“บางครั้งชีวิตคู่ก็ยุ่งเหยิงวุ่นวาย และทุกคนต่างหลงทาง
บางครั้งเราช่วยกันสู้ บางครั้งเราต้องสู้เพียงลำพัง
และบางครั้งเราก็สู้กันเอง ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้”
ข้อความที่ปรากฏคือประโยคที่ ‘แซนดรา’ ตัวละครเอกผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมสามีของตัวเอง ได้กล่าวไว้ต่อพยานในชั้นศาลระหว่างการพิจารณาคดีว่าสิ่งที่ผู้ตายได้กล่าวโทษเธอเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของสถานการณ์ทั้งหมดที่ผู้เป็นสามีเลือกที่จะเล่าในมุมมองหนึ่งเท่านั้น เพราะในทุกความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ต่างมีความซับซ้อนและมีมุมมองที่เลือกเปิดเผยให้คนอื่นรับรู้ต่างกัน และบางทีเราอาจตกเป็นคนร้ายในเรื่องเล่าของใครบางคนอยู่ก็ได้
Anatomy of a Fall เรื่องราวของ ‘แซนดรา ‘นักเขียนนวนิยายชาวเยอรมัน ภรรยาผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆาตกรรม ‘ซามูเอล’ สามีชาวฝรั่งเศสของเธอที่ถูกพบนอนเลือดอาบอยู่บนกองหิมะหน้าบ้านอย่างเป็นปริศนา และพยานหนึ่งเดียวในเหตุการณ์คือ ‘แดเนียล’ ลูกชายผู้สูญเสียการมองเห็นจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่อาจเชื่อถือได้เลยว่า ความเป็นจริงแล้วสาเหตุการตายที่แท้จริงของพ่อคืออะไร และแม่ของเขาเป็นฆาตกรจริงหรือไม่
จะเห็นได้ว่าฉากหลังส่วนใหญ่เกือบทั้งเรื่องคือที่ศาล หลายๆ คนจึงให้นิยามหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนัง ‘Courtroom’ แต่นอกเหนือจากประเด็นการตายและการไต่สวนพิจารณาคดี ในระหว่างทางเราจะพบกับประเด็นที่น่าสนใจ และอาจเป็นสิ่งที่ตัวหนังต้องการจะสื่อสารกับคนดูจริงๆ มากกว่าแค่การหาตัวคนร้ายในการพิพากษา
ภาพยนตร์เรื่องนี้พาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของตัวละครทั้งสองที่มีมุมมองเรื่องอำนาจของคนในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ในเรื่องเราจะทราบว่า แซนดรา มีอาชีพเป็นนักเขียนนวนิยายที่ประสบความสำเร็จและกำลังไปได้สวย และดูเหมือนว่าเธอจะมีหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวมากกว่าสามี แต่ในขณะเดียวกันหน้าที่ของ ซามูเอล คือการสอนหนังสือให้ลูก ไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียน มีภาระที่ต้องรับผิดชอบภายในบ้าน ต้องซ่อมแซมบ้านเช่าเพื่อเอาเงินมาจ่ายหนี้สะสม เขาไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักเขียน ทั้งยังมีแผลในใจที่โทษตัวเองอยู่เรื่อยมาเรื่องที่ลูกชายประสบอุบัติเหตุจนทำให้ตาบอดเป็นเพราะตัวเขา เป็นเหตุให้เขาต้องกินยาและเข้าพบจิตแพทย์
ในขณะที่กราฟชีวิตและหน้าที่การงานของ แซนดรา ยิ่งพุ่งสูงขึ้นมากเท่าไหร่ กราฟของ ซามูเอล ยิ่งตกลงมามากเท่านั้น ภรรยาที่มีหนังสือออกมาเล่มแล้วเล่มเล่า ตัวสามีกลับยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เขาอ้างกับภรรยาว่าไม่มีเวลาได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเพราะถูกผูกติดอยู่กับภาระและหน้าที่มากมายที่ต้องรับผิดชอบ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบ เริ่มโยงปัญหาสารพัดเรื่องในอดีตขึ้นมาเพื่อหาเรื่องชวนทะเลาะ และต้องการที่จะเอาชนะ ทั้งเรื่องที่ภรรยานอกใจไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น ทั้งยังมีประเด็นที่ แซนดรา เอาไอเดียของเขามาเขียนต่อจนประสบความสำเร็จ เขาโทษที่เธอปล้นไอเดียสำคัญในการสร้างผลงานไป ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการตกลงกันแล้วว่าเธอสามารถนำผลงานนี้ไปเขียนใหม่ได้ นี่จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสถานะที่ต้อยต่ำกว่าภรรยา ค่านิยมที่ว่าเพศชายต้องเป็นผู้นำครอบครัวก็เริ่มสร้างรอยแผล จากคู่รักกลายมาเป็นคู่แข่งที่ต้องการจะเอาชนะอีกฝ่าย
