นัดชี้ชะตาช้างศึก! พรีวิวก่อนเกม ไทย พบ เกาหลีใต้

21 มีนาคม 2567 - 04:00

Before-Thailand-VS-South-Korea-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ทีมชาติไทย เตรียมบุกเยือน ทีมชาติเกาหลีใต้ ในโปรแกรมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบ 2 โซนเอเชีย

  • สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างบีบบังคับมากๆ ให้ต้องมีแต้ม เพื่อรักษาโอกาสในการได้ผ่านเข้ารอบต่อไป

นับเวลาถอยหลังเหลืออีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงศึกชี้ชะตาครั้งสำคัญของทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย กับการบุกไปเยือนพบกับของแข็งอย่างทัพ ‘โสมขาว’ หรือ ‘เสือขาวแห่งเอเชีย’ ทีมชาติเกาหลีใต้ ที่สนามโซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม ประเทศเกาหลีใต้ ในโปรแกรมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบ 2 โซนเอเชีย นัดที่ 3 โดยตอนนี้ เกาหลีใต้ นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ชนะ 2 นัดรวด เก็บ 6 คะแนนเต็ม แถมยิงไป 8 ประตู โดยไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว ในขณะที่ ทีมชาติไทย ของเรา ชนะ 1 นัด แพ้ 1 นัด มีอยู่ 4 คะแนน ลูกได้-เสียบวก 1 ดีกว่า ทีมชาติจีน ทำให้ตอนนี้รั้งอยู่อันดับ 2 ของกลุ่ม 

อย่างที่ทราบกันดีว่านี่ไม่ใช่งานง่ายของ ‘ช้างศึก’ เพราะต้องเจอกับทีมหัวแถวของเอเชียในบ้านของพวกเขา วันนี้เราเลยมีประเด็นสำคัญก่อนการเจอกันช่วงเย็นนี้ของทั้งสองทีมมาฝากกัน

Before-Thailand-VS-South-Korea-SPACEBAR-Photo01.jpg

สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องมีแต้ม  

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ทีมชาติไทย ตอนนี้อยู่อันดับที่ 2 ของกลุ่มได้ก็เพราะว่าเรามีลูกได้-เสียที่ดีกว่า ทีมชาติจีน โดยปัญหาความกดดันในการเจอกันนัดนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ที่ทัพ ‘ช้างศึก’ ได้ลงเล่นในนัดแรกของรอบนี้ด้วยการเปิดบ้านเจอ ทีมชาติจีน ในช่วงที่ มาโน่ โพลกิ้ง ยังเป็นกุนซืออยู่ ความคาดหวังตอนนั้นของแฟนบอลและทีมคือตั้งเป้าที่จะเก็บ ‘3 แต้ม’ ให้ได้ เพื่อที่จะช่วยให้นัดที่เหลือไม่ยากมาก ส่งผลดีถึงการเข้ารอบต่อไป พอดูภาพรวมแล้วก็คิดว่าน่าจะทำได้ทั้งการที่ได้เล่นในบ้านก่อน นักเตะก็เป็นชุดที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ดีที่สุด’ เท่าที่จะมีได้ บวกกับฟอร์มก่อนมาเจอไทยของจีนก็ไม่ได้ดีเหมือนก่อน  

เริ่มเกมมาได้ไม่นานทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปแบบ ‘ตามคาด’ เมื่อ สารัช อยู่เย็น ตะบันแบบสุดสวยให้ไทยนำตั้งแต่นาทีที่ 23 แต่ก็ดีใจกันได้แป๊บเดียวก็มาโดนตีเสมอในนาทีที่ 29 หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็มีโอกาสจวนเจียนจะได้ประตูขึ้นนำทั้งคู่ แต่ก็ยังไม่มีใครเฉียบคมพอ สุดท้ายหลายๆ อย่างที่คาดหวังไว้ก็ ‘พังทลาย’ เพราะจีนมาขึ้นนำ 1-2 ในนาทีที่ 74 และจบเกมไปด้วยสกอร์นั้น จากที่หวังไว้ 3 แต้ม ค่อยๆ ลดลงมาเหลือ 1 แต้ม ในที่สุดก็กลับกลายเป็น ‘0 แต้ม’ ประเดิมนัดแรกแบบเจื่อนๆ พร้อมกับสายฝนที่ถาโถมมาในเกมนั้น แม้นัดที่สองเราจะบุกไปชนะสิงคโปร์ 3-1 แต่ก็ไม่ดีพอที่จะทำให้มาโน่ได้อยู่ต่อ เพราะเป้าหมายที่เขาต้องทำให้ได้มันจบไปตั้งแต่นัดแรกแล้ว จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้นี่จะเป็น ‘งานหนัก’ ของ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือคนปัจจุบันที่อย่างน้อยจำเป็นจะต้องมีสักแต้ม หรือถ้าพลาดแพ้ก็ต้องแพ้ให้น้อยที่สุด

