‘A Real Pain’ ภาพยนตร์สุดซึ้งเจือเสียงหัวเราะ กับเคมีต่างขั้วทว่าลงตัวของ ‘Jesse Eisenberg’ และ ‘Kieran Culkin’ สองนักแสดงนำที่จะทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มบนคราบน้ำตา ‘A Real Pain’ ภาพยนตร์ประเภท Feel-Good จาก Searchlight Pictures ผลงานการเขียนบทจาก Jesse Eisenberg จะเข้าฉายในไทยวันที่ 30 มกราคมนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมอย่างล้นหลามในเรื่องของบทบาทการแสดงนำของสองนักแสดง ‘Jesse Eisenberg’ และ ‘Kieran Culkin ที่หลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเคมีของทั้งคู่คือส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบ เนื้อเรื่องบอกเล่าถึงการเดินทางของ ‘เดวิด’ และ ‘เบนจิ’ ลูกพี่ลูกน้องที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้วจนแทบจะเข้ากันไม่ได้ แต่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเดินทางร่วมกันไปทัวร์โปแลนด์เพื่อให้เกียรติและรำลึกถึงคุณย่าผู้เป็นที่รัก การผจญภัยในครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย ‘Jesse Eisenberg’ ผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ ได้สวมบทบาท ‘เดวิด’ ซึ่งเป็นตัวละครที่เอาจริงเอาจังตลอดเวลา ส่วน ‘Kieran Culkin’ รับบทเป็น ‘เบนจิ’ ลูกพี่ลูกน้องที่มีนิสัยรักอิสระ ภายนอกร่าเริงแต่ภายในเจ็บปวดและแตกสลาย
ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสร้างรางวัลมากมายให้แก่นักแสดงทั้งสองคน ‘Kieran Culkin’ ที่รับบทเป็น ‘เบนจิ’ คว้ารางวัล Golden Globe Awards สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากก The 82nd Annual Golden Globes มาครอง ส่วน ‘Jesse Eisenberg’ ผู้ที่ถือหมวกสามใบอยู่ในมือ สามารถทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าชิงรางวัล Golden Globe Awards ถึง 4 รางวัล ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทเพลงหรือคอมเมดี้, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ‘Jesse Eisenberg’, นักแสดงภาพยนตร์สมทบชายยอดเยี่ยม ‘Kieran Culkin’ และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
นอกจากจะเป็นภาพยนตร์ที่พาให้เราได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวดของทั้งสองตัวละครแล้ว ยังเป็นภาพยนตร์ที่เหมือนดึงเราเข้าไปอยู่ในทัวร์การเดินทางในโปแลนด์อีกด้วย เพราะ ‘A Real Pain’ เป็นภาพยนตร์ที่สอดแทรกเรื่องราวที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในปัจจุบัน สถานที่ที่ถ่ายทำก็เป็นสถานที่จริงที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนเศร้า ประเด็นในการสอดแทรกประวัติศาสตร์นี้ทำให้ ‘A Real Pain’ ได้รับคำชมในฐานะภาพยนตร์ที่กล้านำเสนอแง่มุมเกี่ยวกับ Holocaust (การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว) ในแบบที่ไม่มีเรื่องไหนเคยทำมาก่อน
หลังจากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงโดยส่วนตัวประทับใจกับภาพและการกำกับฯ ของ Jesse Eisenberg เนื่องจากจังหวะการถ่ายทำและภาพที่ต้องการสื่อทำให้เราได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดภายในของตัวละคร มีช่วงจังหวะสร้างเสียงหัวเราะให้เราได้ชมตลอดทั้งเรื่อง พอถึงฉากปะทะอารมณ์ก็ชวนให้คิดตาม แต่หากอยากรู้สึกถลำลึกไปกับเรื่องราวอย่างลึกซึ้งอาจจะต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สักนิดก่อนที่จะไปรับชม เพราะเนื้อเรื่องมีการพูดถึงความเจ็บปวดในอดีตอีกด้วย โดยรวมคิดว่าคอหนัง Feel-Good น่าจะชอบเรื่องนี้ การแสดงของนักแสดงนำทั้งสองทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดลึกๆ ที่อยู่ภายในใจ แต่ถ้าไม่ชอบอะไรที่ดำเนินเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ หรือไม่อินกับประวัติศาสตร์ก็อาจจะยังไม่ซื้อเรื่องนี้ หากเป็นคนประเภทเดียวกันที่ชอบเสพภาพและบรรยากาศในแนวที่่ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอก็ถือว่าตอบโจทย์
เรื่อง: อารียา อรรคสุข