“Something’s Missing” อะไรคือสิ่งที่ “หายไป” ของ Sweet Mullet

8 ก.ค. 2566 - 04:35

  • ‘ถ้าใครติดตามหรือเป็นแฟนคลับของวง Sweet Mullet น่าจะรู้กันดีหลังจากที่พวกเขาปล่อยเพลงใหม่และสกู๊ปวิดีโอออกมาว่า พวกเขาเคยยุบวงกันไปแล้ว ก่อนที่จะกลับมารวมตัวกันอีกรอบ

  • อะไรทำให้พวกเขาตัดสินใจทำแบบนั้น และอะไรที่ทำให้วันนี้ทั้ง 4 คนกลับมาเป็น Sweet Mullet เหมือนเดิม ติดตามกับบทสัมภาษณ์คอลัมน์นี้ได้เลยครับ

Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Thumbnail
“ที่วงคุยกันคือยุบแล้วครับ คือร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ตอนนั้นคือร้อยแล้วครับ แต่ปากที่วงไปบอกคนอื่นมันไม่ร้อย”  

คำถามแรกที่ผมถามในฐานะแฟนคลับตอนเจอหน้าพี่ๆ วง Sweet Mullet ก่อนเริ่มสัมภาษณ์ คือ ตอนที่ตัดสินใจยุบวง คือตัดสินใจแน่นอนแล้วใช่ไหม? 

ต้องบอกว่าตอนที่ฟังวิดีโอสกู๊ปให้สัมภาษณ์ใน YouTube ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะติดตามวงนี้มายาวนานตั้งแต่สมัยเล่นดนตรีใต้ดินด้วยซ้ำ จนได้มาฟังคำยืนยันจากวงว่านี่ไม่ใช่เรื่องอำกัน แต่พวกเขาเคยตัดสินใจแบบนั้นไปแล้วจริงๆ 

ถ้ามองหาวงดนตรีสไตล์เมทัลที่โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงบ้านเรา แล้วประสบความสำเร็จจนกลายเป็นที่รู้จัก หนึ่งในนั้นยังไงก็ต้องมีชื่อของ Sweet Mullet แน่นอน ซึ่งบรรดาวัยรุ่นตอนปลาย อายุเลข 2 ค่อนไปทางเลข 3 ต้นๆ ที่ฟังเพลงร็อคน่าจะได้ยินได้ฟังเพลงของพวกเขาผ่านหูมาบ้าง ในช่วงตั้งไข่ของวงที่กำลังเริ่มมีชื่อเสียง  

“หลอมละลาย” “เพลงของคนโง่” พลังแสงอาทิตย์” “ตอบ” พวกนี้คือชื่อเพลงที่โด่งดังมากๆ ของพวกเขา อะไรคือสิ่งที่ทำให้วันหนึ่ง พวกเขาตัดสินใจจะยุติเส้นทางดนตรีตลอด 21 ปี และอะไรทำให้พวกเขากลับมาอีกครั้ง บทความสัมภาษณ์ที่จะได้อ่านต่อไปนี้ คือเรื่องราวของ Sweet Mullet หนึ่งในวงเมทัลแถวหน้าของเมืองไทย 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6HV7RQeqpHqRrzbSgLsDoy/8249b5a8cec00d9611704f1659e5a607/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo01

ยุบวง 

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องทิศทางวงเลยครับ เป็นเรื่องของพวกเราเองครับ” 

ประโยคแรกที่วงบอกหลังเริ่มสัมภาษณ์ ไม่เกี่ยวกับทิศทางการทำงานเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างเกิดขึ้นจากสมาชิกในวงล้วนๆ จากนั้นพวกเขาก็อธิบายปัญหาที่สะสมมาของวงดนตรีที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานให้ผมฟัง 

“วงดนตรี การเป็นสมาชิก เป็นเพื่อนร่วมวง มันเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษมาก วงเราก่อตั้งมา 21 ปีแล้ว จากระยะเวลาเนี่ยแม่งนานกว่าแฟนคนหนึ่งอีกนะ เป็นทั้งเพื่อนในชีวิต เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน แล้วถ้าพูดตรงๆ เราไม่มืออาชีพพอที่จะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ ด้วยความที่มันเป็นวงดนตรี เราคิดว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะแยกได้ อย่างเวลาเราไปทัวร์ เราใช้ชีวิตกันบนรถตู้ ในโรงแรม บางทีอยู่กันเกิน 24 ชม. ช่วงที่ทัวร์เป็นรูทเยอะๆ คืออยู่ด้วยกัน 1-2 อาทิตย์” 

“สำหรับเรามันเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นแบบ Love-Hate Relationship เลย คือ รักมากเลยนะ แต่ก็เกลียดมากเลย ในบางจังหวะหรือบางอย่างที่เรารู้สึกว่ามันขัดใจ จะคิดว่าเกลียดว่ะ แต่ก็ยังรักนะ ยังต้องทำ มันกลายเป็นเหมือนคนเป็นไบโพลาร์นิดนึงอ่ะความสัมพันธ์แบบนี้” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/7di0yJrBTPouM7WbIWbluB/f2205785b98cd2deb3052acd02e25625/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo02
พอระบายความในใจได้ยังไม่ทันจบดี วง Cocktail แขกรับเชิญพิเศษที่ไม่ได้นัดไว้ อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามากลางวงสัมภาษณ์ ซึ่ง โอม Cocktail นักร้องนำของวงก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ Sweet Mullet กลับมารวมตัวกันในวันนี้ 

“เห้ยมึงเอาป่ะล่ะ เนี่ยนักร้องคนนี้ครับอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นที่คอนเสิร์ตด้วยครับ (พูดถึง โอม Cocktail) ไปเอาเก้าอี้มาเลยมา" 

ประโยคทักทายตามประสาวงดนตรีที่สนิทและเห็นกันมานานในวงการดนตรี ก่อนที่ทั้ง 2 วงจะลุกไปถ่ายรูปเฮฮากัน แล้วกลับมานั่งคุยกันต่อ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6wnsk9igD2oj1otfOkKnNr/5f15f0ba05b9e215ff732bbb81d486ea/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo03
“ผมรู้จากที่อื่นก่อนครับ รู้จากที่เขาถอดชื่อ Sweet Mullet ออกจากเทศกาลที่บุ๊คกิ้งไว้ เราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเราอยู่ฝ่ายบริหาร เขาก็บอกว่าวงจะพักแบบไม่มีกำหนด ซึ่งการพูดแบบนี้คือคนที่จะเลิก แต่ไม่บอกว่าเลิก แล้วสิ่งนี้ผมไม่เคยพูดกับพวกพี่เลยนะ แต่อะไรไม่รู้มันดลใจลึกๆ ว่า วงไม่ได้เลิก คือมันไม่ได้เป็นกลิ่นของวงจะเลิกจริงๆ อ่ะ มันคือกลิ่นของการมีปัญหาอะไรกันช่วงนี้หรือเปล่า คือถ้าหมดใจเล่นดนตรีอ่ะ แววตามันจะเป็นอีกแบบ”  

“แต่ที่ผมเห็นนี่ไม่ใช่คนอยากเลิกเล่นดนตรี แค่มันมีปัญหาอะไรบางอย่างอยู่ เราก็เลยคิดว่ามันยังไม่แน่นอนหรอก เพราะถ้าผมรู้สึกจริงๆ ว่าถ้าพวกเขาไม่อยากเล่นดนตรี วันที่ไปเจอกันผมจะไม่มานั่งพูดหรอก มันจะรำคาญใจกันเปล่าๆ อารมณ์แบบคนตัดสินใจมาเสร็จแล้ว จะให้ไปพูดแบบ อย่าเลิกเลยๆ มันก็จะทำให้เขารู้สึกผิดอีก ผมรู้สึกแบบนั้นนะ ก็แค่อยากบอกเขาว่า ถ้ายังอยากเล่นก็ไม่มีเหตุผลต้องเลิก” 

ในฐานะนักดนตรีที่ทำงานในสายอาชีพเดียวกันคงมองออกว่า ใครอยากเลิกจริงๆ ใครไม่อยากเลิกจริงๆ แต่แค่มันมีปัญหาอะไรสักอย่างที่ไม่ได้รับการเคลียร์ เพราะความสุขของนักดนตรีคือการได้เล่นกับวงที่ตัวเองรัก 

แล้วจากนั้น ฟิลิปส์ มือกลองของ Cocktail ก็พูดเสริมขึ้นมาว่า มันมีประโยคหนึ่งที่พี่หมูพูดกับผมวันนั้นที่ไปตีแทนผมว่า “กูเพิ่งเข้าใจว่าทุกวันนี้ที่กูตีกลองก็เพราะว่ายังอยากเป็น Sweet Mullet อยู่ ถ้าไม่มี Sweet Mullet เขาก็ไม่รู้ว่าความสุขของการตีกลองคืออะไร” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1iQZVp5XxJp1YSh7XpaZvF/4ef71484233d0428ce55e2ed18bb611f/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo04