ตัวเรื่องเผยให้เราเห็นสัญชาตญาณและธาตุแท้ของความเป็นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่พอจะพาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ที่ร่วงหล่น และเนื้อแท้ของความเป็นมนุษย์ได้อย่างชัดเจน คงเป็นคลิปเสียงบทสนทนาระเบิดอารมณ์ของทั้งคู่ที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในชั้นศาล จากการที่ได้ฟังยิ่งทำให้เราได้รู้ว่าทั้งสองมีวิธีคิดและวิธีรับมือกับปัญหาที่ต่างกัน ฝั่ง แซนดรา ไม่เชื่อเรื่องหลักตอบแทนในชีวิตคู่ เธอคิดว่าการนั่งหาเรื่องทะเลาะหรือพูดถึงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องเสียเวลา ในขณะที่ ซามูเอล หยุมหยิมกับปัญหาสารพัดเรื่องและมักกล่าวโทษว่าเธอเห็นแก่ตัว
คนที่โชคร้ายที่สุดในเรื่องคงหนีไม่พ้น แดเนียล ลูกชายผู้ที่ไม่รู้เลยว่ารอยร้าวและจุดแตกหักของผู้เป็นพ่อและแม่มันเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไร สิ่งที่เขาได้รับคือบาดแผลภายในจิตใจที่ต้องมาล่วงรู้ความลับและสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับพ่อและแม่ของตัวเอง เขาไม่รู้เรื่องที่แม่นอกใจไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น ไม่รู้ว่าพ่อต้องพบจิตแพทย์และกินยาแก้โรคซึมเศร้า รวมทั้งความลับที่ถูกซ่อนไว้อีกหลายต่อหลายเรื่อง
มาถึงตรงนี้แล้วชวนให้คิดว่า คนที่เป็นเหยื่อของเรื่องราวทั้งหมดนี้คือใครกันแน่ เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้กระทำและผู้ถูกกระทำในหลายๆ แง่มุม สรุปแล้วใครถูกใครผิด แล้วเราจะบาลานซ์ความสัมพันธ์นี้ได้อย่างไร?
ในทุกความสัมพันธ์ย่อมมีความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่คนเราจะยิ่งเผยธาตุแท้และสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ของตัวเองออกมามากขึ้นเท่านั้น ทั้งความเห็นแก่ตัว การอยากเอาชนะ โดยเฉพาะกับคู่รักการเปรียบเทียบกันเองที่ว่านี้อาจเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่นำไปสู่การทำลายความสัมพันธ์ในชีวิตคู่และทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา
ไม่ผิดที่ทั้งคู่จะแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเอง แต่บางครั้งในโลกแห่งความเป็นจริง ความรักที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ความเห็นแก่ตัว เหล่านี้อาจย้อนกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ของตัวเราเองการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวจึงควรที่จะต้องรู้จักลดทอนความยึดมั่นในความเป็นตัวตนของตัวเองลงบ้างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ไปต่อได้โดยที่ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเสียใจ
บทสรุปความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ยังมีสิ่งที่ซับซ้อนและมีอะไรให้ค้นหาและเรียนรู้อีกมาก การสำรวจเส้นทางและจุดจบของ Anatomy of a Fall คงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เราได้ตระหนักและเรียนรู้ว่า แท้จริงแล้วความสัมพันธ์และชีวิตคู่ก็เป็นแบบนี้ บทสรุปและจุดจบของรูปคดีไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไป เพราะแกนหลักของเรื่องคือการชี้ให้เห็นปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว การสะท้อนเนื้อแท้ของความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาที่อยากเป็นฝ่ายชนะ ไม่อยากรู้สึกด้อยกว่าเมื่อถูกเปรียบเทียบ มีความเห็นแก่ตัว ทั้งยังมีความซับซ้อนและเรื่องราวอีกมากมายที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สิ่งที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวของหนังสามารถเล่าออกมาได้อย่างแนบเนียนชวนให้คิดตามได้ตลอดเรื่อง
ใครที่รู้สึกว่าอยากทำความเข้าใจถึงสถานการณ์หรือเรื่องราวทั้งหมด สามารถรับชม Anatomy of a Fall ได้แล้ววันนี้บน Netflix คุณอาจจะได้รับมุมมองและแง่คิดในเรื่องความรักความสัมพันธ์มากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้
เรื่องโดย หยกพลอย จันทราภา