ปิดไตรภาคของแฟรนไชส์ฮีโร่สายพันธ์ไทยกับ ขุนพันธ์ 3 ที่ค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลจัดเต็มแอ็คชันฟอร์มยักษ์รับต้นปี ตอบแทนแฟนหนังขุนพันธ์ที่ติดตามกันมา 10 ปี ทีม SPACEBAR ขอการันตีความมันส์พร้อมรีวิวร้อนๆ หลังได้ชมรอบสื่อว่า ‘ของเขาดีจริงๆ’
เรื่องราวในภาคที่ 3 จะสานต่อเนื้อหาว่าด้วยในปีพ.ศ.2493 บ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจมือปราบผู้ยึดมั่นในความถูกต้องจึงถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจล่าตัว 2 เสือร้ายอาคมกล้าที่กำลังฮึกเหิมและท้าทายอำนาจรัฐ โดยที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวได้ นำไปสู่การหวนเหยียบถิ่นเสืออีกครั้งของขุนพันธ์ ท่ามกลางเหล่าเสือร้ายที่หมายเอาชีวิต และพร้อมพิพากษามือปราบคงกระพันด้วยความตาย
.
การจับตาย 2 เสือชื่อดังอย่าง เสือมเหศวรและเสือดำ ครั้งนี้อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขุนพันธ์จะสามารถบรรลุภารกิจท้าทายศรัทธา และเผชิญหน้าเหล่าเสือร้ายที่มีทั้งอาคมและ ความคงกระพันได้หรือไม่...หรือถึงเวลาแล้วที่ครั้งนี้ มือปราบหนังเหนียวอย่างขุนพันธ์จะกลายเป็น “ผู้ถูกล่า” เสียเอง
รีวิวหลังชม ขุนพันธ์ 3
เป็นหนังที่พอดูจบแล้วสามารถตะโกนออกมาได้เลยว่า “โคตรสนุก” ทุกอย่างที่ พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ และเหล่านักแสดงโปรโมททุกช่องทางนั้นไม่เกินจริงเลย เพราะแค่เปิดเรื่องมาก็ปล่อยจุดเดือดกันแบบที่ไต่ระดับความดุเดือดขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นภาคที่ใส่เต็มความแอ็คชันแบบไม่ให้เหล่าแฟนได้หยุดพักกันเลย ซีนแอ็คชันเหมือนผู้กำกับมันมือมีอะไรที่ยังไม่ได้โชว์ในสองภาคแรก หรืออยากปล่อยก็เอามาใส่เต็มในภาคนี้ทั้งหมด ได้เห็นถึงไฟของทีมงานและนักแสดงในภาคนี้มากๆ ที่เนรมิตรสิ่งที่คนชอบดูหนังแอ็คชันมัน(ส์)ๆ สักเรื่องต้องการในพาร์ทของสองเสือในภาคนี้อย่าง เสือมเหศวรกับเสือดำ ที่ได้ มาริโอ้และโตโน่มารับบทบาทนี้ ถือว่าสอบผ่านอย่างไร้ข้อกังขา ในส่วนของ เสือมเหศวร ที่มาริโอ้แสดง ถือว่าเป็นบทบาทที่ความแตกต่างจากผลงานเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยได้เห็นในงานแสดงของเขาค่อนข้างเยอะ แม้จะมีความคอมเมดี้ ให้เห็นอยู่บ้างแต่ในพาร์ทบทบู๊ เรื่องนี้เหมือนจะส่งให้มาริโอ้ดูเท่ในมาดของเสือมเหศวรมากๆ จากปกติที่จะได้เห็นแต่ความตลกของเขาเท่านั้น เรียกว่าลบภาพความน่ารักของมาริโอ้แต่มาโชว์มาดเข้มๆ สไตล์สุภาพบุรุษจอมโจร
การแสดงของโตโน่เข้าถึงบทบาทได้แบบสุดขั้ว ถ้าเราเคยชอบพี่น้อยในบท อัลฮาวียะรู ในภาคแรก เสือดำ ที่โตโน่แสดงนั้น เหมือนมารับไม้ต่อส่งท้ายแบบที่ไม่ทำให้ผิดหวัง ไฮไลท์ที่เราเคยเห็นการปะทะอารมณ์ในภาคแรกของท่านขุนและอัลฮาวี ในภาคนี้การดวลตัวต่อตัวของเสือดำและท่านก็ทำได้ในระดับเดียวกัน
ส่วนด้านเซอร์วิสแฟนๆ ของขุนพันธ์ เตรียมเฮกันเลย บอกได้แค่ว่าอย่าหลุดไปเจอสปอยล์กันเชียว แม้จะไม่ได้เวอร์วังแต่ก็ทำให้เสียอรรถรสได้อยู่
ด้านงาน VFX ถ้าเทียบกับงบประมานของเรื่องนี้ ก็ต้องขอปรบมือในกับความกล้าคิด กล้าทำของทีมผู้สร้างอยากให้งานนี้ออกมาดีที่สุดเท่าที่เรื่องนี้จะให้ได้จริงๆ
อีกส่วนที่ขาดไม่ได้ของขุนพันธ์คือพาร์ทการเมือง ภาคนี้บอกได้คำเดียวว่า ที่สุด เหมือนเอาเหตุการณ์ในปัจจุบันไปใส่ไว้ในเรื่องไม่ต้องแฝง เขาขอนำเสนอแบบตรงๆ แบบที่ตบหน้าวงการสีกากีและนักการเมืองที่มีมาทุกยุคสมัย แม้ตัวเอกจะเป็นนายตำรวจข้าราชการ แต่เขาไม่ได้เชิดชูแต่ด้านดีเท่านั้นแต่ขอนำเสนอส่วนของความโสมมในวงการนี้
แม้พูดมาทั้งหมดจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่หนังก็ยังมีความขาดๆ เกินๆ ตะกุกตะกักในบางช่วง แต่ด้วยระยะเวลาความยาวของหนังที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง บางช่วงอาจจะมีจังหวะเอื่อยๆ เพราะเขาเล่นปล่อยของปล่อยพลังในฉากแอ็คชันต่อเนื่อง พอถึงจังหวะที่เดินเนื้อหามันเรื่อยดรอปอารมณ์ความเดือดที่มีไปด้วย
สุดท้ายถ้าให้พูดถึง ขุนพันธ์ 3 ก็คงพูดได้เต็มปากว่านี้แหละหนังไทยที่ควรค่าแก่การชมในโรงภาพยนตร์มากๆ เพราะตอบโจทย์ด้านความสนุกไม่แพ้หนังฮอลลีวูู้ด อาจจะไม่ถึงขั้นดีเยี่ยม แต่เป็นผลงานที่ทีมงานนักแสดงผู้สร้างไม่ดูถูกคนดูและเราได้เห็นถึงความตั้งใจในการส่งท้ายแฟรนไชส์นี้ แบบที่ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีข้างหน้าเราจะได้เห็นงานแบบนี้ออกมาให้ชมอีกหรือเปล่า อยากให้ลองเปิดใจไปดูหนังไทยว่าวงการหนังบ้านเราถ้าตั้งใจทำก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน
เข้าฉาย 1 มีนาคมนี้ แอบกระซิบว่ามีเอนเครดิตในชม 1 ตัวนะครับ