิงที่ต้องเป็นฝ่ายรับผลกระทบที่เกิดตามมาจากค่านิยมดังกล่าว ทั้งตัวแม่ของซูจินที่มีไดอะล็อกว่าเธอเลี้ยงซูจินมาคนเดียวตั้งแต่ยังเล็ก หรือผู้หญิงลูกผีลุงห้องข้างล่างที่เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็มีฉากปลอบใจซูจินว่าการหย่าร้างมันอาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด จนไปถึงตัวซูจินเองที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ในเส้นเรื่องหลัก

‘สองแรงร่วมใจ อุปสรรคยากแค่ไหน ก็สำเร็จ’ 

นี่คือข้อความสำคัญที่ถูกสลักไว้บนแผ่นป้ายในห้องของตัวละครหลัก และมันถูกหยิบยกมาพูดถึงหลายครั้งโดยตัวละครภรรยาอย่างซูจิน เพื่อจะพยายามให้ตัวสามีช่วยประคับประคองชีวิตคู่กันไป ทั้งๆ ที่บางทีก็แค่แยกกันอยู่ก็อาจจะไม่ต้องวุ่นวายและแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า ซึ่งมันก็สะท้อนออกมาถึงในโลกความเป็นจริงได้อย่างเข้าที ในขณะที่เราได้แต่สงสัยว่าทำไมซูจินเจอเหตุการณ์ที่มันหนักหนาขนาดนี้ เธอยังเลือกที่จะประคับประคองชีวิตคู่อยู่ได้ แต่เชื่อเถอะว่าในโลกแห่งความเป็นจริง มีผู้คนจริงๆ ที่สามารถทนเรื่องราวที่เลวร้ายมากกว่าในหนัง เพียงเพราะแค่ค่านิยมการครองคู่ดังกล่าว ที่อ้างว่าทำเพื่อลูก ทำเพื่อครอบครัว และต้องทนอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย จนในที่สุดเมื่อมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ว่าจะหญิงหรือชายต้องทนในสิ่งที่ตัวเองไม่อาจทานไหวเพียงเพราะค่านิยมของสังคม บางครั้งมันก็อาจจะกดทับพวกเขาจนเกิดปีศาจขึ้นได้  

ซึ่งหลายๆ ครั้ง ปีศาจจากเรื่องราวในโลกความเป็นจริงเหล่านั้น 

มันน่ากลัวกว่าเรื่องราวในภาพยนตร์เสียอีก!!