การกลับมาอีกครั้งกับเพลงสไตล์บัลลาดที่ห่างหายไปนานกว่าหกปีของอพาร์ตเมนต์คุณป้า ครั้งนี้เหล่าสมาชิก ตุล ไวฑูรเกียรติ, ปั๊ม-ปิย์นาท โชติกเสถียร, บอล-กันต์ รุจิณรงค์ ใหม่-ภู่กัน สันสุริยะ และ จ้า-ทรรศน์ฤกษ์ ลิ่มศิลา มาพร้อมกับความพิเศษที่ได้ ขลุ่ย-บริพัตร หวานคำเพราะ มือคีย์บอร์ดซัพพอร์ตของวงมาเรียบเรียงดนตรีส่วนใหญ่ของงานนี้ด้วยพาร์ตของเปียโนและดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่มาจากเบส-ซินธ์ ทำให้เพลงนี้มีรสชาติของความแปลกใหม่ทว่าลงตัวตามแบบฉบับของอพาร์ตเมนต์คุณป้า
Spacebar VIBE ได้มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับเบื้องลึกเบื้องหลังรวมถึงที่มาของบทเพลง “ตื่น ฟื้น ฝัน” และมิวสิกวิดีโอที่ทางผู้กำกับฯ ได้เลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองจิตวิทยาที่ว่าด้วยเรื่อง ความฝัน โดยมีกิมมิกที่ให้ผู้ชมสามารถเลือกตอนจบของเอ็มวีได้ด้วยตัวเอง ระหว่าง ‘ตื่น’ จากฝันร้ายเพื่อพบความจริงที่เจ็บปวดแต่มูฟออนได้ หรือ ‘ฝัน’ พื้นที่เดียวที่อาจมีโอกาสได้พบกันแต่อาจต้องหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ ในฐานะที่ถ้าเราเป็นนักจิตวิทยาคนนี้คุณจะเลือกตื่น หรือเลือกที่จะฝันต่อไป

ทำไมทางวงถึงกลับมาทำเพลงแนวบัลลาดอีกครั้งในรอบหกปี
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: เพลงนี้มันก็มีที่มานะ เราไม่ได้เลือกเพลงแต่เพลงมันเลือกเรา มาจากเหตุการณ์ในชีวิตที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียคนบางคนไป มันก็เลยเป็นเรื่องกระทบใจ แล้ววันหนึ่งด้วยความคิดถึงเลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมา เพลงนี้มันมีความเป็นเรื่องส่วนตัวที่พวกเราจะรู้กันเอง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและกระทบใจทุกคนที่เรารู้จัก ผมเชื่อว่าคุณผู้ฟังทุกคนมีบุคคลเหล่านี้อยู่ในชีวิต บุคคลที่คุณรักที่จากไปโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว
แต่ว่าเมื่อเขียนออกมาก็อยากให้คนฟังรับรู้ในแง่มุมอีกแง่มุมหนึ่งซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นแง่มุมเดียวกับเราก็ได้ เป็นการพูดถึงเรื่องชีวิตกับความฝันนี่แหละ เป็นการตั้งคำถามว่าจริงๆ แล้วชีวิตที่เราเป็นอยู่มันต่างจากความฝันยังไง
มันเป็นการตั้งคำถามเชิงจิตวิทยาด้วยนะ ให้เราเข้าใจเรื่องความฝัน ความคิดถึง ว่าแต่ละคนคุณตอบสนองกับความฝันของคุณยังไง และถ้าคุณต้องสูญเสียคนคนหนึ่งไปในชีวิตจริง การที่จะเลือกพบเขาได้ในความฝันตลอดไป กับการที่คุณมูฟออนจากความเจ็บปวด อยู่กับความเป็นจริงเพื่อให้ชีวิตเดินต่อไปได้คือเรื่องอะไร

