Space Review: ขุนพันธ์ 3 ปิดไตรภาคแอ็คชันฮีโร่พันธุ์ไทยอย่างสมศักดิ์ศรี

28 ก.พ. 2566 - 07:37

  • ขุนพันธ์ 3 บทสรุปไตรภาคแฟรนไชส์แอ็คชันฮีโร่สายพันธ์ไทย

  • เข้าฉาย 1 มีนาคมนี้

Space-Review-Khun-Pan-3-SPACEBAR-Thumbnail
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3Uw8vSVpoKITV4mpe7NKW1/430d478dc7ed5bfabbdbee35bf0fb5bf/Space-Review-Khun-Pan-3-SPACEBAR-Photo01

ปิดไตรภาคของแฟรนไชส์ฮีโร่สายพันธ์ไทยกับ ขุนพันธ์ 3 ที่ค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลจัดเต็มแอ็คชันฟอร์มยักษ์รับต้นปี ตอบแทนแฟนหนังขุนพันธ์ที่ติดตามกันมา 10 ปี ทีม SPACEBAR ขอการันตีความมันส์พร้อมรีวิวร้อนๆ หลังได้ชมรอบสื่อว่า ‘ของเขาดีจริงๆ’

เรื่องราวในภาคที่ 3 จะสานต่อเนื้อหาว่าด้วยในปีพ.ศ.2493 บ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจมือปราบผู้ยึดมั่นในความถูกต้องจึงถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจล่าตัว 2 เสือร้ายอาคมกล้าที่กำลังฮึกเหิมและท้าทายอำนาจรัฐ โดยที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวได้ นำไปสู่การหวนเหยียบถิ่นเสืออีกครั้งของขุนพันธ์ ท่ามกลางเหล่าเสือร้ายที่หมายเอาชีวิต และพร้อมพิพากษามือปราบคงกระพันด้วยความตาย 

การจับตาย 2 เสือชื่อดังอย่าง เสือมเหศวรและเสือดำ ครั้งนี้อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขุนพันธ์จะสามารถบรรลุภารกิจท้าทายศรัทธา และเผชิญหน้าเหล่าเสือร้ายที่มีทั้งอาคมและ ความคงกระพันได้หรือไม่...หรือถึงเวลาแล้วที่ครั้งนี้ มือปราบหนังเหนียวอย่างขุนพันธ์จะกลายเป็น “ผู้ถูกล่า” เสียเอง

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2wHTcH3l4XJEII47xdcICE/0e7b29b423cba4ba01983b88f161b85a/Space-Review-Khun-Pan-3-SPACEBAR-Photo02

รีวิวหลังชม ขุนพันธ์ 3   

เป็นหนังที่พอดูจบแล้วสามารถตะโกนออกมาได้เลยว่า “โคตรสนุก” ทุกอย่างที่ พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ และเหล่านักแสดงโปรโมททุกช่องทางนั้นไม่เกินจริงเลย เพราะแค่เปิดเรื่องมาก็ปล่อยจุดเดือดกันแบบที่ไต่ระดับความดุเดือดขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นภาคที่ใส่เต็มความแอ็คชันแบบไม่ให้เหล่าแฟนได้หยุดพักกันเลย ซีนแอ็คชันเหมือนผู้กำกับมันมือมีอะไรที่ยังไม่ได้โชว์ในสองภาคแรก หรืออยากปล่อยก็เอามาใส่เต็มในภาคนี้ทั้งหมด ได้เห็นถึงไฟของทีมงานและนักแสดงในภาคนี้มากๆ ที่เนรมิตรสิ่งที่คนชอบดูหนังแอ็คชันมัน(ส์)ๆ สักเรื่องต้องการ  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6p5ic2U0R6bE6bfk27M4PL/0d4beeae2e128ac821c65b45cc8f9dea/Space-Review-Khun-Pan-3-SPACEBAR-Photo03
ในส่วนของเนื้อหาความเข้มข้นยังคงทำออกมาได้ดี และเนื้อหาจะดุเดือดกว่าสองภาคแรก ทั้งพาร์ทชีวิตของท่านขุนที่โดนโจมตีเรื่องการวิสามัญเหล่าจอมโจรจนหลายคนเกิดคำถามว่า ท่านขุนทำเกินกว่าเหตุในการจับกุมผู้ร้ายหรือไม่ จนต้องออกจากราชการและกลับไปใช้ชีวิตกับภรรยาอย่าง ครูนุ่น ที่กำลังท้องใกล้คลอดก่อนจะถูกเรียกกลับมาทำภารกิจสุดท้ายในการล่าสองเสือที่เหลืออยู่อย่าง เสือดำและเสือมเหศวร ในขณะที่อาคมและความคงกระพันของท่านขุนก็เริ่มเสื่อมลง เป็นภาคที่เราได้เห็นความเป็นมนุษย์ของท่านขุนมากที่สุดกับความต้องการจะรอดชีวิตเพื่อกลับไปหาเมียและลูก เราได้เห็นมุมที่ขุนพันธ์เกิดความกลัวแบบที่เราไม่ได้พบเห็นในภาคก่อนๆ ที่แม้จะเก่งกาจมาตลอดแต่เขาก็ยังคงเป็นมนุษย์คนนึง  
 