ไม่กล้าบอกแฟนคลับ 

หนึ่งในเรื่องที่แฟนคลับของวงไม่เคยได้รับรู้เลย คือ การยุบวงที่ Sweet Mullet ไม่เคยออกมาป่าวประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อบอกแฟนคลับว่า พวกเขาหยุดแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีวง Sweet Mullet อีกแล้ว 

“มันคือความขี้ขลาด แค่นั้นเลย ไม่กล้าพอที่จะพูด เพราะถ้าพูดออกไปแล้วมันต้องจบจริงนะ กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ มันยาก หรืออยู่ดีๆ จะกลับมารียูเนียน สำหรับเรามันก็เหมือนเด็กเล่นขายของแล้ว ตอนนั้นจริงๆ มันแค่ขี้ขลาดเลย งั้นก็ปล่อยให้มันซึมๆ ซาๆ เงียบไปแล้วกัน” 

“ไม่ๆ ไม่เคยคิดเลย เพราะไม่มีรหัสเข้าเพจตัวเอง ไม่มีแอพเลยแหละ (หัวเราะ) เอาจริงๆ คือ แต่ละคนก็ไม่ได้อยากป่าวประกาศอยู่แล้ว ขนาดคนสนิทเราบางคนยังไม่รู้กันเลยว่าเราจะเลิก หรือพูดง่ายๆ ว่า จริงๆ เพลง Something’s Missing มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั่งสกู๊ปที่ออกไปมันก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดจะเล่าเหมือนกัน เพราะเนื้อหาเพลงที่จะสื่อสารออกไปไม่ใช่เรื่องนี้ แต่มันเป็นเรื่องของความรัก” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/79Ws2xlOhrXhjLtvW4WG2b/49e091cc7bf46f9d03453d8bc04a281a/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo05

ตอนที่หายไป แต่ละคนไปทำอะไรกันบ้าง มีเป้าหมายไหม? ด้วยความสงสัยผมเลยถามคำถามนี้ต่อ 

เต๋า: ก่อนแยกวงกันไป ตอนนั้นทุกคนมีสิ่งที่ทำกันอยู่แล้ว แต่ว่าช่วงโควิดก็ทำให้วงไม่มีงานเล่นด้วย แล้วผมก็เชื่อว่าวงที่อยู่กันมานานมันต้องมีแผลกันบ้าง แค่วงเราแผลมันเยอะและเพิ่งมาเห็นกันตอนโควิด พอนั่งอยู่เฉยๆ ปุ๊บ มันก็เริ่มเห็นแผลของตัวเอง แผลของวง และมันไม่ได้มีการคุย การแก้ที่ถูกวิธี พอมันสะสมก็กลายเป็นระเบิดลงเลย  

แป๊บ: จริงๆ ตอนที่ Paper Planes โทรมาชวนให้ไปเล่นปีที่แล้ว ก่อนหน้าช่วงที่วงจะกลับมา ผมก็บอกในกรุ๊ปวงเลย ซึ่งธรรมชาติของวงก็ส่งเสริมกันอยู่แล้ว ใครไปได้ดีก็ไม่มีเบรกไว้ แต่ถ้ามีงานวงก็จะต้องให้วงก่อนอันดับแรก แล้วก็มีงานสอน ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่างานสอนเป็นงานหลักของตัวเองอยู่แล้ว 

หมู: ตอนนั้นพอเจอโควิด กลายเป็นว่ามีอะไรให้ทำเยอะมากกว่าเดิมไปเลย เพราะก่อนหน้านี้ก็มีทำไม้กลองของตัวเอง ทำวง Sweet Mullet แต่พอมันไม่ได้ทัวร์ ไม่มีงาน ก็เลยคิดทำอย่างอื่นด้วย เพื่อนๆ ก็ชวนเปิดโรงเรียนสอนดนตรี และก็มีพี่โน่ (ดนัย ธงสินธุศักดิ์) ชวนทำค่ายเพลงด้วย มันก็เลยกลายเป็นว่าช่วงโควิด ชีวิตต้องเริ่มทำอะไรใหม่ๆ อย่างอื่น เริ่มมีเวลาน้อยลง กลายเป็นคนทำงานเยอะแบบไม่มีวันหยุดไปเลย พอทำงานเยอะ แล้วไม่ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตเลย มันก็ไม่ได้คิดถึงการตีกลองเลยนะ เพราะเราอยู่กับแต่ละสิ่งที่เราทำอยู่ตลอด บวกกับช่วงก่อนที่จะมีปัญหากัน วงก็ไม่ได้รับงานนานมาก จนวันหนึ่งมีงานที่พัทยา หลังโควิดรอบสอง วันนั้นเป็นวันที่ไปเล่น แล้วรู้สึกว่าเหมือนได้เจอตัวเองอีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกแบบว่าบนนี้มันคือที่ของกู เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนั้นเลย ก็แปลกดีที่ช่วงโควิดทำให้เรายุ่งที่สุด 

