SPACE Review: รีวิวคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งที่ 5 ของ แทยอน Girls’ Generation สุดยอดควีนแห่งโวคอล

จบลงแล้วสำหรับการแสดงคอนเสิร์ต 2 รอบการแสดง ของศิลปินเดี่ยวผู้เป็นดั่งควีนแห่งโวคอลในวงการ K-POP อย่าง คิมแทยอน หรือ แทยอน Girls’ Generation เมื่อวันที่ 12-13 สิงหาคมที่ผ่านมา ในคอนเสิร์ตที่ชื่อว่า TAEYEON CONCERT - The ODD Of LOVE in BANGKOK นอกจากจะเป็นไอดอล K-POP ที่มากด้วยความสามารถแล้ว แทยอน ยังเป็นศิลปินเดี่ยวหญิงคนแรกที่มีการแสดงเดี่ยวถึง 2 รอบการแสดง ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี  

ซึ่งเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา กก. ก็ได้มีโอกาสไปเข้าชมการแสดงของไอดอลสาว ก็วันแม่ทั้งที นอกจากกราบแม่แล้ว ก็ต้องไปดูศิลปินตัวแม่ทำการแสดงด้วยสิ ซึ่งข้อความด้านล่างต่อไปนี้ จะเป็นการรีวิวแบบเพลงต่อเพลงที่ กก. ตั้งใจทำมากๆ เพราะดูไปเขียนไปไม่เกินจริง อยากให้ทุกคนได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ ความปัง ความควีนของศิลปินสาวที่ชื่อว่า ‘คิมแทยอน’ 

เปิดมาด้วยชุดเดรสสีดำให้อารมณ์ควีนครองบัลลังก์ กับเพลง INVU พร้อมวงแบนด์ ที่เรียบเรียงจังหวะเพลงใหม่ และแสงบงเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ปลุกความสนุกตั้งแต่เริ่มงาน เสียงแฟนๆ ดังกระหึ่มฮอลล์ ในชนิดที่ว่า ดังกว่าเสียงร้องและเสียงเพลงของวงดนตรีเสียอีก เพลงแรกจบไป บงเปลี่ยนสีอีกครั้งกับสีแดงสลับเหลือง ในเพลง Can’t Control Myself ซึ่งในเพลงนี้ นอกจากแสงบงที่เปลี่ยนไปแล้ว จอ LED และไฟในคอนเสิร์ต ก็เปลี่ยนไปด้วย ทำให้ในเพลงนี้ทั้งคอนเสิร์ตกลายเป็นสีแดงที่แฝงไปด้วยความแค้นตามอารมณ์เพลง 

ไฟในฮอลล์กลับมาเป็นน้ำเงินสลับเขียวน้ำทะเลอีกครั้งกับเพลง Some Night แต่คราวนี้ทีม SM True ได้ทำให้แท่งไฟเป็นสีน้ำเงิน-ฟ้าอ่อน และไฟสปอร์ตไลท์ในงานเป็นสีฟ้าอ่อน จอ LED ข้างหลังเป็นกราฟิกสีเขียวน้ำทะเล ให้ความรู้สึกดำดิ่งอยู่ในน้ำลึก มีการอวดฝีมือ มือคีย์บอร์ดที่มี เซนิกาเมะยืนอยู่บนเครื่องดนตรีขึ้นจอด้วย ก่อนจะพบกับไฮโน้ตของแทยอน เป็นเพลงที่ทรงพลังมากๆ แท่งไฟกลับมาเป็นสีชมพูอ่อน พร้อมกับเพลง Set myself On fire จอ LED ด้านหลังเป็นภาพของแทยอนที่ยังอยู่ในชุดเดรสสีดำ พร้อมกับดอกกุหลาบสีดำ ที่ถูกเพลิงสีขาวแผดเผา ก่อนที่กลับดอกไม้จะกลายเป็นเศษกระจกแตกล่องลอยไป พร้อมแทยอน ที่หายไปกับไฮดรอลิกของสเตจหลัก ปล่อยให้นักดนตรีแบ็กอัปอวดฝีมือกันสุดฤทธิ์  