การทำงานในพาร์ตดนตรีมีการวางคอนเซ็ปต์ไว้ยังไงบ้าง
ตุล: ผมอัดให้คุณปั๊มฟังก่อนเนอะ
ปั๊ม: ผมก็เริ่มจากการลงโปรแกรมที่บ้าน เป็นซินธ์-เบสให้เป็นอารมณ์ที่อยากให้รู้สึกว่าเป็นส่วนตัว ให้มันมีความใกล้ชิด แล้วก็เล่าเรื่องด้วยอารมณ์ที่มันโฟกัสมากๆ พูดใกล้ๆ หูเหมือนสะกดจิต
น่าจะเป็นเพลงแห่งความทรงจำประมาณหนึ่งด้วยหรือเปล่า
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: เป็นเพลงแห่งความคิดถึง คืออาจจะถูกตีความว่าเป็นความฝัน หรือเอาง่ายๆ ว่า เรามักพูดกันว่าเขาไปสบายเนอะ เขาได้ไปในที่ที่เขาชอบ มันก็คือหลายๆ คนเวลาเราเห็นคนที่จากไปเรามักจะพูดว่า อย่างน้อยเขาก็ไปสบายแล้ว โมเมนต์สุดท้ายเขาได้มีความสุขแล้ว ก็จะเป็นสิ่งที่เราพูดกันกับคนรอบตัว ถ้าเรามองในมุมนั้นเขาอาจจะได้มีความสุข ส่วนคนที่เหลือต่างหากที่มีความทุกข์ คือตราบใดที่เรื่องเล่ามันมีความหมายแล้วเราเมกชัวร์ว่าเราสามารถที่จะส่งต่อความรู้สึกออกไปทางเพลงทางเสียงดนตรีได้ตรงนั้นก็นับว่าตอบโจทย์แล้ว
คือเราต้องเมกชัวร์ว่าเราอินกับมัน เราฟังแล้วเราอิน แล้วเราก็รู้สึกว่านี่แหละเราอยากถ่ายทอดให้คนรู้สึกแบบนี้แบบที่เรารู้สึก ผมว่าตรงนั้นมันก็ตอบโจทย์อยู่แล้วในแง่ของการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดอารมณ์

เนื้อเพลงที่บอกว่า “ไม่เห็นอะไรนอกจากสีดำ” ตัวบทสรุปสุดท้ายแล้ว เพลงมันให้กำลังใจเรา หรือว่าจริงๆ แล้วมันต้องการที่จะบอกว่าความจริงแล้วโลกนี้มันคือการนิพพานบางอย่าง
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: คือความโศกเศร้า ความทุกข์มันคือเรื่องจริงที่คุณหนีไม่พ้น ผมก็คิดว่ามันเป็นอย่างนั้น
ก็แปลว่าการที่เราเห็นสีดำก็คือนั่นแหละโลกความจริง
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: เอาง่ายๆ ถ้าเราเจอเรื่องราวที่เศร้าใจ ไม่ใช่เราจะเป็นอย่างนี้นะ บางทีเราก็ต้องเผชิญกับความเศร้าแล้วก็ก้าวข้ามมันไป ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว

ทำเพลงมาตลอดสิบปี แต่ละเพลงที่ได้เขียนมาในช่วงหลัง ๆ ยังมีความท้าทายอยู่ไหม
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: คือผมจะเป็นคนคาดหวังน้อย เราเล่าเรื่องที่เราอยากเล่า ผมคิดแค่นี้ว่าถ้ามันมีเรื่องน่าเล่า และคิดว่าเราเล่าได้ในสไตล์ของเราก็น่าจะนำมันมาเล่าให้ฟัง แต่ถ้าเราไปคาดหวังว่าจะต้องเล่าเรื่องอย่างไรให้โดนใจคน อันนี้ผมว่าเดาไม่ถูกแล้วในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร แต่ว่าในฐานะของผู้ที่สังเกตตัวเองมาก็จะรู้สึกว่าชีวิตมนุษย์มีเรื่องเล่า เยอะบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกพร้อมจะเล่าออกมาก็น่าจะนำออกมาเล่า
มิวสิกวิดีโอที่เห็นเป็นการเล่าเรื่องผ่านจิตวิทยา อยากรู้ว่าการทำงานในพาร์ตที่เป็นมิวสิกวิดีโอเป็นอย่างไรบ้าง
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: ผู้กำกับฯ ทำหน้าที่ได้ดีมาก วิดีโอนี้ถ่ายได้สวยมาก เขาทำการบ้านเยอะมากผมได้แนะนำหนังสือเล่มหนึ่งให้เขาไปอ่าน ชื่อ The Interpretation of Dreams ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาว่าด้วยความฝัน คือเมื่อก่อนผมจะชอบอ่านหนังสือของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ วัยรุ่นยุคนี้ไม่ชอบแล้ว (หัวเราะ) ถ้าเราพูดถึงเรื่องของฟรอยด์เขาจะพูดถึงเรื่องของความฝันไว้เยอะ ซึ่งตรงนี้ผู้กำกับฯ เขาก็นำไปศึกษาแล้วก็นำเสนอออกมาเป็นเส้นเรื่องง่ายๆ คือการที่นักจิตวิทยาคนหนึ่งทุ่มเททั้งชีวิตกับการวิจัย เมื่อคนรักของเขาจากไปเขาเลือกที่จะนำผลการวิจัยของเขามาเยียวยาตัวเอง โดยการกินยาที่หลอกตัวเองให้ติดอยู่กับความฝัน นี่คือที่มาของเรื่องนี้