ตี่: ก่อนหน้านั้นผมก็ทำแบรนด์เสื้อผ้าขายออนไลน์คู่กับวงมาหลายปีอยู่แล้ว พอบทบาทของวงหายไป มันก็เหมือนขาเราหายไปหนึ่งข้าง รู้สึกเคว้งคว้างนะ ตอนเย็นกลายเป็นต้องไปวิ่ง เพื่อเยียวยาความว่างของเรา ให้มันมีเป้าหมายอะไรบ้างในช่วงที่มันแย่ๆ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5IYXxdHzzsgEkplZ30KZmF/e84d166c0834dc13d06ec3d074871f98/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo06

กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง 

อย่างที่ทุกคนรู้กันจากสกู๊ปวิดีโอว่า พวกเขากลับมารวมกันจากการที่วงไปคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มลายนิ้วมือของวง Big ass พวกเขาคุยกันไปคุยกันมาจนสุดท้ายก็ได้คำตอบว่า Sweet Mullet คือความสุขในชีวิตของสมาชิกทั้ง 4 คนของวง 

“อย่างวันที่เราตัดสินใจกันว่าจะยุบ มันก็เหมือนเคลียร์กันแล้วนะ แต่เราก็คิดว่ายังไงทุกคนมันมีบาดแผลในใจ พอเจอกันมันก็คุยกันยากนิดนึงนะ แต่พอหลังจากวันที่พี่เต๋าโทรมาและเขาคุยกันเรียบร้อยแล้ว หลังวันเปิดอัลบั้มพี่ๆ Big Ass ซึ่งผมไม่ได้ไปเป็นอินโทรเวิร์ตอยู่บ้าน พี่เต๋าก็ถามมาว่า “มึงพร้อมยัง?” ผมก็ตอบไปว่า “พร้อมอะไรครับพี่” (หัวเราะ) พอเขาพูดมาจบผมก็บอกว่าถ้าทุกคนโอเค ผมก็โอเคนะ พอคุยเสร็จก็ชัดเจนว่าเราจะกลับมาเล่น หลังจากนั้นไม่เกิน 15 นาที หมูก็โทรมา แล้วเป็นการโทรคุยที่ไม่มีอะไรเลย” 

“เป็นการโทรคุยที่ตลกมากนะ พี่แป๊บรับแล้วบอกว่า ว่าไง ผมก็ตอบไปว่า ว่างั้นแหละ แล้วผมกับพี่แป๊บก็เริ่มหัวเราะใส่กัน บอกว่าไว้เจอกัน แล้วก็วางสาย ซึ่งหัวเราะอะไรกันก็ไม่รู้” (หัวเราะ) 

“มันเหมือนเป็นการปลดปล่อยอะไรบางอย่างโดยอัตโนมัติอ่ะ ตอนมาเจอกันแล้วกอดกันก็อัตโนมัตินะ เพราะปกติเวลาเจอหน้ากันก็ไม่เคยกอดกันอยู่แล้ว ทุกอย่างมันอัตโนมัติไปหมด” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3fiNhiO4e7VMNiG0xvsOeX/f69de513df4ac18673332ef5d946b050/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo07

Something’s Missing การกลับมาอีกครั้งของ Sweet Mullet 

มาถึงพาร์ทของการกลับมารวมตัวทำงานกันอีกครั้ง ต้องบอกว่าครั้งแรกที่ผมได้ฟังเพลงนี้ ผมชอบเนื้อร้องมากๆ เพราะทุกคำที่สื่อสารออกมาเป็นความหมายที่แยบยล ภาษาสวยงาม จนผมต้องกดไปดูชื่อคนแต่ง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “ธิติวัฒน์ รองทอง” หรือ แม็ก The Darkest Romance ที่เป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์มือทองของวงการเพลงยุคปัจจุบัน

