น้ำท่วมเชียงใหม่หนนี้ หลายเสียงบอกว่า “ท่วมหนักที่สุดในรอบ 50 ปี” หรือบ้างก็ว่า 100 ปี แต่พอฟังคนเชียงใหม่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี บอกว่า ยังไม่เคยเห็นหนักเท่านี้
สรุปว่าน้ำท่วมครั้งนี้หนักแค่ไหน!?
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ทวีศักดิ์ ระมิงค์วงศ์ บอกว่า “หนักสุดในรอบ 500 ปี”
ดร.ทวีศักดิ์ เขียนไว้ใน บันทึกวิชาการ มหาอุทกภัยเชียงใหม่ 2567 (500-year Return Flood) ว่า ในทางวิชาการนิยามคำว่า 500-year Return Flood หรือน้ำท่วมคาบ 500 ปี หมายความว่า เป็นน้ำท่วมที่มีโอกาสเกิด 1% ทุกๆ 500 ปี ไม่ใช่เป็นน้ำท่วมธรรมดาๆ ยากที่จะเกิด แต่มีโอกาสเกิด ในระยะหลัง มีการศึกษามากขึ้น พบว่าจริงๆ มีโอกาสเกิดมากถึง 38 % ไม่ใช่แค่ 1 %

กรณีเชียงใหม่หมายความว่า มหาอุทกภัยระดับนี้จะมีโอกาสเกิด 1-38 % ในทุกๆ 500 ปี ที่เสนอว่าน้ำท่วมครั้งนี้เป็น 500-year Return Flood ก็เพราะว่ามีหลักฐานว่าน้ำท่วมใหญ่ขนาดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 500 ปีก่อน ได้มีการบันทึกไว้ว่า น้ำได้ท่วมเข้ามาเกือบถึงประตูท่าแพ (ชื่อเดิมประตูเชียงเรือก)

ครั้งนั้นมีเด็กถึงกับ “ดิกน้ำ” ตายไปหลายศพ (“ดิกน้ำ” เป็นคำเมือง หมายความรวมว่าเกิดอาการสำลักน้ำ ทุรนทุราย แล้วก็จมน้ำตาย) ตรงกับที่ผมได้ไปเห็นและรายงานระดับน้ำท่วมที่กินลึกเข้ามาเกือบถึงประตูท่าแพ ขัอมูลระดับน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ นักวิชาการจะทำการบันทึกลงไว้บนแผนที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประโยชน์ในการวางแผนการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ ว่าพื้นที่ใดมีโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมถึงบริเวณไหนอย่างไร อันนี้หมายรวมถึงข้อมูลของน้ำท่วมในคาบ 50, 10, 200 ปีและอื่นๆ ด้วย
มาถึงตรงนี้ผมต้องขอบคุณพญามังรายที่ได้สร้างตัวเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ (หมายถึงพื้นที่ในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่) ที่ปลอดจากน้ำท่วมในคาบ 700 กว่าปีมานี้ ประสบการณ์จากน้ำท่วมเวียงกุมกามอย่างหนักทุกๆ ปี คงทำให้พระองค์ไม่พลาดในการกำหนดตำแหน่งเมืองเชียงใหม่

ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ โดย อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว ระบุว่า “...ปีกาบสัน สก 886 ตัว น้ำคานน้ำถ้วมเชียงเรือก คนมาเข้ากาดยังข่วงสรีภูมิ คนดิกน้ำตายมากนัก...”
อุทกภัยใหญ่ ก่อนสิ้นรัชกาลพระเมืองแก้ว 1 ปี ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ระบุว่าน้ำปิงเอ่อท่วมขึ้นมาถึงเชียงเรือกคือย่านท่าแพปัจจุบัน จนต้องย้ายตลาดไปยังข่วงศรีภูมิบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเป็นการชั่วคราว

ครั้งนั้นมี “คนดิกน้ำตาย” คือคนจมน้ำตายเป็นอันมาก เพราะกาดเชียงเรือกเป็นพื้นที่เศรษฐกิจต่อเนื่องจากกาดหลวงกลางเวียง (ลีเชียง) ที่ลากยาวจากหน้าวัดพระสิงห์ลงไปประตูเชียงเรือก (ประตูท่าแพชั้นในหรือประตูท่าแพปัจจุบัน) ถึงประตูท่าแพ (ชั้นนอก) จรดท่ามหาสถานหรือท่าเรือหลวง มีคนทั่วสารทิศทั้งในและนอกอาณาจักรมาเข้ากาดตรงนี้
ถือเป็นน้ำท่วมเชียงใหม่ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งที่อาลักษณ์ถึงกับต้องบันทึกแทรกไว้ระหว่างเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองช่วงปลายยุคทองของล้านนาสมัยราชวงศ์มังราย
น่าสังเกตว่า ปีกาบสัน จ.ศ.886 (พ.ศ.2067) ถึงปัจจุบัน คือปีกาบสี จ.ศ. 1386 (พ.ศ. 2567) ครบรอบ 500 ปี พอดี...
น้ำท่วมภาคเหนืออาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คราวนี้หนักไม่ธรรมดา มันคือยิ่งกว่า จึงน่าจะหาคำตอบ ถึงสาเหตุโลกร้อน สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ป่าหาย ระบายน้ำผิด ฯลฯ


เราคงย้ายเมืองเชียงใหม่หนีไม่ได้และต้องรับกับชะตากรรมนี้ จึงต้องเข้าใจให้จริง จะได้อยู่ต่อไปให้ได้กับเชียงใหม่ที่รัก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคนพื้นถิ่น และเมืองนอนของใครอีกหลายคน
อ้างอิง:
- ข้อความบางส่วนมาจาก FB: Wichaya Makaew ของอาจารย์วิชญา มาแก้ว
- อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว, เดวิด เค. วัยอาจ. (2547). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. เชียงใหม่: ซิลค์เวอร์มบุคส์., หน้า 110.