แทยอนกลับมาอีกครั้งในชุดสีขาวที่กลางสเตจรอบ พร้อมด้วยเหล่าแดนเซอร์ กับเพลง Siren ที่จอด้านหลังเป็นคลื่นแห่งมหาสมุทร อย่างที่รู้กันดี แทยอน ผู้เป็นดั่งโวคอลควีน เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อย ก็สะกดสายตาคนดูไปทั้งฮอลล์แล้ว ซึ่งแทยอนก็นับว่าเป็นไซเรนบนโลกมนุษย์ได้อย่างดี เพราะเสียงที่ขับกล่อมผู้ฟังนั่นเอง ทั้งฮอลล์เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งราวกับอยู่ในนรก กับเพลง Cold As Hell เพลงสุดเยือกเย็น ที่ทำเอาทั้งฮอลล์หนาวสั่นไปกับการแสดงของเธอ ที่สุขุมและเยือกเย็นเกินต้านทาน ด้วยชุดสีขางที่เธอเพิ่งเปลี่ยนมา แน่นอนเลยว่า มันเล่นกับไฟอย่างมาก ไม่ว่าไฟจะสาดมาในสีอะไร ก็ไม่สามารถดรอป คิมแทยอน คนนี้ได้เลย 

หลังจากจบช่วงทอล์คแรก ก็มีการอวดเสียงบรรเลงของคีย์บอร์ดและเหล่านักดนตรีแบ็คอัปอีกครั้ง ก่อนจะเข้าสู่เพลง Heart ซึ่งสเตจหลักได้มีไฮโรลิกยกขึ้นเปรียบเสมือนเก้าอี้ให้กับแทยอนได้นั่ง และเมื่อเข้าสู่ท่อนฮุค ตรงไฮดรอลิกและจอด้านหลังก็เปล่งแสงออร่าออกมาสวยมากๆ จบเพลง Heart ต่อด้วยเพลง Todler พร้อมกับไฟสีเขียว ที่บอกเลยว่า เขียว!! แอบได้ยินเสียงแฟนคลับทางด้านหน้าตะโกนด้วยว่า ‘สวยมาก!!’ ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าสวยจริง นอกจากการแสดงที่จัดขึ้นในวันแม่แล้ว แทยอน ยังเปรียบเสมือนตัวแม่ของวงการด้วย ซี๊ดปากเลย  

การแสดงตัดเข้าสู่ VCR อีกครั้ง เป็น VCR การแสดงเพลง Something New ที่ถ่ายทำขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แฟนๆ ทั้งฮอลล์ร่วมกันแฟนชานต์เป็นคำว่า “คิมแทยอน” พร้อมทำแฟนโปรเจกต์แรก คือ สวมที่เฮดแบนด์เป็นหน้า เจโร่ เจ้าตูบเพื่อนซี้ของแทยอนด้วย น่ารักมากๆ  

กลับเข้าสู่การแสดงบนเวทีอีกครั้ง กับเพลงสุดสดใส ในเพลง Weekend เพลงที่มาในโทนสีชมพูพายิ้มตาม โดยในครั้งนี้แทยอนมาในลุคที่น่ารักมาก กับเสื้อสายเดี่ยวสีฟ้า พร้อมเสื้อคลุมลายลูกไม้แขนยาว และมินิเสกิร์ตสีดำ มีโบว์สีชมพูเล็กๆ ติดที่ผม 2 ข้าง น่ารักไม่ไหวจริงๆ จบเพลงน่ารัก เข้าเพลงสนุกๆ ต่อกับเพลง No Love Again เพลงที่สื่อว่าไม่ต้องการที่จะตกหลุมรักใครอีก ซึ่งในเพลงนี้ เธอก็ได้เดินไปทั่วสเตจ เพื่อทักทายเล่นกับแฟนๆ ที่เฝ้าชมการแสดงอยู่ทั่วทั้งคอนเสิร์ตด้วย จากนั้นก็เข้าสู่เพลงร็อคหนักๆ แต่ชวนเจ็บปวดหัวใจ กับเพลง You Better Not ที่มาพร้อมขาไมค์เท่ๆ และเสียงดนตรีที่บอกเลยว่าหนักแน่นทั้งเพลง ถ่ายทอดความเจ็บปวดของคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความรัก ก่อนจะมาปลดปล่อยความเครียดไปกับเพลง Stress เพลงจังหวะสนุกๆ กับขาไมค์เท่ๆ พร้อมกับทาง 2 นิ้วที่ประทับที่ริมฝีปาก ก่อนจะเข้าท่อนฮุคที่ร้องว่า You got me smoking cigarettes เรียกเสียงกรี๊ดได้สนั่นฮอลล์มากๆ  