เขากลายเป็นคนที่ติดอยู่กับความฝันเหมือนติดยา ไม่ออกมาสู่โลกความจริงเสียที สุดท้ายแล้วเขาจะเลือกอะไรระหว่างความจริงที่เจ็บปวดแต่มูฟออนต่อไปได้ กับความฝันที่หลอกลวงจนต้องใช้ยาเสพติดหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ
กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: คือเดี๋ยวนี้ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรที่มันมากมาย ขอแค่ว่าเราได้ถ่ายทอดสิ่งที่เราอยากจะเล่าออกไป เราได้พบกับคนฟังบ้างเป็นระยะๆ เราก็แฮปปี้ ถ้าได้ออกไปพบปะผู้ฟังตามเวทีคอนเสิร์ตบ้าง ไปเล่นเพลงนี้สดๆ ให้ได้ฟังทีละเล็กทีละน้อย นี่ก็เป็นสิ่งที่คาดหวังไว้
พอเดินทางมาถึงตรงนี้แล้ว จะได้เห็นคอนเสิร์ตใหญ่ของอพาร์ตเมนต์คุณป้าไหม
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: ใหญ่สุดของเราก็คงไม่ได้ใหญ่มาก ปีหน้าอาจจะมีคอนเสิร์ตที่เราขายแผ่นซีดีด้วยแล้วก็มีการขายตั๋วด้วย ก็อยากจะมีสัก 500-600 ที่ คอนเสิร์ตเล็กๆ ของตัวเองอะไรแบบนี้มากกว่า แค่นั้นก็ถือว่าใหญ่แล้วนะสำหรับผม

ด้วยวัยที่เข้าสู่วัยกลางคน พอได้มาตระหนักว่าตัวเองอยู่ในวัยนี้ การมองชีวิตมันเปลี่ยนไปไหม
ตุล: ผมก็ปลงได้เยอะนะครับ ผมว่าเราอยู่กับความสูญเสียจนเรามองเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราแล้ว หลังๆ มาผมเป็นคนชอบค้นชอบคว้า จะอินกับเรื่องยีนมาก ยีนก็คือข้อมูลที่อยู่ในพันธุกรรมเรา กลายเป็นว่าจริงๆ ตอนนี้เราเป็นแค่หน่วยชีวิตหน่วยหนึ่งที่มีหน้าที่ส่งมอบพันธุกรรมต่อไป จริงๆ แล้วหน้าที่เราไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลยในจักรวาลนี้ เรามีหน้าที่เป็นแค่ท่อต่อข้อมูลเหมือนเราเป็น USB drive หรือหน่วยความจำหน่วยหนึ่งที่ส่งต่อข้อมูลนี้ไปเรื่อยๆ
หลังๆ มาได้ศึกษาธรรมะเราก็รู้สึกว่าโอเค นี่แหละ ตอนเด็กๆ เคยตั้งคำถามกับตัวเองไว้มาก แต่พอเราเริ่มแก่เราเริ่มรู้สึกว่า เป้าหมายสุดท้ายที่คนบอกว่าไม่อยากกลับมาเกิดอีกแล้วมันเป็นไปได้ไหม ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าเป้าหมายแบบนี้มันเป็นไปได้ อาจจะไม่ได้เกิดจากเราตอนนี้แต่มันมีคนทำได้และมันเป็นไปได้ หลังๆ มาแม้แต่เพื่อนผมเองก็มีความสนใจในด้านอะไรแบบนี้ แล้วมันก็มีความเป็นวิทยาศาสตร์สูงนะ ยิ่งเรามาศึกษาวิธีทำงานของสมองเรื่องข้อมูลในดีเอ็นเอในยีน หรือแม้แต่ตอนนี้ AI เกิดขึ้นมามันตอบโจทย์ เราอาจจะเป็นแค่ AI ชนิดหนึ่งที่อยู่ในโลกนี้ก็ได้
สมาชิกในวงพูดเสริมว่า “ตั้งแต่การมาถึงของ AI ผมว่ามันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก มันทำให้เรามาตั้งคำถามกับชีวิต กับเพลงใหม่เลยตอนนี้ว่าเรากับมันต่างกันยังไง มันเริ่มจะคล้ายกันทุกทีแล้ว”