ในพาร์ทของสองเสือในภาคนี้อย่าง เสือมเหศวรกับเสือดำ ที่ได้ มาริโอ้และโตโน่มารับบทบาทนี้ ถือว่าสอบผ่านอย่างไร้ข้อกังขา ในส่วนของ เสือมเหศวร ที่มาริโอ้แสดง ถือว่าเป็นบทบาทที่ความแตกต่างจากผลงานเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยได้เห็นในงานแสดงของเขาค่อนข้างเยอะ แม้จะมีความคอมเมดี้ ให้เห็นอยู่บ้างแต่ในพาร์ทบทบู๊ เรื่องนี้เหมือนจะส่งให้มาริโอ้ดูเท่ในมาดของเสือมเหศวรมากๆ จากปกติที่จะได้เห็นแต่ความตลกของเขาเท่านั้น เรียกว่าลบภาพความน่ารักของมาริโอ้แต่มาโชว์มาดเข้มๆ สไตล์สุภาพบุรุษจอมโจร
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2gFdMAe8c3yNF22HnZQQVI/0919083ca1feb4e3abc11798c5e08f64/Space-Review-Khun-Pan-3-SPACEBAR-Photo04
แต่ที่น่าจะเรียกเสียงฮือฮาแบบที่ลบข้อกังขาในด้านภาพลักษณ์ได้เป็นอย่างดี คงหนีไม่พ้น โตโน่ ภาคิน ที่รับบทเสือดำ นี้คือบทบาทที่เหมาะสมกับเขาจริงๆ การปรากฏตัวของเสือดำในแต่ละซีนนั้น สามารถสาดความบ้าคลั่ง ความเดือดดาลกับความแค้นสุ่มอกที่เกิดจากปมในอดีตที่มีต่อขุนพันธ์  
 
การแสดงของโตโน่เข้าถึงบทบาทได้แบบสุดขั้ว ถ้าเราเคยชอบพี่น้อยในบท อัลฮาวียะรู ในภาคแรก เสือดำ ที่โตโน่แสดงนั้น เหมือนมารับไม้ต่อส่งท้ายแบบที่ไม่ทำให้ผิดหวัง ไฮไลท์ที่เราเคยเห็นการปะทะอารมณ์ในภาคแรกของท่านขุนและอัลฮาวี ในภาคนี้การดวลตัวต่อตัวของเสือดำและท่านก็ทำได้ในระดับเดียวกัน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4D99WT7ej95mErJL55yfoV/871ffee1f5bfa95fdc85a7813f75e187/Space-Review-Khun-Pan-3-SPACEBAR-Photo05
ในส่วนของ ร้อยเอกทัตเทพ รับบทโดย เอม ภูมิภัทร และหมอสาวิตรี รับบทโดย ฟ้า  ษริกา ถือว่าเป็นอีกสองตัวละครที่มาเติมเต็มความสมบูรณ์และส่งผลต่อช่วงท้ายเรื่องที่เกิดการหักมุมในช่วงองค์ท้ายของภาคนี้  
 
ส่วนด้านเซอร์วิสแฟนๆ ของขุนพันธ์ เตรียมเฮกันเลย บอกได้แค่ว่าอย่าหลุดไปเจอสปอยล์กันเชียว แม้จะไม่ได้เวอร์วังแต่ก็ทำให้เสียอรรถรสได้อยู่   
ด้านงาน VFX ถ้าเทียบกับงบประมานของเรื่องนี้ ก็ต้องขอปรบมือในกับความกล้าคิด กล้าทำของทีมผู้สร้างอยากให้งานนี้ออกมาดีที่สุดเท่าที่เรื่องนี้จะให้ได้จริงๆ 
 
อีกส่วนที่ขาดไม่ได้ของขุนพันธ์คือพาร์ทการเมือง ภาคนี้บอกได้คำเดียวว่า ที่สุด เหมือนเอาเหตุการณ์ในปัจจุบันไปใส่ไว้ในเรื่องไม่ต้องแฝง เขาขอนำเสนอแบบตรงๆ แบบที่ตบหน้าวงการสีกากีและนักการเมืองที่มีมาทุกยุคสมัย แม้ตัวเอกจะเป็นนายตำรวจข้าราชการ แต่เขาไม่ได้เชิดชูแต่ด้านดีเท่านั้นแต่ขอนำเสนอส่วนของความโสมมในวงการนี้
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1Uv1g5A1LgyaEb2jWFNE5e/4c430401a7604507443ed4653a7393db/Space-Review-Khun-Pan-3-SPACEBAR-Photo06

แม้พูดมาทั้งหมดจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่หนังก็ยังมีความขาดๆ เกินๆ ตะกุกตะกักในบางช่วง แต่ด้วยระยะเวลาความยาวของหนังที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง บางช่วงอาจจะมีจังหวะเอื่อยๆ เพราะเขาเล่นปล่อยของปล่อยพลังในฉากแอ็คชันต่อเนื่อง พอถึงจังหวะที่เดินเนื้อหามันเรื่อยดรอปอารมณ์ความเดือดที่มีไปด้วย

สุดท้ายถ้าให้พูดถึง ขุนพันธ์ 3 ก็คงพูดได้เต็มปากว่านี้แหละหนังไทยที่ควรค่าแก่การชมในโรงภาพยนตร์มากๆ เพราะตอบโจทย์ด้านความสนุกไม่แพ้หนังฮอลลีวูู้ด อาจจะไม่ถึงขั้นดีเยี่ยม แต่เป็นผลงานที่ทีมงานนักแสดงผู้สร้างไม่ดูถูกคนดูและเราได้เห็นถึงความตั้งใจในการส่งท้ายแฟรนไชส์นี้ แบบที่ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีข้างหน้าเราจะได้เห็นงานแบบนี้ออกมาให้ชมอีกหรือเปล่า อยากให้ลองเปิดใจไปดูหนังไทยว่าวงการหนังบ้านเราถ้าตั้งใจทำก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน 
 
เข้าฉาย 1 มีนาคมนี้ แอบกระซิบว่ามีเอนเครดิตในชม 1 ตัวนะครับ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์