“คือเรื่องของเรื่องตอนที่เราตั้งใจกลับมารอบนี้ เราคุยกันให้เคลียร์ทุกคนเลยว่า ขอทำในสิ่งที่เราอยากทำนะ พูดง่ายๆ ว่าหลังจากนี้ถ้ามีอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ ขอไม่ทำแล้วกัน และมันมีสิ่งหนึ่งที่ก่อนหน้านนี้มันเป็นความรู้สึกอึดอัดของพี่เต๋ามาตลอด เพราะบางครั้งคนเขียนเนื้อถ้ามันตัน ไม่มีอะไรจะเขียน พี่เต๋าก็จะบ่นตลอดว่าอึดอัด ไม่แฮปปี้ ซึ่งตอนที่กลับมาพี่เต๋าก็เขียนมาหนึ่งเนื้อ วงก็รู้สึกว่าเนื้อหามันยังมีความซ้ำกับเพลงก่อนหน้านี้ ก็เลยบอกให้หาคนมาช่วยเขียน จะได้ไม่ต้องมานั่งเค้นแล้วอึดอัด เรากลับมาอยากให้ทุกคนมีความสุข ซึ่งพี่เต๋าก็ยินดีที่จะให้คนมาเขียน และเขาก็เล็ง แม็ก The Darkest Romance อยู่แล้ว” 

เนื้อเพลงแรกโอเคเลยไหม ผมถามต่อ 
“มีปรับครับ แต่โอเค ที่มีปรับเพราะตอนแรกมันเป็นเมโลดี้ที่พี่เต๋าคิด เขาก็เลยเขียนให้กลายเป็นพี่เต๋า ซึ่งเราต้องบอกว่าแม็กเก่งมาก ขนาดเขียนเพลงมาทุกคนในวงยังพูดว่าเหมือนพี่เต๋าเขียนเอง เลยทำให้เนื้อหามันยังซ้ำอยู่ เราอยากได้เนื้อเพลงที่มันแปลกใหม่ เลยคุยกันอีกรอบ และออกมาเป็นดราฟต์ที่สอง  ซึ่งเราไม่ได้บังคับเมโลดี้แล้ว เพราะบางทีมันมีคำที่เขาอยากใช้ แต่โดนเมโลดี้ของพี่เต๋าจำกัดไว้อยู่ จนสุดท้ายก็ออกมาเป็นเพลงที่เราได้ฟังตอนนี้” 

พอในส่วนพาร์ทของเพลงที่ได้คนเก่งๆ มาเขียนแล้ว ผมก็อยากรู้ความหมายของ Music Video ที่พูดเกี่ยวกับเรื่องของการปลุกวิญญาณ ซึ่งในเอ็มวีเหมือนเป็นการปลุกนักดนตรีที่ตายไปแล้วให้ฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง สรุปแล้วพวกเขาก็ได้ผู้กำกับเอ็มวีมือดีมากฝีมืออย่าง “จั๊ก” จิรัฏฐ์ สมภักดี มาทำเอ็มวีนี้ให้ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5dtCVeycEzumptqGLGWkw/7996798e68f257dfae064e6e072eebfd/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo08
“ต้นกำเนิดไอเดียนี้มาจากพี่เต๋า ที่อยากเล่าเรื่องความตาย ซึ่งตอนแรกเราคิดกันว่าทำเป็นงานกงเต๊กดีกว่า เหมือนเป็นงานศพพี่เต๋า แต่ไม่มีใครมา เพราะงานศพคืองานสำคัญ คนสำคัญของชีวิตเราต้องมา พอนั่งคุยกันแล้วมาเห็น “จั๊ก” จิรัฏฐ์ สมภักดี ที่เขาเคยกำกับเอ็มวีของวง Barbies และ The Darkest Romance แล้วพวกเราชอบ บวกกับค่ายรู้จักด้วย ก็เลยเสนอไป แล้วก็ได้มาคุยกัน” 

“ตอนประชุมออนไลน์รอบแรกเราเสนอเรื่องกงเต๊กไปก่อน พอประชุมครั้งที่สอง เขากลับมาแล้วบอกว่าไปตีความมาอีกอย่างหนึ่งว่า Something’s Missing ที่หายไปจริงๆ มันไม่ใช่อะไรเลย มันคือวงพี่แหละ ที่หายไปจากแฟนๆ ผมอยากทำเอ็มวีที่คืนชีพพวกพี่กลับมา ซึ่งมันก็ยังเกี่ยวกับความต้องการของเรานะ เพราะเราอยากพูดเรื่องความตาย แล้วเขาเอาเรื่องเกี่ยวกับพิธีกรรมปลุกวิญญาณมาใช้ และมันเข้ามาก จากที่เราตายนอนตายอยู่ แล้วฟื้นมาเล่นดนตรี” 
 
