SPACE REVIEW: The Devil's Deal เล่นการเมืองก็เหมือนทำสัญญากับปีศาจ

เรียกว่า Mongkol Cinema หาหนังเข้ามาฉายได้ทันสถานการณ์ของบ้านเราที่จะมีการเลือกตั้งในอีกไม่นานนี้แล้วได้ถูกจังหวะสุดๆ แถมยังเลือกหนังที่นำเสนอแง่มุมความดำมืดของแวดวงการเมืองในช่วงเลือกตั้งอย่างเรื่อง The Devil’s Deal | ดีลนรกคนกินชาติ ที่เป็นเปิดตัวอันดับ 1 ของบ็อกซ์ออฟฟิศเกาหลีอีกด้วย  

ทีม SPACEBAR มีโอกาสรับชมในรอบสื่อมวลชนก่อนจะเข้าฉายจริงในวันที่ 26 เมษายนนี้ ต้องขอบอกเลยว่าโดนใจคนดูที่กำลังอินกับการเมืองและเข้ากับสถานการณ์ของบ้านเราอย่างแน่นอนครับ 

The Devil’s Deal เล่าเรื่องราวของ จอน แฮอุง (รับบทโดย โจจินอุง)  ผู้สมัครเลือกตั้งยอดนิยมผู้เป็นที่รักของประชาชนที่เคยอยู่ในจุดต่ำสุดของวงการก่อนไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้ลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาในครั้งนี้ เขาหวังที่จะชนะคะแนนเสียงเพื่อช่วยเหลือประชาชนและเลี้ยงปากท้องครอบครัว แต่แล้วกลับถูก  ซุนแท (รับบทโดย อีซองมิน)  ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นเข้ามาขัดขวางเสียก่อน จนเมื่อเขาบังเอิญได้เอกสารลับที่สามารถใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้กับ ซุนแท ในครั้งนี้ได้ เขาจึงหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจาก พิลโด (รับบทโดย คิมมูยอล)  หัวหน้าแก๊งเงินกู้นอกระบบ เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์บางอย่างร่วมกัน  เพื่อจะชนะเกมการเมืองนี้เขายอมเข้าสู่ความโสมม 
การเฉือนคมเพื่ออำนาจในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงเริ่มต้นขึ้น

ความรู้สึกหลังชม The Devil’s Deal | ดีลนรกคนกินชาติ  

ถ้าตอนนี้ใครอยากหาหนังที่เข้ากับสถานการณ์ในบ้านเรา อยากอินกับการเมือง หรือการเลือกตั้ง บอกได้คำเดียวว่าไม่ควรพลาด โดยเรื่องนี้ได้ผู้กำกับอย่าง อี วอนแท เจ้าของผลงานอย่าง The Gangster, The Cop, The Devil หนังที่ได้เปิดตัวในเทศกาลหนังเมืองคานส์ พร้อมคะแนนเชิงบวกจาก จากเว็บ Rotten Tomatoes ถึง 97% แล้วมีข่าวว่าถูกคว้าสิทธินำไปรีเมกในเวอร์ชันภาษาอังกฤษแล้วด้วย  ยิ่งการันตีถึงคุณภาพของผลงานชิ้นนี้ได้แบบหายห่วง  
 
เปิดต้นเรื่องมาหนังจะทำให้เราเห็นถึง ความเป็นนักการเมืองน้ำดีของผู้สมัคร จอนแฮอุง ที่พยายามเป็นคนของประชาชน และได้รับการสนับสนุนจากฝั่งประชาชนมากๆ แต่ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ดีมีประชาชนชื่นชอบ เมื่อเจาะลึกลงไปเขาดันเป็นผู้สมัครที่ไม่ได้มีคนค่อยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจนต้องกู้เงินจากเจ้าหนี้นอกระบบในการใช้หาเสียง รวมถึงการที่เขาอยู่ฝ่ายเดียวประชาชนมากๆ จนไม่สนใจผู้มีอิทธิพลเจ้าถิ่นอย่าง ซุนแท สุดท้ายจึงโดนถีบออกจากการเป็น ส.ส. พรรคที่เขาสังกัด และนี้คือจุดเริ่มต้นนำพาเขาเข้าสู่โลกอันดำมืดที่เต็มไปด้วยอำนาจของเงินและอิทธิพลแฝงที่ทำให้ได้รู้ว่าการเมือง ไม่ได้ขาวสะอาดเสมอไป 
 
