ไขข้อสงสัย เวลาเจอสาวสวยเซ็กซี่เลือดกำเดาจะไหลเหมือนในการ์ตูนจริงไหม?

ย้อนกลับไปในยุคสมัยที่เทคโนโลยียังไม่เจริญเท่าไรนัก ไม่มีโทรศัพท์มือถือ หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ต ในช่วงเวลานั้น เราต่างเคยมีเพื่อนแก้เหงาเป็นการ์ตูนแอนิเมชัน หรือหนังสือมังงะด้วยกันทั้งนั้น บางคนอาจมีเพื่อนที่เต็มไปด้วยความฝันและรักการผจญภัยอย่าง วันพีซ (One Piece) บางคนอาจมีเพื่อนเป็นคนทะลึ่งทะเล้นอย่าง ชินจัง (Shin- Chan) หรือบางคนอาจมีเพื่อนเป็นกลุ่มสาวตาหวานที่รักความยุติธรรมอย่าง เซอเลอร์มูน (Sailor Moon) แม้เราจะมีเพื่อนที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหล่านี้มีเหมือนกันคืออาการ ‘เลือดกำเดาไหล’ เมื่อได้เจอเพศตรงข้ามที่แสนเซ็กซี่และเย้ายวนใจ  

อาการเลือดกำเดาไหล เป็นภาพการกระทำที่แสนจะคลีเชของตัวการ์ตูน ไม่ว่าจะในการ์ตูนเรื่องใด เก่าหรือใหม่ ก็ต้องมีภาพนี้โผล่มาให้เห็นกันตลอด จนเกิดเป็นคำถามว่า ‘ในชีวิตจริงคนเราสามารถเลือดพุ่งกระฉูดได้ขนาดนั้นจริงหรือ?’ 

อันที่จริงแล้ว ภาพหรือฉากเลือดกำเดาไหลที่เรามักเห็นกันในการ์ตูน เกิดจากไอเดียที่ว่าเมื่อวัยรุ่นมีฮอร์โมนพลุ่งพล่านเต็มเปี่ยม การถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศจากบางสิ่งที่พบเห็นสามารถทำให้ความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้น เกิดภาวะเส้นเลือดแตก และทำให้เลือดกำเดาไหลในที่สุด

เชื่อกันว่า ‘ยาสึจิ ทานิโอกะ’ (Yasuji Tanioka) นักวาดการ์ตูนญี่ปุ่นยุค 70s คือศิลปินคนแรกที่นำเสนอความเชื่อนี้ผ่านผลงานเรื่อง Yasuji no Mettameta Gaki Dou Kouza (1971) ก่อนที่เทคนิคการแสดงความรู้สึกนี้จะเริ่มถูกใช้อย่างแพร่หลาย และกลายเป็นบรรทัดฐานของการแสดงอารมณ์ในที่สุด 

โนบุยูกิ ซึกาตะ (Nobuyuki Tsugata) นักประวัติศาสตร์ด้านแอนิเมชั่นญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยเกียวโต เซกะ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเขาคิดว่าสาเหตุที่ทำให้อาการเลือดกำเดาไหลกลายเป็นรูปแบบการแสดงออกทางเพศที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในโลกอนิเมะนั้น เกิดจากความต้องการของศิลปินที่อยากส่งสารถึงผู้ชมให้ได้ชัดเจนที่สุด 

“ความตื่นเต้น เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในใจ เพื่อแสดงความรู้สึกนั้นของตัวละครออกมา ศิลปินจำเป็นต้องใช้สัญลักษณ์ทางกายภาพ เช่น อาการเลือดกำเดาไหล เพื่อแสดงภาพความตื่นเต้นที่เกินจริง ซึ่งทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจได้ง่ายและยังสามารถมอบความรู้สึกตลกได้อีกด้วย”

แล้วในชีวิตจริง เราสามารถเลือดกำเดาไหลเมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศได้หรือไม่? 
อาการเลือดกำเดาไหลเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางครั้งอาจเกิดจากการแคะจมูก การสัมผัสอากาศแห้งเป็นเวลานาน จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ดื่มแอลกอฮอล์หนักเกิน สัมผัสสารเคมีระคายเคือง หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamines) ที่ทำให้โพรงจมูกแห้งและเป็นเหตุให้เลือดกำเดาไหล เป็นต้น  

แม้จะมีสาเหตุมากมาย แต่ในระดับวิทยาศาสตร์ ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าอาการเลือดกำเดาไหลสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีอารมณ์ทางเพศ  

จากบทสัมภาษณ์ของ ดร.โคอิจิโระ คานายะ (Dr. Kouichirou Kanaya) ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก ชี้ให้เห็นว่า แม้การมีเพศสัมพันธ์จะสามารถเพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจได้ แต่เลือดกำเดาไหลเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากกิจกรรมนั้น

แม้บทสัมภาษณ์ของคะนะยะจะทำลายภาพจำความเชื่อวัยเด็กของเราลงไป แต่ไม่นานนักความเชื่อนั้นก็ได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง เมื่อเราได้พบกับบทความที่แสดงให้เห็นว่าอาการเลือดกำเดาไหลอาจมีส่วน ‘เกี่ยวข้อง’ กับกิจกรรมทางเพศ 

ดร.มาร์ก กริฟฟิธส์ (Mark Griffiths) ศาสตราจารย์พิเศษด้านพฤติกรรมการเสพติดและผู้อำนวยการวิจัยการเล่นเกมระดับประเทศ แผนกจิตวิทยา มหาวิทยาลัยนอตติงแฮมเทรนต์ ประเทศอังกฤษ พบว่ามีเอกสารทางการแพทย์หลายฉบับที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายสามารถมีเลือดกำเดาไหลขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ หากมีการใช้ยาซิลเดนาฟิล (ไวอากร้า) หรือทาดาลาฟิล (เซียลิส)

ทำไมไวอากร้าและเซียลิสถึงทำให้เลือดกำเดาไหล? 
ไวอากร้าและเซียลิสมีสรรพคุณที่ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายมีการแข็งตัวมากขึ้น ซึ่งบริเวณจมูกมีเนื้อเยื่อที่แข็งตัวอยู่แล้ว เมื่อทานยานี้เข้าไปจึงสามารถทำให้เกิด อาการคัดตึงจมูกและทำให้เลือดกำเดาไหลในที่สุด 

เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว! แม้ความจริงนี้อาจทำให้ภาพความเชื่อและความทรงจำวัยเด็กของเราสั่นคลอน แต่ก็ทำให้เราได้เห็นว่าเลือดกำเดาไหลสำคัญอย่างไรในโลกการ์ตูน มันเป็นภาพแสดงความยิ่งใหญ่ของอารมณ์ทางเพศที่เคยทำให้เราหัวเราะและเข้าใจตัวละครมากขึ้น แม้ในโลกของความจริงจะยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าการมีเพศสัมพันธ์ หรือการเกิดอารมณ์ทางเพศสามารถทำให้มีเกิดเลือดกำเดาไหลเองตามธรรมชาติ แต่ก็ยังมีงานวิจัยที่ทำให้ความเชื่อนี้พอจะอยู่ได้ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับบทความ และแวะเวียนกลับไปเยี่ยมเพื่อนเก่าวัยเด็กกันบ้างนะคะ