อีกอย่างที่เราเห็น Sweet Mullet ชอบทำบ่อยๆ เวลาไปเล่นตามเทศกาลดนตรี คือ การแต่งตัวแปลกๆ มันๆ กวนบาทา ที่ไม่รู้ว่าปั่นหรือเปล่า แต่มันก็กลายเป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ของวงไปแล้ว ผมเลยถามต่อถึงช็อตที่ แป๊บ มือกีตาร์ หยิบขาของ ตี่ มือเบสมาโซโล่แบบเมามันว่าพวกเขาตั้งใจให้มันออกมาเป็นแบบนั้นใช่ไหม แล้วรู้สึกยังไง 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2nxjRpEy8gAOaTKLt5qVWO/5db4216ba1cc9a9199d9faa13e5744f6/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo09
“เขินเหี้ยๆ อายสัสๆ แต่จริงๆ วงเราไม่ชอบซีนที่ต้องมาแสดง แต่พอมีแสดงก็รู้สึกว่าวงเราสนุกทุกครั้งนะที่ได้ทำกัน ผมก็มองว่าพวกเราก็มืออาชีพประมาณหนึ่งนะกับเรื่องพวกนี้ ถึงขั้นต้องทำกูก็ทำวะ อย่างแรกตอนประชุมก็ถามจั๊กนะว่า ตรงนั้นมันต้องออกมาเป็นยังไง ต้องขำหรือจริงจัง เพราะธรรมชาติพวกเราแค่อยากได้ความกวนตีน”  

“เพราะการทำให้ขำเนี่ย วงเราไม่ใช่วงตลกอ่ะ วงเรามันกวนส้นตีนหรือชอบปั่น แบบเวลาแต่งตัวขึ้นเทศกาลอะไรแบบนี้ อย่างช็อตที่พี่เต๋าลุกขึ้นมาอ้วกเหมือนหนังเกรดบี มันก็ปั่นจัดแล้วนะ แบบคนผีเข้า คือทุกคนจริงจัง แต่เนื้อเรื่องมันปั่น ซึ่งพวกเราก็เชื่อใจจั๊กว่าเขาคิดมาแล้ว ก็เลยลองดูละกัน พอภาพออกมาคนก็ขำแหละ ส่วนเราถึงจะเขินตัวเอง แต่มันก็รู้สึกดีนะ แบบนี้คือถูกต้องแล้วสำหรับเอ็มวีนี้ ผมเล่นกีตาร์มา 20 ปี คนไปจำโซโล่ขาแล้วอ่ะ ยังไม่รู้เลยว่าผมใช้กีตาร์ยี่ห้ออะไร (หัวเราะ)” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3GVTIGuHXcgDo8sjxuh68t/4dfdd8c5ece2aa149f67a90b83f26716/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo10

จากที่เคยให้กำลังใจ กลายมาเป็นได้รับกำลังใจแทน 

“มันเติมเต็มตัวเองนะ เพราะพูดตรงๆ ว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยหันไปมองว่าฟีดแบ็คมันจะเป็นยังไง เพราะขั้นตอนที่เราทำคือทำเพลงที่เราชอบ มันจบตั้งแต่ตรงนั้นละ ตอนนี้ในหัวมีแค่ว่าเพลงต่อไปจะทำอะไรดี ที่อยากเล่าให้ฟังคือ วันที่สกู๊ปออก แล้วมานั่งตั้งใจดู พอดูจบพิมพ์ไปในกรุ๊ปวงว่า โหเหี้ย! แม่งซึ่งว่ะ ร้องไห้เลย (หัวเราะ) เขินเหมือนกัน ก็ตลกดีที่เราดูสกู๊ปตัวเองแล้วรู้สึกอินเอง แค่นี้ก็เติมเต็มตัวเองแล้ว คือไม่ต้องคิดไรมากว่ากระแสมันเป็นยังไง เพราะเราดูเองเรายังอินเลย” 

