ส่องผลงานชาติอาเซียนในศึก เอเชียนคัพ ‘ช้างศึก’ จะอยู่ตรงไหน สู้ได้ไหม

เริ่มคิกออฟอย่างเป็นทางการมาได้ประมาณ 4 วันแล้ว สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย หรือ เอเชียนคัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ บรรดาทีมชาติอาเซียน และทีมชาติเล็กๆ ของทวีปเอเชีย ก็ลงแข่งกันไปหมดแล้ว และต้องบอกว่าหลายทีมมีผลงานที่ดูดีไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ชนะ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สู้ได้บ้าง มีลูกหือลูกอือให้ได้เห็น  

และวันนี้ก็ถึงคิวของ ทีมชาติไทย กันบ้างแล้วที่จะมีคิวลงเล่นนัดแรกกับ ทีมชาติคีร์กีซสถาน โดยทัพ ‘ช้างศึก’ ภายใต้การนำของเฮดโค้ชคนใหม่ชาวญี่ปุ่นอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ ได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องมาหนึ่งนัดกับทีมชาติญี่ปุ่น ในวันปีใหม่ โดยบุกไปแพ้มา 5-0 ท่ามกลางเพื่อนร่วมอาเซียนที่ทำผลงานได้ดี วันนี้เราเลยจะพาไปดูว่าแต่ละทีมผลงานหลังผ่านนัดแรกเป็นอย่างไรบ้าง และทีมชาติไทยจะทำได้ดีเหมือนชาติอื่นๆ หรือเปล่า

ชาติเล็ก ชื่อชั้นเป็นรอง แต่ก็พอสู้ได้ 

เริ่มจากทีมชาติที่มีชื่อชั้นเป็นรองทีมชาติใหญ่ๆ ในกลุ่มกันก่อน กับทีมแรกคือ ทีมชาติอินเดีย อันดับ 102 ของโลก ที่ในนัดประเดิมสนามพวกเขาต้องพบกับของแข็งอย่าง ทีมชาติออสเตรเลีย ทีมอันดับ 25 ของโลก ซึ่งแม้ตลอดทั้งเกมพวกเขาจะโดนแข้งออสซี่กระหน่ำเกมรุกทุกกระบวนท่าใส่ แต่ตลอดครึ่งแรกก็ต้องบอกว่าอินเดียทำหน้าที่ตัวเองได้ดี สามารถยันให้จบสกอร์ 0-0 ได้ ก่อนจะเริ่มมายวบด้วยพละกำลังที่เป็นรอง และพ่ายไป 2-0 

ส่วนอีกทีมคือ ทีมชาติฮ่องกง อันดับ 150 ของโลก ที่ลงเล่นเกมแรกเจอกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันดับ 64 ของโลก ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าฝั่งยูเออีที่เหนือกว่า ย่อมเป็นฝ่ายครองเกมส่วนใหญ่ แต่จากโอกาสการยิงที่เกิดขึ้นในเกมก็ต้องบอกว่า ฮ่องกง ไม่ได้เป็นรองมากนัก โดยมีโอกาสจบสกอร์มากถึง 16 ครั้ง ขาดแค่ความคมที่เป็นรอง แต่ก็ยังมีเกมบุกที่มาทำประตูตีเสมอได้ในช่วงครึ่งหลัง ถือว่าไม่เลวเลยกับการผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายในรอบครึ่งทศวรรษของพวกเขา

เวียดนาม ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 อาเซียน 

โดดเด่นสุดๆ คงไม่ใช่ทีมไหนนอกจากทัพ ‘ดาวทอง’ ทีมชาติเวียดนาม ที่แม้นัดแรกพวกเขาจะเจอทีมที่ดีที่สุดของเอเชีย และก้าวไปสู่ระดับโลกมากๆ แล้วตอนนี้อย่าง ‘ซามูไรบลู’ ทีมชาติญี่ปุ่น แต่ก็ต้องบอกว่าเวียดนามเหมือนจะตอกย้ำภาพให้ชัดเจนมากขึ้นว่าตอนนี้พวกเขาคือเบอร์ 1 ของอาเซียนจริงๆ เพราะแม้จะโดนขึ้นนำไปก่อน แต่ก็มาตีเสมอได้ แถมยังแซงนำได้อีกต่างหาก ซึ่งจุดเด่นของพวกเขาในเกมนี้คือลูกตั้งเตะที่แผลงฤทธิ์สุดๆ เจาะประตูญี่ปุ่นไปได้ 2 ลูก และแม้ว่าสุดท้ายจะแพ้ไป 4-2 จากความสมบูรณ์แบบของคู่แข่ง แต่ภาพรวมของเวียดนามก็ถือว่าทำได้ดีมากๆ ถ้าเทียบกับตอนที่เราบุกไปแพ้ญี่ปุ่นมา 