ปัจจุบันที่ภาครัฐเริ่มมีการสนับสนุนดนตรีมากขึ้น จะพาดนตรีไทยไปสู่เวทีโลกในฐานะที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้เหมือนกัน มีมุมมองอย่างไรบ้างกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: เริ่มมีก็ถือว่าดีไม่ใช่ไม่ดี แต่อยากให้ภาครัฐเข้าใจถึงเนเจอร์ของซีนจริงๆ คือถ้ามาทำเพราะว่าตั้งเป้าปักธงไว้อย่างเดียวมันอาจจะไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ อยากจะให้ลงมาในซีนจริงๆ แล้วให้เห็นว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันเป็นยังไง
คำว่าความเป็นไทยจริงๆ มันกว้างมาก อยากให้มองว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมันคือของไทยทั้งนั้น ต่อให้เป็นกางเกงยีนส์ที่คนไทยทำก็คือของไทย อย่างเพลงร็อกที่เราเล่นดนตรีอาจจะเป็นของอเมริกาแต่ร็อกนี้ก็คือของไทย ดังนั้นเพลงไทยของไทย วัฒนธรรมไทย มันไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดกรอบอยู่แค่นั้น อะไรที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้มันคือวัฒนธรรม ความลื่นไหล ปรับเปลี่ยนได้และไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่ถ้าเริ่มให้คิดถึงวัฒนธรรมมันเป็นอะไรก็ได้ มันอยู่ในชีวิตประจำวันของเรานี่แหละมันก็จะง่ายขึ้น ตลาดเพลงบ้านเราสมัยนี้เด็กๆ หันมาทำเพลงฝรั่งกันเยอะ เลยทำให้สามารถจะไปในวงกว้างขึ้นได้ กลุ่มผู้ฟังคนไทยเองก็ฟังเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษเยอะขึ้น เปิดประตูใหม่ให้ตลาดเพลงบ้านเราออกสู่เอเชีย มันอาจจะเป็นโอกาสให้เฟสติวัลต่างๆ นานาเปิดกว้างให้ศิลปินไทยได้ไปเล่นมากขึ้น แต่ก็ต้องชื่นชมว่าถ้าคิดจะทำเรื่องนี้ก็ดี ดีกว่าไม่เริ่มครับ
ตอนนี้มองว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอนาคต
ตุล: ผมทำนายง่าย ๆ เหมือนกับที่เราพูดถึงเรื่องของ AI หรืออะไรอย่างนี้ใช่ไหม ผมพูดง่ายๆ ว่าในอนาคตมนุษย์สามารถจะอยู่เฉยๆ ได้ อยู่ได้โดยที่ไม่ต้องทำงานเลย ผมทำนายนะ AI มันจะเข้ามาทำงานแทนคน แล้วถ้ามนุษย์เราไม่ทำอะไรเลยคุณก็จะมีฐานรายได้ที่ต่ำสุด เขาเรียกว่า universal income มันจะต้องไปจบลงแบบนั้น

