‘สิ้นสุดการรอคอยที่แสนยาวนานเสียที’ คำนี้น่าจะเป็นคำที่สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคอนเสิร์ต Arctic Monkeys Live In Bangkok 2023 ที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ได้เป็นอย่างดี และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาใดๆ เพื่อให้อารมณ์และบรรยากาศของงานเมื่อวานยังคุกกรุ่นอยู่กับทุกคนที่ไปงาน เราจึงอยากจะขอทำการเริ่มรีวิวคอนเสิร์ต Arctic Monkeys Live In Bangkok 2023 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปครับ
คน คน และก็คน
เริ่มต้นเมื่อเข้าไปถึงบริเวณที่จัดงานอย่าง ไบเทค บางนา ผมเดินทางไปถึงสถานที่จัดงานครั้งนี้ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ทำให้ได้เห็นภาพบรรยากาศมากมายข้างหน้าบริเวณพื้นที่จัดงาน (งานจัดในบริเวณ ฮอลล์ 101-102) สิ่งแรกที่เห็นเลยก็คือ ผู้คนที่รอคิวอยู่เป็นจำนวนมาก ชนิดที่มองไปก็เห็นแต่คน คน และก็คน ซึ่งในระหว่างที่รอก็ได้ยินเสียงของการซาวด์เช็กไปด้วย ทำให้รู้ว่างานนี้อาจจะมีเรื่องของการเลทเวลาแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะกว่าที่คนจะได้เริ่มเข้างานเวลาก็ไปถึงเกือบ 19.30 น. เลยทีเดียว
คอนเสิร์ตเลท มันเกิดอะไรขึ้น?
เวลา 19.45 น. หลายๆ คนเริ่มทยอยกันเข้าฮอลล์มากขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่กวาดสายตาไปเห็นคือ โซน C และ D เต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนรอกันมากมาย แต่ตัดภาพกลับมาโซน A และ B ยังคงหลวมๆ มีพื้นที่ให้พอได้ยืนหายใจ ยืนเว้นระยะกันได้ แต่แล้วเวลาก็นำพาเราไปเรื่อยๆ จากหน้าโปสเตอร์ที่บอกว่า จะเริ่มทำการแสดง 20.00 น. ก็ล่วงเลยมาเกือบถึง 20.57 น. ไฟในฮอลล์ถึงดับลง ซึ่งจากที่มองด้วยสายตาไปว่าเกิดอะไรขึ้น สาเหตุหลักอาจจะมาทางกีต้าร์ตัวขวาสุดของ เจมี่ คุก ที่มีปัญหาทำให้ต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ๆ แก้ไขอยู่นานพอสมควร ตรงนี้จึงเป็นจุดที่ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ทำการแสดงเลทนั่นเอง ซึ่งขออนุญาตหักคะแนนความช้าตรงนี้เพราะบทไปที่ยืนรอจริงๆ แล้ว มันทำให้ปวดขาและพลังงานที่เตรียมมาเริ่มหมดจริงๆ นะ
20.57 น. การรอคอยสิ้นสุดลงได้เวลาพบกับ Arctic Monkeys
หลังจากที่ปล่อยให้แฟนเพลงยืนรอกันอยู่พักใหญ่ๆ ทั้ง 4 หนุ่ม Arctic Monkeys ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับจัดการบรรเลงเพลง Sculptures Of Anything Goes ทันที และต้องบอกตรงๆ เลยว่า เฮ้ยเพลงในอัลบั้มใหม่ของพวกเขาเมื่อมาอยู่ในคอนเสิร์ตกลับทำหน้าที่ได้ดีมากๆ กลายเป็นน่าฟังและน่าสนใจเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมไปเลย รู้สึกเซอร์ไพร์สมากๆ ครับ จากนั้นวงก็ไม่รอช้ากระหน่ำเพลงฮิตที่แฟนเพลงหลายคนรอคอยอย่าง Brianstorm, Snap Out Of It, Crying Lightning มาทำให้ทุกคนรอกันตั้งแต่อินโทรดนตรียันเนื้อเพลงทุกท่อนชนิดที่คนดูก็แทบหยุดหายใจกับเซ็ตลิสต์สุดเดือดนี้ของพวกเขา
เพลงฮิตมีเท่าไหร่ ขนมาให้เต็ม จัดมาให้หมด