อีกทีมที่ไม่คิดว่าจะทำได้ดี แต่ก็ทำผลงานนัดแรกไปแบบที่เรียกว่าพอใช้ได้ก็คือ ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่แพ้ ทีมชาติอิรัก ไป 3-1 โดยรูปเกมรวมๆ ก็เป็นทางอิรักที่ครองเกมเป็นส่วนใหญ่ และได้ประตูขึ้นนำไปก่อน แต่จุดที่ทำให้ทัพ ‘การูด้า’ ดูโอเคเลยก็คือประตูตีเสมอ ที่พวกเขาขึ้นเกมมาได้สวยมากๆ เริ่มจากการที่ปีกขวาอย่าง ซาอูรี แตะลอดขาผู้เล่นอิรัก แล้วปาดไปเสาไกลให้ เฟอร์ดินาน ปีกซ้ายวัย 19 ปี แปปเน้นๆ เข้าไปไม่เหลือ ในขณะที่อีกทีมในภูมิภาคอาเซียนอย่างทัพ ‘เสือเหลือง’ ทีมชาติมาเลเซีย เป็นทีมที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังมากที่สุด เพราะแม้จะมีเกมที่สูสีกับ ทีมชาติจอร์แดน แต่กลับไม่มีความคมเอาซะเลย บวกกับเกมรับที่อ่อนยวบก็ทำให้แพ้ไปแบบหมดรูป 4-0

บทพิสูจน์ยุคใหม่ของ ช้างศึก 

ทีนี้ก็มาถึง ทีมชาติไทย กันบ้าง โดยนัดแรกเราเตรียมเจอกับทีมชาติคีร์กีซสถาน ในเวลา 21.30 น. คืนนี้ ซึ่งอย่างที่รู้ๆ กันแล้วว่ารอบนี้เราคาดผู้เล่นความหวังไปถึง 2 คน ทั้ง ‘เมสซี่เจ’ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ‘เจ้ามุ้ย’ ธีรศิลป์ แดงดา แต่ว่าตำแหน่งอื่นๆ ก็ยังอยู่กันครบ และทางด้าน มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ช กับ ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีม ก็ยังเชื่อมั่นว่าผู้เล่นที่มีอยู่มีคุณภาพมากพอในการพบกับทีมอื่นๆ และหวังจะผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มไปได้ แล้วจากที่แฟนบอลเห็นการเจอกับทีมชาติญี่ปุ่นในช่วงปีใหม่ แม้เราจะแพ้ไปถึง 5-0 แต่แฟนบอลส่วนใหญ่ก็มองไปในทางเดียวกันว่ารูปแบบการทำทีมของ อิชิอิ นั้นดูมีความชัดเจนมากกว่าในยุคของ มาโน่ โพลกิ้ง สำหรับสถิติก่อนหน้านี้ ไทย ยังไม่เคยเจอ คีร์กีซสถาน ในฐานะผู้เล่นชุดใหญ่เลย มีแต่ทีมชุดเล็กที่เคยเจอกันใน เอเชียนเกมส์ ปี 2006 ซึ่งเป็นไทยที่เอาชนะได้ 2-0 

ส่วนความน่ากลัวของทีมชาติคีร์กีซสถานที่เราต้องจับตามองเลยก็คือ รูปร่างของผู้เล่นที่สูงใหญ่ และมีพละกำลังที่แข็งแกร่งไม่แพ้ชาติอื่นๆ ในเอเชียเลย ซึ่งเดิมทีแล้ว คีร์กีซสถาน คือประเทศที่แยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียต หรือ ประเทศรัสเซีย ทำให้ร่างกายก็ดูเหมือนกับนักเตะยุโรป ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ทำฟุตบอลทีมชาติด้วยการเอารูปแบบของฟุตบอลเยอรมนีมาเป็นต้นแบบ บวกกับใช้บริการโค้ชจากยุโรปเป็นส่วนใหญ่ เลยทำให้สิ่งที่ไทยต้องระวังมากๆ มีอยู่สองอย่าง คือการโจมตีจากลูกกลางอากาศ รวมไปถึงการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น และโต้กลับด้วยความรวดเร็ว  

คงต้องมารอดูกันว่าทาง อิชิอิ จะมีแผนรับมือกับเกมนี้ยังไง และจะพาทัพ ‘ช้างศึก’ ไปได้ไกลแค่ไหนในเอเชียนคัพหนนี้ อย่าลืมให้กำลังใจทีมชาติไทยกันนะครับ วันนี้ 21.30 น. พร้อมเพรียงกันหน้าจอผ่านช่อง PPTVHD36