ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน เจ็บช้ำน้ำใจ เผยเหตุผลไม่ยอมชมเรื่อง Creed 3

Creed III กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้วตอนนี้ แต่คงมีคนไม่น้อยตั้งคำถามว่า ร็อกกี้ บัลโบ (Rocky Balboa) หรือ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) หายไปไหน? แม้แต่ในหนังก็มีแค่การเอ่ยชื่อเฉยๆ แต่ไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงไม่ปรากฎตัวบนจอ 
 
Creed กลายเป็นหนังไตรภาคที่ถูกสร้างขยายจักรวาลออกมาจากเรื่อง Rocky แฟรนไชส์หนังมวยที่โด่งดังตลอดกาลเรื่องหนึ่ง สร้างขึ้นโดยสตอลโลน โดยอ้างอิงเรื่องราวชีวิตจริงของนักมวยชื่อ ชัค เวปเนอร์ (Chuck Wepner) ซึ่งถ้าพูดกันแบบเข้าใจง่าย สตอลโลนจัดว่าเป็นผู้ถือแฟรนไชส์ Rocky เช่นเดียวกันกับเรื่อง Creed ที่เขาต่อยอดเรื่องราวให้ร็อกกี้เป็นโค้ชให้กับนักมวยดาวรุ่ง อาโดนิส ครีด (Adonis Creed) รับบทโดย ไมเคิล บี. จอร์แดน (Michael B. Jordan)

แต่กลายเป็นประเด็นเช่นกันที่เรากลับไม่เห็นร็อคกี้บนจอ ซึ่งภายหลังสตอลโลนออกมาอธิบายว่าเขามีปัญหากับ เออร์วิน วิงก์เลอร์ (Irwin Winkler) หนึ่งในทีมผู้ผลิต บางคนคิดว่าสตอลโลนอาจไม่ค่อยชอบครีเอทีฟไดเรคชัน 
 
Creed III เขียนบทโดน คีแนน คุกเลอร์ (Keenan Coogler) และแซค เบลิน (Zach Baylin) กำกับโดย ไรอัน คุกเลอร์ (Ryan Coogler) Creed เป็นหนังแยกออกมาจาก Rocky ที่นักวิจารณ์และผู้ชมให้เสียงตรงกันว่ามีเนื้อเรื่องที่มืดมนกว่า และออกไปทางดราม่ามากกว่า 
 
“มันเป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้านะ เพราะผมรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร” สตอลโลน กล่าว “มันถูกเปลี่ยนไปในทิศทางที่ต่างจากที่ผมคิดไว้ เป็นปรัชญาที่ต่างออกไป ทั้ง เออร์วิน วิงก์เลอร์ และไมเคิล บี. จอร์แดน ผมขออวยพรให้พวกเขาโชคดี แต่ผมบังเอิญเป็นคนอ่อนไหวง่าย ผมชอบฮีโร่ที่ผมสร้างถูกอัดก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมอยากให้เขาอยู่ในจุดที่มืดมนขนาดนั้น ผมแค่รู้สึกคนเรามันก็มีด้านมืดพออยู่แล้ว”

นอกจากนี้ สตอลโลนยังให้สัมภาษณ์ว่าตั้งแต่ Creed III เข้าโรง เขาไม่เคยออกไปดูเลย และจะไม่มีวันออกไปดูอย่างแน่นอน  
 
“คุณรู้ว่าผมไม่สามารถสงบศึกกับคนนั้นได้ ขอพูดกันบนพื้นฐานความจริงเลย คุณไม่มีทางสงบศึกกับคนที่เลวร้าย และย่ำแย่ ในมุมของผมนะ ทุกครั้งที่ผมอยากให้มันเป็นอะไรอย่างไรบ้าง ผมต้องขอร้องเขาว่าขอทำแบบนี้แบบนั้นได้ไหม ตรงๆ คือผมไม่สนเรื่องเงินเลยนะ  ผมอยากให้ทั้งหมดนี้ถูกต่อยอดต่อโดยลูกของผม เมื่อผมจากโลกนี้ไป สิ่งนี้แหละมันจะเป็นมรดกตกทอด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมให้อภัยไม่ได้ แต่ ไมเคิล บี. จอร์แดน เก่งนะ ไม่เกี่ยวกัน สตูดิโอก็ดี ผมแค่รู้สึกอ่อนไหวเกินที่จะไปดูเรื่องนี้” สตอลโลน กล่าวกับ SiriusXM

บางคนอาจไม่เข้าใจว่า เออร์วิน วิงก์เลอร์ ไปทำอะไรให้ สตอลโลน เจ็บช้ำน้ำใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งเป็นปีที่สตอลโลนขายลิขสิทธิ์เรื่อง Rocky ให้กับวิงก์เลอร์ เพราะฉะนั้นแล้ว สตอลโลนจะไม่มีสิทธิ์ในการควบคุมตัวละครในเรื่องได้เลย รวมถึงตัวละครใน Creed ด้วย เรื่องนี้ทำให้ผู้คนบนโลกอินเทอร์เน็ตแสดงความเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ เพราะเขาเป็นคนยอมขายลิขสิทธิ์ให้เองตั้งแต่แรก และไม่ควรตีโพยตีพายทีหลัง 
 
แม้ว่าจะขาดตัวละครสำคัญไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไมเคิล บี. จอร์แดน สามารถแสดงออกมาได้ดี ใครที่ยังไม่ได้ชมเรื่อง Creed III สามารถชมได้แล้วตอนนี้ที่โรงภาพยนตร์