อาโดะ (Ado) เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงจากแดนปลาดิบ จัดคอนเสิร์ตเวิร์ลทัวร์เป็นครั้งแรก ประเดิมประเทศไทยเป็นประเทศแรกก่อนจะเดินทางไปไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี รวมทั้งหมด 14 ประเทศ ตบท้ายที่สหรัฐอเมริกาในวันที่ 1 เมษายน 2567 สำหรับในกรุงเทพเป็นการร่วมมือจัดงานระหว่าง Universal Japan และ Avalon Live
ในการรีวิวครั้งนี้ผมต้องขอสารภาพว่าผมไม่ใช่แฟนเดนตายของอาโดะ และไม่เคยฟังเพลงของอาโดะมาก่อนเลย (มีฟังบ้างก่อนมาคอนเสิร์ต) หากมีอะไรผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจริงๆ อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นเรื่องน่าสนุกดีหากจะรีวิวคอนเสิร์ตนี้ในมุมของคนที่เพิ่งหัดเปิดใจลองฟังเป็นครั้งแรก
Ado The First World Tour (Wish) จัดขึ้นที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีการจัดคิวเข้าคอนเสิร์ตตั้งแต่ 17.00 น. ส่วนประตูเริ่มเปิดเวลา 18.00 น. บริเวณหน้าประตูทางเข้ามาการขายของเมอร์แชนไดส์ทั้งเสื้อยืด และป้ายไฟแบบออฟฟิเชียลสำหรับนำเข้าไปในพื้นที่คอนเสิร์ต ส่วนผู้คนที่เข้ามาร่วมคอนเสิร์ต เรียกว่า ‘หลากหลาย’ มากเลยทีเดียว มีตั้งแต่คนไทย คนจีน คนญี่ปุ่น ไปจนถึงคนฝั่งยุโรปและอเมริกาเข้ามาร่วมงาน ที่น่าสนใจคือการแต่งกายของแต่ละคนนั้นมีเอกลักษณ์กันมากๆ เหมือนผมได้หลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่น่าทึ่ง
แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกำลังเตรียมเข้าสู่หน้าร้อน อากาศในวันคอนเสิร์ตจึงค่อนข้างร้อนในระดับที่เหงื่อไหลไคลย้อย โชคดีที่ผู้จัดมีการนำบูธ การิ การิ คุง (Kari Kari Kun) แบรนด์ไอศกรีมจากญี่ปุ่นมาแจกไอศกรีมแท่งให้กับผู้ร่วมงานแบบฟรีๆ! โดยมีทั้งรสโซดา เมล่อน และพุดดิ้ง (มีขายแล้วที่เซเว่นอีเลฟเว่น) อร่อยหวานเย็นกันเลยทีเดียว แอบบอกกันตรงนี้ว่าผมกินไปแล้วสองแท่ง และผมเชื่อว่าคนอื่นต้องกินมากกว่าผมแน่ๆ
รอเวลากันจนถึงเวลา 18.00 น. คนเริ่มตั้งแถวทยอยเข้าคอนเสิร์ตกันอย่างล้นหลาม งานนี้ผมรู้มาว่าบัตรถึงขั้น sold out จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงเยอะมากขนาดนี้ ผมคิดว่าการแสดงเริ่มช้าไป 5 นาที น่าจะเป็นเพราะพื้นที่ในการจัดแสดงไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อคนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผมนับถือต่อทีมงานที่สามารถจัดแสดงได้ตรงเวลา
การแสดงเริ่มขึ้นแบบทันทีทันใดแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง สิ่งที่ผมประทับใจคืองานวิชวล การดีไซน์แสงสี และกล่องสี่เหลี่ยมที่ภายหลังเราจะเห็นอาโดะเข้าไปอยู่ข้างใน ซึ่งกล่องสี่เหลียมคล้ายกรงมีการติดตั้งแผงจอที่สามารถเห็นข้างในแบบโปร่งได้ และสามารถเห็นการดีไซน์วิชวลบนจอได้อีกด้วย ทำให้ภาพโดยรวมของเวทีนั้นสวยงามมากๆ
โดยรวมของการแสดงนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบมาก อาโดะโชว์พลังเสียงแบบขั้นสุด เครื่องดนตรีแน่น งานวิชวลดี และผู้ชมนั้นก็ให้ความร่วมมือและเอนจอยกับการชมคอนเสิร์ตมากๆ (เป็นภาพที่ผมอยากให้ทุกคอนเสิร์ตเป็น) น่าจะเป็นผลพลอยจากการที่เจ้าหน้าที่และทีมงานเคร่งครัดกับการควบคุมการถ่ายภาพในคอนเสิร์ตด้วย (ถือเป็นเรื่องน่าชื่นชม) เสียอย่างเดียวคือลำโพง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นลำโพงของทีมงานญี่ปุ่น หรือไทย เพราะในท่อนที่อาโดะโชว์พลังเสียง เสียงลำโพงค่อนข้างแตก มีเสียงไมค์หอนเป็นพักๆ แต่โดยรวมนั้นโอเคดี
อาโดะแสดงคอนเสิร์ตให้กับเราไป 21 เพลง มีเพลงคัฟเวอร์ 2 เพลง โดยเพลงแรกคือ Stay With Me ต้นฉบับของ มิกิ มัตซึบาระ (Miki Matsubara) ตอนที่เพลงนี้ขึ้นผมรู้สึกแปลกใจดี เพราะไม่คาดคิดว่าอาโดะจะนำเพลงนี้มาร้อง เพลงที่สองคือ Senbonzakura (Thousand Cherry Blossoms) ต้นฉบับของ Kurousa-P ซึ่งอาโดะนำมาร้องในช่วงเอนเคอร์ แต่ก่อนเอนเคอร์ อาโดะได้กล่าวทักทายสวัสดีแฟนๆ ชาวไทยก่อนจะร้องเพลง ‘Show’
ขอพูดตรงๆ กันตรงนี้ว่า เพลงของอาโดะเปิดประสบการณ์ใหม่การในการชมคอนเสิร์ตของผมมากๆ ผมได้เห็นความเป็นหนึ่งของแฟนเพลง คุณภาพของทีมงานโดยรวม คุณภาพของนักดนตรีแบ็คอัป และที่สำคัญคือเสน่ห์ของอาโดะที่ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมแฟนๆ ถึงหลงรัก ท้ายที่สุดนี้ขอขอบคุณทีมงาน Universal และ Avalon Live สำหรับโอกาสดีๆ ที่มอบให้กับ Spacebar VIBE ในการร่วมคอนเสิร์ตที่แสนสนุกแบบนี้
สำหรับใครที่ไม่รู้จัก อาโดะ เป็นศิลปินที่สามารถติดอยู่บิลบอร์ดชาร์ตของญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่งจากเพลง ‘Usseewa’ รวมถึงร้องเพลง ‘New Genesis’ ประกอบภาพยนตร์แอนิเมชัน One Piece: Red ติดอันดับ 100 ชาร์ตของ Apple Music อาโตะรู้จักในฐานะศิลปินสาวที่ไม่เปิดเผยใบหน้า ทุกคนจะรู้จักเธอในฐานะหญิงสาวนิรนามที่นำเสนอตัวเองด้วยคาแรกเตอร์หญิงสาวในชุดโทนมืด