Before-Thailand-VS-South-Korea-SPACEBAR-Photo02.jpg
Before-Thailand-VS-South-Korea-SPACEBAR-Photo03.jpg

ช้างศึกยุคใหม่ของอิชิอิ ‘ดูดีมีระดับ’ ใช้ได้ 

ต่อเนื่องด้วยการที่ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น เข้ามาเป็นกุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ และทำให้แฟนบอลเห็นแล้วว่าการทำงานของเขา ‘อัพเกรด’ ช้างศึกเชือกนี้ให้ดูแกร่งขึ้นพอสมควรภายในเวลาแค่ไม่นานหลังจากรับตำแหน่ง ชัดเจนที่สุดก็ในทัวร์นาเมนต์สำคัญตอนต้นปีอย่าง ‘เอเชียนคัพ’ ที่ฟอร์มหรูหราตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม เข้ารอบได้แบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย แถมยังยันเสมอ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ไปได้ 0-0 อีกต่างหาก จบรอบแบ่งกลุ่มแบบไม่เสียเลยสักประตู ต่อด้วยการเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่แม้จะตกรอบแพ้ ทีมชาติอุซเบกิสถาน 2-1 แต่ผลงานในวันนั้นที่เราพับสนามบุกใส่ทีมระดับต้นๆ ของเอเชียได้ ก็ทำให้เห็นกลายๆ ว่าตอนนี้รูปทรงทีมที่ อิชิอิ วางไว้น่าจะเดินมา ‘ถูกทาง’ แล้ว

Before-Thailand-VS-South-Korea-SPACEBAR-Photo04.jpg

ช้างศึกชุดที่ ‘พร้อมที่สุด’ ในเวลานี้ 

ประเด็นสุดท้ายคือตัวผู้เล่นที่คราวนี้ได้ ‘เมสซี่เจ’ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับมาอยู่ในทีมอีกครั้ง หลังจากบาดเจ็บจนชวดไปเล่นในเอเชียนคัพ บวกกับขุมกำลังที่ฟอร์มดีต่อเนื่องจากช่วงต้นปีและไทยลีกช่วง 1–2 เดือนที่ผ่านมา ก็อยู่ในขุมกำลังชุดนี้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น ปฏิวัติ คำไหม, สรานนท์ อนุอินทร์ สองผู้รักษาประตูฟอร์มดี และ บุญยเกียรติ วงค์ษาแจ่ม นายด่านหน้าใหม่ที่ติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ในขณะที่แผงหลังก็ได้แก่ ธีราทร บุญมาทัน เหมือนเดิม พร้อมด้วยกำลังสำคัญอีกหลายคนอย่างเช่น นิโคลัส มิคเกลสัน, พรรษา เหมวิบูลย์, เอเลียส ดอเลาะห์ และ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ เป็นต้น ส่วนกองกลางนอกจากชนาธิปแล้วก็ยังมี วีระเทพ ป้อมพันธุ์, สารัช อยู่เย็น, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ สุภโชค สารชาติ ปิดท้ายด้วยแนวรุกที่นำมาโดย ศุภชัย ใจเด็ด เหมือนเดิม มาพร้อมกับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, บดินทร์ ผาลา, รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก และการกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งของ ปรเมศย์ อาจวิไล  

จากรายชื่อที่ไล่เรียงมาก็เรียกได้ว่าจัดเต็มที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วในเวลานี้ จากนี้ไปก็อยู่ที่รายละเอียดในแผนการเล่นของ อิชิอิ และสมาธิกับวินัยของผู้เล่นทุกคน ถ้าทำสำเร็จโอกาสเก็บแต้มเชื่อว่ามีแน่นอน สุดท้ายถึงแม้นี่จะเป็นงานยากของ ‘ช้างศึก’ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันยากจนทำไม่ได้  

หกโมงเย็น กดเปิดไทยรัฐทีวี ช่อง 32 มาให้กำลังใจและเชียร์ทีมชาติไทยไปพร้อมๆ กัน ‘สู้ๆ นะช้างศึก’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์