‘ตรอกผูกคอตาย’ จุดจบของนักเผชิญโชคจากจีนแผ่นดินใหญ่

หากเดินลัดเลาะจากใจกลางย่านเยาวราช เข้าสู่ถนนเยาวพานิชย์ เดินเข้าซอยมาจนพอสมควร จะมีซอก ต้องเรียกว่าซอกเพราะเล็กกว่าซอย มองเข้าไปเห็นต้นโพธิ์อยู่ในซอย ที่นี่มีตำนานชวนขนลุก สมัยก่อนแถวนี้เปลี่ยว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ไม่พลุกพล่านเป็นย่านการค้าเหมือนปัจจุบัน ที่นี่เป็นที่คนจีนที่ผิดหวังในชีวิตมาฝากร่างทิ้งไว้ ผู้คนเรียกซอยนี้ว่า ตรอกผูกคอตาย  
 
“สมัยก่อนตรงนี้เงียบสงัด มีต้นโพธิ์ขึ้นอยู่ใกล้กันสองต้น ที่บริเวณนี้เป็นจุดสุดท้ายที่คนมาผูกคอตาย ทิ้งร่างและความเจ็บปวดผิดหวังไว้เบื้องหลัง ไม่มีใครรวบรวมเอาไว้ว่าเคยมีคนมาจบชีวิตที่ตรอกนี้กี่ราย แต่ก็มีมากพอ ตรอกนี้อยู่ใกล้ศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกง หรือศาลเจ้าหลักเมืองกลางย่านสำเพ็ง ศาลแห่งนี้มรฝีความเชื่อว่าเมื่อมีคนในครอบครัวจากไปจะต้องมาบอกกับองค์เทพเซี้ยอึ้งกงซึ่งท่านมีเทพบริวาร2 องค์มารับดวงวิญญาณ” 

คนจีนเมื่อเสียชีวิตและทำพิธีศพแล้วญาติจะนำโคมสีแดงกลับมาที่บ้าน สำหรับตรอกผูกคอตายนั้นเป็นที่ฝากร่างของคนจีนที่ผิดหวังจากการมาเผชิญโชคในแผ่นดินไทย จึงเลือกจบชีวิตให้พ้นความทุกข์ บางคนไม่มีญาติ เมื่อทำพิธีศพแล้วจึงมีคนเอาโคมแดงมาแขวนไว้ที่ต้นโพธิ์นี้แทน บางรายมีแต่ญาติไม่กล้าเอาโคมกลับบ้าน จึงมีโคมเคยแขวนในซอยนี้เต็มไปหมด 

สมัยก่อนถ้าเป็นช่วงเย็นค่ำโพล้เพล้จะไม่มีใครกล้าเดินผ่านตรอกนี้ เพราะบรรยากาศและเหตุการณ์ในตรอกนี้ชวนให้ขนหัวลุก เวลาผ่านไป การผูกคอตายหมดไป พร้อมกับโคมแดงที่ลดจำนวนและหายไปในที่สุด ตรอกผูกคอตายกลายเป็นช่องทางสัญจรที่ผู้คนผ่านไปมา มีร้านขายของ มีเกสต์เฮาส์ ตำนานเล่าขานของตรอกผูกคอตายเป็นสถานที่หนึ่งที่บอกเราว่า การข้ามน้ำข้ามทะเลมาเผชิญโชคที่เมืองไทยไม่ใช่ทุกคนที่ประสบความสำเร็จ ธรรมดาของการเผชิญโชคอาจต้องเผชิญทั้งโชคดีและโชคร้าย การเลือกที่จะจากไปนั้นเจ็บปวดและน่าเศร้า

เมื่อออกเดินศึกษาชุมชนจีนแถบนี้พบว่าตรอกที่มีคนไปผูกคอตายมีอีกหลายจุด แต่ละที่มีความคล้ายกันคือเป็นทางเดินเล็กๆ เงียบและไม่มีผู้คนเดินผ่าน ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ากันว่าดวงวิญญาณที่จากไปด้วยความผิดหวังนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและน่าสงสาร แล้วให้ข้อคิดว่า คนเราแม้เผชิญมรสุมในชีวิตก็อย่ายอมแพ้ง่ายๆวันหนึ่งจะผ่านมรสุมไปได้หากพากเพียรก็จะลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นคง