หมู มือกลองเล่าให้ฟังก่อนถึงความอินของตัวเขาเองที่มีกับเพลงๆ นี้ หลังจากที่ทุกอย่างปล่อยออกไป ซึ่งเขาก็เชื่อว่าแฟนเพลงก็จะรู้สึกแบบเดียวกันกับเขา ผมเลยถามความรู้สึกของคนอื่นๆ ต่อบ้าง 

แป๊บ: ถ้าเริ่มจากสกู๊ป ผมก็ร้องไห้เหมือนกัน (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นนั่งรถตู้ไปทัวร์กับ Paper Planes ฮายนั่งอยู่ข้างๆ ผมน้ำตาไหลแล้วหลบเลย (หัวเราะ) โชคดีที่มันหลับ คือมันก็ทำให้เราย้อนกลับไปในวันที่รู้สึกไม่ดี รู้สึกผิด รู้สึกอะไรทุกอย่างเลย พอมันจบด้วยความอิ่มเอมใจ แล้วเดโม่แรกเพลงนี้มัน 6 ปีมาแล้ว ซึ่งพวกเราชอบอยู่แล้ว และคิดว่าวันหนึ่งมันต้องได้ใช้แน่ๆ พอมันออกมาในลำโพงที่ห้องอัด มันแปลว่ามันเข้าสู่ขั้นตอนการทำงานที่เพลงนี้จะได้ปล่อยออกมาแล้วก็ภูมิใจชิบหายอ่ะ มันทำให้รู้สึกว่าเราลึกซึ้งกับเพลงนี้มาก ก็เลยอินบวกกับคอนเทนต์ทุกอย่างของเพลงนี้มันเป๊ะไปหมด 
และมันมีวันหนึ่งที่ไปดูคอนเสิร์ต มีเด็กมากราบเท้าผมกลางคอนเสิร์ตอ่ะ แล้วจับมือร้องไห้ใส่ผม ผมบอกไปว่าพี่จับได้มือเดียวนะ อีกมือถือกระป๋องเบียร์อยู่ (หัวเราะ) ก็รู้สึกว่า เห้ย เรามีอิทธิพลกับชีวิตคนๆ นึงได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ก็เรียกว่าเป็นสัญญาณที่ดีของวงและตัวเรากับการใช้ชีวิตไปข้างหน้าด้วย 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/Kbzrf53dBB4kPG2b6OiGk/b77e69d12a228693acbe9265ed096125/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo11
ตี่: ถ้าต่อจากเรื่องนี้ เวลาเราไปเจอแฟนคลับข้างนอกทั้งงานที่ไปเล่นและไม่ได้เล่น ตลอดเวลาที่ทำวงมา เรามีอีกบทบาทนึงคือ อย่างแฟนคลับมีปัญหา เราก็จะให้กำลังใจคนอื่นตลอดเวลา แต่พอคอนเทนต์นี้ออกมากลายเป็นเราได้กำลังใจจากแฟนๆ แทน มันทำให้เรารู้สึกดีในอีกมุมนึง แบบในวันที่เราแย่จริงๆ ก็ยังมีคนคอยให้กำลังใจเราอยู่ 

เต๋า: ของผมคล้ายๆ พี่แป๊บเลย วันนั้นไปคอนเสิร์ตวง Coldrain เป็นช่วงที่เพลงและสกู๊ปปล่อยไปแล้ว ขึ้นไปถึงชั้นคอนเสิร์ต จะมีน้องๆ เดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า “ขอบคุณที่กลับมานะ” ตลอดเวลาที่จะเดินไปเข้าคอนเสิร์ต แต่มีน้องผู้หญิงอยู่คนนึง เข้ามาพูดเหมือนกันเลย แต่น้องจับมือผมและร้องไห้ออกมาเลย ผมรู้สึกเหมือนพี่แป๊บเลยว่า เรามีอิทธิพลกับชีวิตของใครหลายๆ คนมากเลยนะ ปกติเราให้กำลังใจคนอื่น แต่วันนี้คนอื่นรักเรา มาให้กำลังใจเรา ต้องขอบคุณทุกคนมากเลยจริงๆ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/41mt0ltmQfY23dnbF0UbwZ/20402244b68b1303823014f312970086/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo12

ความสุขของการเล่นดนตรี และ อนาคตของ Sweet Mullet 

“กูเกือบเป็นลม (หัวเราะ)” 

ประโยคแรกที่ แป๊บ มือกีตาร์ของวงบอก หลังจากที่ผมถามไปว่าการเล่นสดเพลงใหม่ Something’s Missing เป็นยังไงบ้าง แต่เบื้องหลังคำตอบนี้ มันกลายเป็นความสุขของสมาชิกทุกคนในวงที่ได้กลับมาเล่นดนตรีสดๆ ให้คนดูฟังกันอีกครั้ง 