เข้าสู่เพลงต่อไป เป็นเพลง Playlist ที่แทยอนมาพร้อมเก้าอี้สีขาว กับเสียงเพลงนุ่มๆ จากกีต้าร์โปร่ง สะกดคนดูด้วยเสียงเพราะๆ ได้แบบลงตัวมากๆ ความสมบูรณ์แบบของเพลงนี้ ต้องยกให้แสงเลเซอร์และไฟสปอร์ตไลต์ที่สร้างบรรยากาศให้กับเพลงนี้ได้นุ่มละมุนไปอีก 200% ต่อด้วยอีกหนึ่งเพลงฮิตอย่าง Wha Do I Call You เพลงที่ให้ความรู้สึกเยือกเย็น กับเพลงที่สื่อความหมายถึงแฟนเก่าที่กลับมาอีกครั้ง แต่ฉันลืมเธอไปหมดแล้ว จนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี ตามมาด้วยเพลง To the Moon กับไฟสีม่วงน่าพิศวง แต่จอ LED ให้อารมณ์จังเกิลจังใจ เหมือนอยู่ในป่าสุดลึกลับ ชวนทุกคนทิ้งทุกความหนักใจ และออกเดินทางไปยังดวงจันทร์ด้วยกัน  

ต่อกันที่เพลง Wildfire ที่มาพร้อมกับไฟเพลิงที่กำลังแผดเผาป่าไม้ไปพร้อมๆ กัน ด้วยเสียงร้องที่ก้องกังวานเปรียบความรักที่เพิ่มขึ้นแบบคลั่งรักสุดๆ เหมือนดั่งไฟป่าที่ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ในจอ LED ด้านข้าง ได้มีรอยดินสอวาดมงกุฎให้กับแทยอนด้วย และยังมีลูกเล่นอีกมากมาย น่ารักสุดๆ ในท่อน โว้โว.. โว้โว ทางสเตจมีการเปิดไฟ เพื่อให้แทยอนได้เห็นแฟนๆ ชัดๆ และชวนแฟนๆ มาร้องประสานเสียงไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่แทยอนจะหลบไปหลังเวที ในระหว่างนั้นก็เป็นช่วงเบรคแดนซ์แนะนำเหล่าแดนเซอร์แต่ละคน ก่อนที่จะมาแนะนำนักดนตรีทีละคน ได้รับเสียงปรบมือจากแฟนๆ แบบสนั่นฮอลล์ 

แทยอนกลับขึ้นมาอีกครั้งในเพลง My Tragedy และเพลง Better Babe ในลุคเดรสสั้นสุดระยิบตา พร้อมแจ็คเก็ตหนังสีดำ ถ่ายทอดความเจ็บปวดของหัวใจที่แตกสลาย ด้วยเสียร้องที่บาดลึกพร้อมเสียงกีต้าร์ที่ลีดออกมาแบบเจ็บจับขั้วหัวใจ ก่อนจะเข้าสู่เพลง Four Seasons เพลงดังใจตำนานที่คว้าดิจิทัลแดซังจากงานประกาศรางวัลที่ประเทศเกาหลีใต้มาแล้ว เพียงแค่อินโทรเพลงขึ้น เสียงกรี๊ดก็สนั่นฮอลล์ แน่นอนว่าเพลงฮิตในตำนานขึ้นบรรเลง มีเหรอที่แฟนไทยจะพลาด ยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ร้องเพลงตามศิลปินอยู่แล้ว งานนี้บอกเลยกระหึ่มฮอลล์ยันท่อนที่ร้องว่า ฮู้ฮูเลยจ้า  

