เป็นเวลากว่า 22 ปี แล้วที่เราอยู่กับแฟรนไชส์ FAST & FURIOUS หนังรถซิ่งสุดมันส์ ที่สร้างมากี่ภาคก็เพิ่มดีกรีความยิ่งใหญ่และความเวอร์วัง(เข้าขั้นขี้โม้) จากเรื่องราวของหนังรถซิ่งสู่เรื่องราวจารชนพิทักษ์โลก แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าเรายังสนุกกับเรื่องราวของแฟรนไชส์นี้ได้เกือบจะทุกภาคแม้จะออกทะเลไปไกลจนถึงอวกาศมาในภาคที่แล้วก็ตาม และเรื่องราวทั้งหมดกำลังเดินทางเข้าสู่บทสรุปกับภาคต้นของบทส่งท้ายอย่าง Fast X ที่มีประกาศออกมาแล้วว่าจะมีอีก 2 ภาคก่อนจะปิดฉากเรื่องราวของ Fast Family
SPACE REVIEW จึงขอจัดรีวิวร้อนๆ หลังมีโอกาสได้ร่วมชมในรอบ THAILAND GALA PREMIERE ที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้
SPACE REVIEW จึงขอจัดรีวิวร้อนๆ หลังมีโอกาสได้ร่วมชมในรอบ THAILAND GALA PREMIERE ที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้
เรื่องราวของภาคนี้จะเป็นบทนำการล่าไล่ล้างแค้นจากศัตรูคู่อาฆาตที่มีความแค้นกับ ดอม ทอเร็ตโต้ (วิน ดีเซล) และครอบครัวของอย่าง ดันเต้ เรเยส (เจสัน โมมัว) ลูกชายคนเดียวของ เฮร์แนน เรเยส(โจควิม เดอ อัลมีด) เจ้าพ่อแห่งเมืองริโอ ศัตรูเก่าที่เคยถูกดอมและพวกปล้นตู้เซฟเงินและตายในภาคที่ 5 แต่ดอมไม่รู้ว่าในการไล่ล่าครั้งนั้น ดันเต้ ได้รับรู้ทุกอย่างแต่เขารอเวลาเพื่อกลับมาล่าล้างแค้นครอบครัวของดอม และคนที่ค่อยช่วยเหลือเขา สงครามบัญชีแค้นครั้งสุดท้ายจึงเริ่มต้นขึ้น
ความรู้สึกหลังชม Fast X
ก็คงพูดได้เลยว่าหนังตระกูลนี้ ยังไงก็อัดแน่นความสนุกและความมันส์เพื่อแฟนๆ ครอบครัวฟาสไม่เคยลดมาตราฐานลงไปแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาในภาคนี้คือการดำเนินเรื่องที่พยายามปรับให้กลับไปสู่รากฐานเดิมจากภาคที่ 5 หลังจากภาคที่ 9 พาคนดูไปสู่อวกาศได้แล้วคงไม่มีอะไรที่แฟรนไชส์นี้จะทำไม่ได้อีกแล้ว ในภาคนี้เมื่อเป็นบทนำไปสู่บทสรุปของภาคจบจึง ไม่ได้เน้นไปที่ความเล่นใหญ่เล่นโตเท่าไร แต่อัดแน่นฉากแอ็กชันแบบ Non-Stop และอาจจะเป็นฉากที่ใส่แอ็กชันเยอะที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะตลอดเวลา 140 นาทีแถบไม่มีจังหวะพักยาวๆ แม้แต่นิดเดียว จัดฉากไล่ล่ากันต่อเนื่องแบบจุใจ แต่ฉากเด็ดๆ ต้องยกให้ภารกิจกู้ระบิดในกรุงโรม เรียกว่าความวินาสสันตะโรมาเต็มทุกจุด รวมถึงฉากช่วงท้ายเรื่องที่ดอมต้องไปช่วยลูกชายอย่าง ไบรอันจูเนียร์ ที่ใช้รถลากเฮลิคอปเตอร์ แน่นอนเรื่องความโม้แบบเวอร์วังไว้ใจฟาสได้เลยและอาจจะเรียกว่าเป็นภาคที่สร้างตัวร้ายมีสีสันที่สุดในบรรดาหนังตระกูลฟาส ที่เคยสร้างมาเลยก็ว่าได้กับ ดันเต้ ตัวร้ายหลักของบทสรุปทั้ง 3 ภาคสุดท้ายที่ได้ เจสัน โมมัว จากฮีโร่ดีซีอย่าง อควาแมน มารับบทนี้ ใครดูก็คงเทียบได้กับวายร้ายของจักรวาลดีซีอย่าง โจ๊กเกอร์ ที่มีความโรคจิตและกวนบาทาตลอดเวลา แถมฉลาดเป็นกรดเพราะสั่งสมความแค้นและศึกษาครอบครัวดอมมาอย่างดีจึงเป็นศัตรูที่เข้าขั้นน่ากลัวเลยสำหรับตัวละคร ดันเต้
ภาคนี้จะมีตัวละครเยอะมากๆ เพราะการถูกตัวร้ายเล่นงานจนต้องหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง จึงแบ่งบทให้มีความหลากหลายมากขึ้นในด้านความคอมเมดี้ ต้องยกให้กลุ่มของ โรมัน,เทจ,ฮานและแรมซีย์ที่ออกมาขายขำกันตลอดทั้งเรื่องเป็นทีมที่ค่อยผ่อนคลายความแน่นของแอ็กชันในภาคนี้ให้มีความตลกแทรกไม่ให้หนักงานบู๊จนเกินไป