อย่างที่บอกว่า การมาทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้เหมือนเป็นการเสิร์ฟของขวัญที่แฟนเพลงทวีปเอเชียรอคอยอยู่นาน วงจึงจัดเพลงฮิตที่มีทั้งหมดมาให้ไม่อั้น แจกความมันส์แบบไม่ยั้ง ทั้ง Don't Sit Down 'Cause I've Moved Your Chair, I Ain't Quite Where I Think I Am, Why'd You Only Call Me When You're High? ได้ฟังเกือบหมด ที่สำคัญวงยังเอาเพลง Four Out Of Five มาเรียบเรียงแบบใหม่ให้เข้ากับเซ็ตลิสต์ทัวร์ครั้งนี้ของพวกเขาอีกด้วย แม้ส่วนตัวผมยังยืนยันว่า ชอบเวอร์ชันปกติของพวกเขาอยู่ดี แต่เพื่อให้เข้ากับเซ็ตลิสต์เข้าใจได้ ก่อนที่ อเล็กซ์ นักร้องนำจะหยุดพักเพื่อเซ็ตผมแปปนึงและต่อด้วยเพลง Arabella อีกหนึ่งเพลงฮิตจากอัลบั้ม AM และตามมาด้วยเพลงที่ทุกคนรอฟังอย่าง From The Ritz to the Rubble และ Cornerstone เพลงที่งานนี้แฟนคลับมีโปรเจกต์พิเศษเปิดแฟลชกันให้เกิดภาพที่งดงามและสวยงามอีกด้วย
ช่วงสุดท้ายกับจัดหนักไม่พัก ลุยต่อไม่มีสะดุด
งานนี้ต้องบอกตรงๆ เลยว่า Arctic Monkeys ทำให้พวกเราสุขใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกเพลงที่พวกเขาเล่นแทบไม่มีหลุด ไม่มีสะดุดใดๆ เลย อีกทั้งยังรู้สึกว่า เสียงของอเล็กซ์และกลอง แมต เฮลเดอร์ส ดูโดดเด่นเอามากๆ แทบไม่รู้เลยว่าจะหาข้อติโชว์นี้ยังไงดี เพราะมันเนี๊ยบและหรูหรามากทีเดียว และเพลงที่ทุกคนรอจะร้อง จะฟังก็มาถึงกับ Do I Wanna Know? ก็มาถึง จากที่ฟังปกติมาว่า เท่แล้ว พอมาดูสดจริงๆ เพลงนี้กลับเท่แบบเกินคำบรรยายขึ้นไปอีก จากนั้นวงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกเช่นเคยจัดการบรรเลง Do Me a Favour, Tranquility Base Hotel + Casino, Teddy Picker, Pretty Visitors, I Bet You Look Good on the Dancefloor มาให้เราฟังกันจนมารู้ตัวอีกทีก็เดินทางมาถึงช่วงท้ายคอนเสิร์ตแล้ว และเพลงสุดท้ายที่พวกเขาเล่นก่อนที่จะ Encore ก็คือ Body Paint เพลงที่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า จะดุเดือดได้ขนาดนี้ ชอบการโซโล่กีต้าร์ของอเล็กซ์มากๆ และยิ่งทำให้รู้ว่า เออพี่ พี่เท่ทุกองศาทุกมุมมองจริงๆ นะ
หลังจากที่ Body Paint จบลงสมาชิกทั้ง 4 คนก็เดินลงเวทีไปเพื่อเตรียม Encore ที่สำคัญแฟนเพลงชาวไทยดันรู้ว่าจะมี Encore เลยทำให้ช่วงเวลาแห่งการโหยหาเพลงต่อไปของ Arctic Monkeys ไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าที่ควรเพราะทุกคนเงียบกันหมดเลย จากนั้นไม่เกิน 5 นาทีพวกเขาก็เดินขึ้นเวทีมาอีกครั้งก่อนระเบิดฟลอร์ครั้งสุดท้ายด้วยเพลง There'd Better Be a Mirrorball (อย่างที่บอกไปเพลงในอัลบั้มใหม่เมื่อเอามาเล่นสดมันดีมากๆ จริงนะ) ตามด้วย 505 ที่ทำการเรียบเรียงใหม่มาชนิดที่แฟนเพลงยืนงงแต่โอเครับได้ เพราะว่า ถ้าไม่ทำใหม่พี่ๆ เขาคงเบื่อขึ้นสักวันแหละ ก่อนที่จะจบเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตนี้ด้วย R U Mine? ก่อนที่ทั้ง 4 คนจะขอบคุณทุกคนและเดินลงเวทีทิ้งไว้แต่ภาพบรรยากาศประทับใจที่เกิดขึ้นในงานนี้
บทสรุป เพราะ Arctic Monkeys ทำให้พวกเรามีความสุข (จริงๆ นะ)
แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปหลายปี แต่สิ่งที่ Arctic Monkeys ทำให้สายตาของพวกเรามีความสดใหม่เสมอ ทั้งการเล่นที่ดุเดือดและการควบคุมโชว์ที่ยอดเยี่ยมทำให้คอนเสิร์ตแรกของพวกเขาในประเทศไทย เต็มไปด้วยความสุขและความงดงามเต็มอารมณ์ ถึงแม้จะมีติดขัดไปบ้างในการจัดการต่างๆ แต่เมื่อวงขึ้นแล้วพวกเขาทำให้เรามีความสุขมากจริงๆ และเราก็ไม่รู้อีกนานแค่ไหนเหมือนกันที่พวกเขาจะได้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตพวกคุณจะกลับมาที่ประเทศไทยอีกนะ
‘Arctic Monkeys’