โรงงานใหญ่ๆ ที่ใช้ AI เยอะจะต้องเสียภาษีสูงเพื่อมาเลี้ยงดูคนที่ถูกผลักดันออกจากระบบแรงงาน แล้วเขาเหล่านั้นก็จะได้ universal income ซึ่งอาจจะไม่ได้เยอะแต่ก็เพียงพอที่จะรอดชีวิตได้ซึ่งมันจะต้องเป็นแบบนั้นเพราะว่าในอนาคตโครงสร้างประชากรจะเปลี่ยน มนุษย์ใหม่มันไม่มาเติม เดี๋ยวนี้มีสมรสเท่าเทียมแล้ว บางคนก็ไม่แต่งงาน ดังนั้นประชากรจะน้อยลง การเพิ่มผลผลิตมันทำได้อย่างเดียวคือการใช้โรบอทหรืออะไร พวกนี้มาทำแล้วมนุษย์ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยจะต้องยอมรับว่าเขาก็จะได้สวัสดิการจากภาครัฐแล้วก็ได้ universal income จากนั้น
ส่วนสกิลของมนุษย์ที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่ก็จะเป็นความเชี่ยวชาญอะไรที่มัน human touch การทำอาหาร นวดแผนไทย คืองานประเภทที่เป็นมนุษย์จริงๆ จะอยู่ได้ ส่วนงานไหนที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ความฉลาด ความจำ อาจจะไม่ต้องใช้เพราะเรามีเครื่องมือมาช่วย นั่นก็จะเป็นอีกระดับหนึ่งของมนุษยชาติ
พูดถึง AI แล้ว พูดถึงเรื่องโลกทุกวันนี้บ้าง แต่ละคนเติบโตมากับแนวคิดการรักษาสิ่งแวดล้อมยังไงบ้าง อะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ช่วยโลกได้จริงๆ
ตุล: ก็มีปลูกไม้ยืนต้น ปลูกป่าอะไรอย่างนี้ครับ ผมสนใจเรื่องพวกนี้ เพื่อนๆ ก็ชอบความสงบชอบธรรมชาติอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้มีหนังสือ a day มาสัมภาษณ์ผม มีคำถามหนึ่งถามว่าถ้าเราจะช่วยโลกทำได้ยังไง ผมบอกว่า ‘คนทุกคนควรจะเป็นแบบผม วิธีที่ผมช่วยโลกและสิ่งแวดล้อมคือการที่ผมไม่มีลูกก็ถือว่าผมช่วยสิ่งแวดล้อมแล้ว’
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: ไม่ใช่ว่าจะเกี่ยวกับ environment หรอก จริงๆ อายุคนเรามันสั้น เราควรจะทำตัวให้ดีกับคนรอบข้างผมว่าสำคัญ เพราะไม่รู้วันนี้พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น หมายความว่าอย่าสร้างบรรยากาศให้มัน toxic พยายามที่จะไม่ส่งพลังลบให้แก่กัน อันนี้เอาเท่าที่เห็นในสังคมทุกวันนี้นะ ไม่ว่าในข่าวหรืออะไรก็ตาม มันอาจจะไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ต้นไม้ใบหญ้า แต่ผมคิดว่าสุขภาพใจก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งบางวันอย่างที่เราเคยพูดว่า ณ วันที่แก่เราไม่ได้ไปงานรื่นรมย์แล้ว เราไปแต่งานโศกเศร้าซะส่วนใหญ่ ที่ผ่านมาในปีนี้ สัปดาห์นี้เราเสียคนไปสามคนแล้ว สำหรับผมช่วงที่ผ่านมานี้ หลายคนตั้งแต่ต้นปี ตามมาเป็นสิบๆ ก็เริ่มเห็นว่าเหลือกันไม่กี่คนแล้ว นั่นก็เป็นภาพรวม อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับ environment แต่มันก็ไม่ไกลกันนะผมว่า

นักดนตรีรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาเยอะมาก ในฐานะที่เป็นวงรุ่นพี่อยากจะฝากบอกอะไรไหม
อพาร์ตเมนต์คุณป้า: เขาเก่งกว่ารุ่นผมเยอะครับ เดี๋ยวนี้เขาทำอะไรได้มากกว่าเราเยอะ เวลาเจอเขาผมก็แค่บอกว่าเวลาทำดนตรีต้องใช้เวลา หลายๆ วงที่เก่งแล้วแต่ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จหรือมีชื่อเสียง ผมก็บอกว่ามันใช้เวลาอย่างเดียว ทำในสิ่งที่คุณถนัด ทำไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งดนตรีจะพาคุณไปสู่ที่ที่เหมาะสมกับคุณเอง ซึ่งที่ที่เหมาะสมอาจจะไม่ได้จำเป็นว่าคุณจะต้องโด่งดังนะ บางทีที่ที่เหมาะสมอาจจะมีคนดูแค่ 10 คน 50 คน แต่มันเหมาะสม เพราะตอนนี้ดนตรีทุกแนวมีที่ยืน ผมเห็นการจัดกิจกรรมดนตรี ตั้งแต่เมทัล ร็อก จนถึง industrial noise บางอย่างที่มันเป็นเสียง underground มันยังมีที่ให้ฟัง ดังนั้นไม่ต้องกลัวจะไม่มีคนฟัง ขอแค่อย่าหยุดทำ
ท้ายที่สุดนี้ขอให้ฝากผลงาน
ตุล: ตื่น ฟื้น ฝัน ขาดอีกประมาณเก้าแสนกว่าวิวจะครบล้านวิว เข้าไปกดหน่อยครับ ขาดอีกแค่เก้าแสนกว่าวิวเท่านั้นครับ ไม่เยอะ (หัวเราะ)
สามารถติดตามวง อพาร์ตเมนต์คุณป้า ได้ที่ Facebook: Apartment Khunpa
และ Instagram @apartmentkhunpa และ YouTube: Sanamluang Music
เรื่องโดย หยกพลอย จันทราภา