แต่บทที่น่าจะพลิกมากที่สุดและถือว่าค่อนข้างขโมยซีนคงหนีไม่พ้น จอห์น ซีน่า ที่รับบท เจคอบ เทเร็ตโต้ ตัวร้ายจากภาคที่แล้วที่ภาคนี้กลับมาคืนดีกับดอม พี่ชาย จนรับภารกิจมาช่วยดูแลหลาน จากตัวร้ายหน้าโหดสู่โหมดคุณอาสปอยล์หลาน ที่ค่อนข้างพลิกคาแรคเตอร์ไปพอสมควร แต่บอกเลยว่านี้คือตัวไฮไลต์ของภาคนี้ที่คนดูคาดไม่ถึง
ส่วนตัวรู้สึกว่าภาคนี้จะให้อารมณ์แบบเดียวกับที่เราเคยดู Avenger: Infinity War เพราะเป็นภาคที่มีทั้งซีนเซอร์ไพรส์ให้ว้าวกันแบบมาได้ถูกจังหวะ และเกือบจะถูกจริตแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ว่ามีเรื่องให้ติกับช่องโหว่เยอะสุดๆ แม้จะพยายามทำใจว่าตระกูลฟาส อย่าใช้สมองในการดูก็ตาม
สำหรับข้อเสียในภาคนี้หลักๆ เลยมีสองจุดใหญ่คือการใส่บทแอ็กชันซีนแบบไร้เหตุผล คือไร้เหตุผลจริงๆ นะแบบที่ว่าพูดไม่กี่คำ ก็งัดกันแล้วจังหวะแบบนี้เยอะมากๆ เยอะจนแบบรู้สึกว่าพักสักนิดไหมให้มีจังหวะผ่อนบ้างไม่ต้องเน้นงานบู๊ขนาดนี้ก็ได้ แม้จะสนุกแต่ไร้แก่นสารจนเราคนดูก็อดจะบ่นในจุดนี้ไม่ได้จริงๆ
อีกส่วนคือความต่อเนื่องของซีนและการสร้างอารมณ์ร่วม ต้องบอกเลยว่านี่คือภาคที่ตัดต่อซีนได้เข้าขั้น “แย่ที่สุด” เพราะไม่มีความต่อเนื่องเลยแม้แต่นิดเดียว ตัดซีนสลับแบบน่าหงุดหงิดมากๆ เพราะด้วยความจะมีอีกสองภาคเหมือนจะพยายามกั๊กบางส่วนไว้สำหรับภาคที่เหลือจนกลายเป็นพยายามยัดเยียด
เรียกว่าเป็นข้อเสียหลักในภาคนี้เลย จนกลัวใจว่าสองภาคที่เหลือถ้ายังเป็นแบบนี้คงน่าเสียดายกับบทสรุปที่ควรจะดีกว่านี้สำหรับแฟรนไชส์ที่อยู่มายาวนานถึง 22 ปี
สำหรับข้อเสียในภาคนี้หลักๆ เลยมีสองจุดใหญ่คือการใส่บทแอ็กชันซีนแบบไร้เหตุผล คือไร้เหตุผลจริงๆ นะแบบที่ว่าพูดไม่กี่คำ ก็งัดกันแล้วจังหวะแบบนี้เยอะมากๆ เยอะจนแบบรู้สึกว่าพักสักนิดไหมให้มีจังหวะผ่อนบ้างไม่ต้องเน้นงานบู๊ขนาดนี้ก็ได้ แม้จะสนุกแต่ไร้แก่นสารจนเราคนดูก็อดจะบ่นในจุดนี้ไม่ได้จริงๆ
อีกส่วนคือความต่อเนื่องของซีนและการสร้างอารมณ์ร่วม ต้องบอกเลยว่านี่คือภาคที่ตัดต่อซีนได้เข้าขั้น “แย่ที่สุด” เพราะไม่มีความต่อเนื่องเลยแม้แต่นิดเดียว ตัดซีนสลับแบบน่าหงุดหงิดมากๆ เพราะด้วยความจะมีอีกสองภาคเหมือนจะพยายามกั๊กบางส่วนไว้สำหรับภาคที่เหลือจนกลายเป็นพยายามยัดเยียด
เรียกว่าเป็นข้อเสียหลักในภาคนี้เลย จนกลัวใจว่าสองภาคที่เหลือถ้ายังเป็นแบบนี้คงน่าเสียดายกับบทสรุปที่ควรจะดีกว่านี้สำหรับแฟรนไชส์ที่อยู่มายาวนานถึง 22 ปี
ภาพรวมในด้านความสนุก Fast X ยังทำออกมาได้ดีเช่นเคยแถมสร้างตัวร้ายที่โดดเด่นสำหรับหนังตระกูลนี้ขึ้นมาได้อีกหนึ่งตัว และเป็นปฐมบทของการส่งท้ายเรื่องราวที่ยังไงคนดูก็ต้องรอคอยภาคต่อแน่นอน เพราะพี่เล่นจนแบบให้คนดูอารมณ์ค้างแบบนี้แถมปล่อยของเด็ดเซอร์ไพรส์ไว้สำหรับสองภาคที่เหลืออีกเพียบ แฟนๆ FAST & FURIOUS ยังไงก็ไม่ควรพลาด
Fast X เข้าฉายแล้ววันนี้ (มี Mid-Credit 1 ตัว บอกเลยว่ามีกรี๊ดแน่นอนสำหรับแฟนๆ ฟาส)
Fast X เข้าฉายแล้ววันนี้ (มี Mid-Credit 1 ตัว บอกเลยว่ามีกรี๊ดแน่นอนสำหรับแฟนๆ ฟาส)