“มันซ้อมไปครั้งเดียวอ่ะ แล้วออกไปเล่นเลย โอ้โห ไอเหี้ย เละเป็นขี้ (หัวเราะ) ก็ตื่นเต้น เหมือนวงใหม่ ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นนานแล้วเหมือนกัน” 

“ผมว่าความตื่นเต้นนั้นอ่ะสำคัญมากนะ มันสำคัญมากกับการเล่นดนตรี” 

“อารมณ์นั้นอ่ะ พอเล่นออกมาไม่ดีเราไม่เฟลนะ พอลงมาแล้วรู้ตัวว่าวงเราเล่นโคตรเหี้ยเลยวันนี้ (หัวเราะ) แต่ทุกคนแม่งมีความสุขอ่ะ ตอนนี้ทุกคนคิดแบบนี้หมด แต่ไม่รู้ว่าคนที่ดูเราอยู่จะคิดไหมนะว่า เล่นเหี้ยอะไรกันเนี่ย หรือเปล่า (หัวเราะ)” 

แฟนคลับว่าไงบ้างหลังเล่นจบ ผมถามต่อ 

“ไม่อยู่ให้ถามเลย กลับเลย (หัวเราะ)” 

“มีๆ เขาก็มีมาถามกัน ท่อนที่ร้องตะโกนกัน เขาก็ร้องกันดังมากๆ ดีใจครับ” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5m2yCr1P1WsxUGMOREyxQc/951287706191acc4f0b45524601395c3/Something-Missing-Sweet-Mullet-Interview-SPACEBAR-Photo13
พอถึงช่วงท้ายการพูดคุย ที่เป็นหนึ่งในการคุยกับศิลปินที่สนุกมากๆ ครั้งหนึ่ง ผมก็เลยอยากรู้ว่าหลังจากนี้แฟนเพลงจะได้เห็นอะไรจาก Sweet Mullet ต่อบ้าง วงจะเดินหน้าไปทางไหน และแฟนๆ คาดหวังอะไรจากการกลับมาครั้งนี้ได้บ้าง 

“พวกเราก็กลับมาด้วยความรู้สึกที่ว่าผ่านสงครามใหญ่ของความเป็นวงมาแล้วรอบนึง พอกลับมากันก็แข็งแกร่งขึ้น ด้วยจิตใจที่แข็งแรงขึ้น ความคิดที่มีมากขึ้น และเชื่อว่าเราก็ทำงานกันต่อเลย ก็จะมีเพลงใหม่ออกมาเรื่อยๆ สำหรับเพลง Something’s Missing เป็นเพลงที่พวกเรารู้สึกดีมากๆ กับการทำเพลงนี้ในทุกขั้นตอนเลย แล้วก็อยากให้ทุกคนได้ลองฟัง ตอนนี้เราจะรู้อยู่ว่าอัลกอริทึมในโซเชียลมีเดียมันแปลกๆ ถ้าเกิดแฟนเพลงเราฟังแล้วชอบก็ฝากแนะนำให้คนอื่นฟังด้วย บอกต่อหน่อยว่า Sweet Mullet ปล่อยเพลงใหม่แล้วนะ” 

“ก็ยังทำเพลงใหม่อยู่ ทุกเพลงที่ทำอยู่ตอนนี้ก็หมายมั่นปั้นมือจะให้มันออกมาเป็นอัลบั้มที่ 3 นะ เรารู้สึกว่าที่กลับมาคืออยากทำเพลงไปเรื่อยๆ ให้นานที่สุด เยอะที่สุด เท่าที่เราจะมีแรงทำไหว มีความสุขกับตรงนี้ให้มันนานที่สุด” 

“เก็บเงินตั้งแต่วันนี้อ่ะครับ วันละบาทสองบาทก็ได้ ผมว่าได้ Boxset อ่ะ (หัวเราะ)” 
พวกเขาตอบโดยที่ผมมองเห็นเลยว่าทุกอย่างมันคือความตั้งใจมากๆ ในการกลับมาครั้งนี้ของวง เพราะมันเต็มไปด้วยความสุขของทุกคนที่ได้กลับมาเล่นดนตรีด้วยกันอีกครั้งในนาม Sweet Mullet วงดนตรีที่มีความหมายมากๆ กับชีวิตของพวกเขาทั้ง 4 คน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์