สำหรับหนังเรื่องนี้แม้จะระบุว่าเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น เพียงแต่เลือกใช้ช่วงเวลาในปี 1992 ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศและการเลือกตั้งท้องถิ่นของชาวเกาหลีใต้ เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญมากๆ เนื่องจากก่อนหน้านั้นเกาหลีใต้อยู่ใต้การปกครองของทหารมาเป็นระยะยาวนาน ซึ่งการที่หนังเรื่องนี้หยิบเอาช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านการปกครองมาเป็นแก่นในการนำเสนอ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้สร้างอาจจะจำลองสถานการณ์ที่อาจจะเคยเกิดขึ้นจริงมาใช้แบบเลี่ยงๆ 

การดำเนินเรื่องของเรื่องนี้ ไม่รอช้าที่จะพาคนดูมุ่งสู่ด้านมืดอย่างเต็มขั้น ในพาร์ทของแฮอุง เขาเป็นเหมือนคนที่ลงเล่นการเมืองแบบรู้เพียงผิวเผินว่ามีอิทธิพลแฝงอยู่ในทุกหย่อมหญ้าของการเลือกตั้งในครั้งนี้ เมื่อเขาผิดหวังและถูกกระทำจากผู้มีอิทธิพล จึงหาวิธีชนกับตัวใหญ่ แต่แน่นอนว่าหนังไม่นำเสนอแบบที่คุณต้องมีคุณธรรม ความดีชนะทุกสิ่งแบบโลกสวย เรื่องนี้เลือกที่จะนำเสนอให้เห็นถึงคนที่เคยดีที่สุดจนเข้าสู่ด้านมืดที่สุดแบบเต็มกราฟ ไม่มีจุดที่มาสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูสมจริงมากๆ  
 
เกมการเมืองในเรื่องนี้คือโชว์ความดาร์กสุด เรียกว่าปล่อยของการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันแบบหมัดต่อหมัด เราจะได้เห็นหมัดเด็ดของ แฮอุงที่ร่วมมือกับพิลโด หัวหน้าแก็งนักเลงเงินกู้ที่หันมาช่วยเหลือกันเพื่อผลประโยชน์ก้อนโตที่รออยู่ พร้อมงัดกับ ซุนแท  ผู้ทรงอิทธิพล เราจะได้เห็นความทุจริตทุกรูปแบบตั้งแต่การใช้ข่าวหรือสื่อมาโจมตีกัน การซื้อเสียงซื้อใจคนด้วยเงิน การใช้อิทธิพลกับเส้นสายในวงการเมือง จนไปถึงขั้นผลิตบัตรเลือกตั้งปลอมใส่ในตู้เก็บบัตรที่เตรียมไว้ขึ้นมาเอง รวมไปถึงการสั่งฆ่าคนที่จะสร้างปัญหาในเส้นทางนี้ 
 
เรียกได้ว่ามุมมืดในวงการนี้มีแค่ไหน หนังพร้อมจะแฉให้เราได้เห็นความโสมมของวงการนี้แบบเต็มสตรีม

สำหรับบทบาทของ ซุนแท ที่รับบทโดย อีซองมิน นักแสดงที่พึ่งจะมีผลงานซีรีส์สุดฮิตอย่าง Reborn Rich ซึ่งบทบาทในซีรีส์ก็จะคล้ายกับในเรื่องนี้ที่เป็นนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลมีอำนาจแต่ในเรื่องนั้นเรายังเห็นส่วนที่ดีของเขาอยู่บ้าง แต่ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นการพลิกบทบาทมาเป็นบุคคลสุดอันตรายพร้อมกับความน่ากลัวที่มีอิทธิพลและเส้นสายในทุกวงการ แม้จะโดนเล่นงานกี่รอบ ก็มีไพ่เด็ดไพ่ตายที่จะปล่อยมาจัดการคนที่ขวางทางเขา นี่จึงเป็นส่วนที่ทำให้คนดูสนุกและลุ้นระทึกได้ตลอดทั้งเรื่องกับการเฉือนคมกันของคนตัวเล็กที่ต้องต่อสู้กับผู้มีอำนาจล้นมือ อาจจะไม่ใช่หนังที่ขายความแอ็กชัน แต่ความมันส์ความเดือดไม่เป็นรองหนังบู๊แม้แต่นิดเดียว

โดยรวมรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้ที่กล้าเล่น กล้าขุดเรื่องดำมืดของสังคมการเมืองมานำเสนอ ไม่พยายามยัดเยียดเรื่องทำดีได้ดี เพราะการเล่นการเมือง แม้คุณจะทำดีแค่ไหน บางครั้งคุณไม่เข้าร่วมกับอำนาจ คุณก็อาจจะไม่เข้ารอบ นี่คือสิ่งที่เรื่องนำเสนอออกมาได้ดีเข้ากับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นของบ้านเรามากๆ 
 
หนังเตรียมเข้าฉาย 26 เมษายนนี้ คอหนังเกาหลีแนวเฉือนคมและการเมืองไม่ควรพลาด