เพลงต่อไป เป็นเพลงจากอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 กับเพลง Timeless เพลงที่อวดเสียงร้องเพราะๆ ที่พาแฟนๆ โยกหัวตามกันแบบเบาๆ ต่อด้วยเพลง Fine และ เพลง I เพลงในตำนานที่แฟนๆ คาดหวังและรอคอย และนับว่าเป็นเพลงของ แทยอน ที่ไม่ว่าจะคอนเสิร์ตที่ไหนก็แล้วแต่ จะไม่มี 2 เพลงนี้ไม่ได้  

ซึ่งในเพลง Fine จะมีพาร์ทกระชากอารมณ์ ทั้งฮอลล์เงียบจนได้ยินเสียงแอร์ ปล่อยให้แทยอนอวดเสียงร้องอันทรงพลัง แม้เสียงวงดนตรีก็ไม่มีสักแอะ เป็นเสียงสดๆ ที่ทรงพลังชวนขนลุกสุดๆ ได้เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือสนั่นฮอลล์ ในส่วนของเพลง I แฟนๆ ก็ได้ชวนกันร้องเพลงไปพร้อมกัน เรียกรอยยิ้มมุมปากให้ไอดอลสาวได้อย่างดี ซึ่งได้ก็ได้ตอบแทนด้วยไฮโน้ตสุดปัง ก่อนจะปิดท้ายการแสดงด้วยเพลง Time Lapse เพลงที่บอกเล่าถึงความคิดถึงสุดหัวใจ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็ตาม กระชากอารมณ์แฟนๆ ไปตามเพลงได้อย่างดี ก่อนจะส่งจูบอำลาไป 

เข้าสู่ช่วงอังกอร์เต็มพิกัด จอ LED ขึ้นเป็นภาพโปสเตอร์งาน นับว่าเป็นอังกอร์ที่ไม่เหมือนที่อื่น ที่คอยตะโกนเรียกชื่อศิลปินแน่ๆ เพราะคอนนี้แฟนๆ ช่วยกันทำโปรเจกต์ที่ 2 ด้วยการร้องเพลง In to the New World พร้อมกันทั้งฮอลล์ เป็นช่วงน่าขนลุกมากๆ ((บอกเลยว่า จุดนี้ กก. น้ำตาแตก แงงง ก็ฉันแพ้เพลงนี้!!)) ในพาร์ทไฮโน้ตก็ปังเวอร์ ไฮโน้ตสุด โซวอนไทยเก่งอ่ะ ชอบมาก  

เมื่อจบเพลงแรงยังไม่หมด ยังพากันตะโกนเรียก “คิมแทยอน” กันสุดฤทธิ์ เรียกกันได้ไม่นาน ไฟก็ดับลง พร้อมไฟบงที่เปลี่ยนเป็นสีแดง และเพลง Spark ก็ดังขึ้น แทยอนในชุดเสื้อยืดสีดำและกางเกงปักเลื้อมสีดำ เป็นชาวร็อคที่สวยมากๆ แฟนๆ แรงยังเหลือ ช่วยกันร้องท่อน บูทียา กันสนั่นฮอลล์ 

เพลงสุดท้ายที่ท้ายสุดของคอนเสิร์ตก็บรรเลงขึ้น กับเพลง Ending Credits ทั้งฮอลล์ตั้งใจฟังและร้องเพลงนี้อย่างดี พร้อมส่งเสียงเชียร์เมื่อจอ LED ขึ้นภาพแววตาของแทยอนที่มองมายังแฟนๆ ในระหว่างที่ร้องเพลง มันเป็นความประทับใจ และความซาบซึ้งที่ถ่ายทอดออกมาทางสายตาได้อย่างเก็บไม่มิด 

แม้อยากให้แสดงนานกว่านี้ แต่การแสดงคอนเสิร์ตของแทยอนในวันนี้ ก็กินเวลาไป 2.30 ชั่วโมงเลยทีเดียว เป็นคอนเสิร์ตที่สนุกและซึ้งมากๆ แม้ว่าจะเป็นคนเสิร์ตเดี่ยวครั้งที่ 5 แล้ว แต่แฟนๆ ก็ยังเหนียวแน่น และหวังว่าจะได้ชมการแสดงคอนเสิร์ตเดี่ยวของแทยอนครั้งที่ 6 7 8 9 10 และอีกเรื่อยๆ ตลอดไป