สำหรับ BrandThink ความหลากหลายเป็นเหมือนวัตถุดิบชั้นยอดสำหรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์สำหรับโลกยุคใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องของความแตกต่างของเนื้อหา แต่รวมถึงการนำทักษะต่าง ๆ มารวมกัน เพื่อเติมเต็มคอนเทนต์แต่ละแบบออกมาใหม่ สมบูรณ์และตอบโจทย์ได้มากที่สุด
วันนี้เราจึงขอชวน เอกลักญ กรรณศรณ์ Managing Director ของ BrandThink มาพูดคุยถึงภาพยนตร์มวยไทยอย่าง 5th Round และ HALABALA หนัง Horror เรื่องแรกจากค่าย BrandThink Cinema ที่จะเข้าฉายในปีนี้
มาพูดถึง BrandThink Cinema กันหน่อย
ปี 2024 นี้ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง?
ยูนิตใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องอย่าง Cinema Studio ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของโลกภาพยนตร์ที่นำเสนอความเชื่อในแบบฉบับของ BrandThink และเป็นอีกหนึ่งยูนิตที่นำเอาองค์ความรู้จากหลายฝ่ายมาผสมผสาน มีเนื้อหาที่ลึกและกว้างในแบบฉบับของคอนเทนต์ มีมุมมองในเรื่องการตลาด รวมถึงมีกลยุทธ์การทำงานที่น่าสนใจอเบื้องหลังแต่ละโปรเจกต์ และก้าวขึ้นมาเริ่ม Distribute ภาพยนตร์ผ่านบริษัทที่ชื่อ SMALT อีกด้วย
“เราใช้ความเป็น Hybrid Content Creator เข้าไปขยี้ เพราะเรามองว่าหนังอาจจะไม่ได้เป็นแค่หนัง แต่สามารถเป็นแคมเปญ เป็นยูนิเวิรส์คอนเทนต์ที่ส่งเสริมหนังให้ไปได้ไกลขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบทความ วิดีโอขนาดสั้น บทสัมภาษณ์ และอื่น ๆ และที่ BrandThink Cinema เราทำหนังเต็มที่ปีหนึ่งก็ได้แค่ 3-4 เรื่อง แต่เราอยากอยู่ใน Every Moment ของกลุ่มผู้ชม ก็เลยคิดว่าการนำหนังเข้ามาฉายก็เป็นส่วนที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น อย่าง Zone of Interest เอง ก็เป็นหนังที่ provocative ชวนให้มอง ชวนให้คิดต่อ มันตรง DNA เราทุกคำ เป็นการเปิดรับรสชาติใหม่ๆ ของภาพยนตร์ที่เราชอบ”
หรืออย่าง 5th Round ที่กำลังจะเข้าฉายในปีนี้ ทีม BrandThink เองก็บอกว่าหนังมีความเป็นตัวตนของพวกเขาสูงมาก เพราะเป็นภาพยนตร์ที่จะพาไปสำรวจชีวิตนักมวยทั้ง 4 รุ่นพร้อมเรื่องราวในแวดวงมวยไทยที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะใช้ Real Footage ในการเล่าเรื่อง เป็น Unsrcipted by scripted ที่เหมือนไม่มีสคริปต์แต่ถูกเรียบเรียงจัดวางอย่างตั้งใจโดยผู้สร้าง เป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงอย่าง รวี พิริยะพงษ์ศักดิ์
หรือปลายปีก็จะมีโปรเจกต์อย่าง HALABALA ซึ่งนับว่าภาพยนตร์เรื่องแรกของพี่เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ คนเขียนบทภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น 13 เกมสยอง สี่แพร่ง โดย HALABALA จะเป็นหนัง Creative Horror ในรสชาติใหม่ที่เมืองไทยไม่เคยมี และถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์สำคัญที่เอกลักญเองชวนให้ทุกคนรอติดตาม
แล้วการทำ Cinema Studio กับการทำโฆษณา
จะ Blend-in เข้าหากันได้อย่างไร?
อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือแนวคิดเรื่อง ROI Marketing (Return of Investment Marketing) ที่เขามองว่า Studio และแบรนด์สามารถเติบโตไปได้พร้อมๆ กัน เพราะแบรนด์สามารถเข้ามาลงทุนในแง่ของการตลาดที่มีโอกาสคืนทุนได้
“เราเชื่อว่าแคมเปญหนึ่งแคมเปญ แบรนด์จะใช้เงินค่อนข้างเยอะ ถ้าเราสามารถที่จะสร้างสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดได้ด้วย สามารถ blend-in เข้าไปในสคริปต์ได้อย่างลงตัว สิ่งนี้ก็จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้ชมได้ง่าย โดยเฉพาะงาน long form ที่เป็นงาน storytelling ที่ผู้คนเปิดรับกันอยู่แล้ว นอกเหนือจากนั้นแบรนด์ยังสามารถทำแคมเปญ คอนเทนต์ รายล้อมภาพยนตร์เหล่านั้นต่อได้อีกด้วย”
เขาเสริมว่า ROI Marketing เป็นโมเดลธุรกิจที่แบรนด์สามารถหารายได้ได้จากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นเข้าโรงภาพยนตร์ ลงพื้นที่แพลตฟอร์มอย่าง OTT รวมถึงการนำไปฉายต่างประเทศ ทำให้สิ่งนี้เป็นเหมือนแนวคิดที่ตอบโจทย์การตลาดและการทำให้ภาพยนตร์สามารถมีพื้นที่สำหรับคนดูได้แบบยั่งยืน
“ในปีนี้เราก็มีงานทั้งในส่วนที่เรารับผลิตอย่างอังคารคลุมโปงของ Netflix, หนังวายเรื่องแรกอย่าง Caged Again ของ WETV หรือจะเป็นโปรเจกต์ภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อยู่สองเรื่องคือเรื่องที่พูดถึงอย่าง 5th Round และ HALABALA ก็ถือเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับพวกเรา”
สัมผัสประสบการณ์ครั้งใหม่ไปกับภาพยนตร์ของ BrandThink Cinema พร้อมติดตาม 5th Round และ HALABALA ที่เตรียมเข้าฉายเร็ว ๆ นี้
