วันคริสต์มาส หรือ ‘วันประสูติพระคริสต์’ เป็นวันแห่งความสนุกสนานมีการเฉลิมฉลองทุกปี ความจริงก็น่าจะมีแต่ความทรงจำเรื่องดีๆ แต่ใครจะไปเชื่อล่ะว่า วันคริสต์มาสจะเกิดเหตุการณ์แปลกๆ และเรื่องลึกลับที่เล่าต่อๆ กันมา...
ขอเกริ่นก่อนว่า ศาสนาคริสต์ฝังรากลึกในสังคมไทยมาช้านานนับร้อยๆ ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมามีเรื่องลึกลับและปาฏิหาริย์แปลกๆ ที่เกิดในคืนวันคริสต์มาส ที่ฟังแล้วก็ชวนขนพองสยองเกล้าหรือไม่ก็ชวนฉงนสงสัยไม่น้อยทีเดียว
จะมีเรื่องอะไรบ้าง ตามมาฟังกันดูนะ เหอๆ...
เรื่องที่ 1: เสียงเพลงคริสต์มาสจากโบสถ์ร้าง จังหวัดเชียงใหม่

มีตำนานเล่าว่าในคืนวันคริสต์มาส ณ โบสถ์ร้างเก่าแก่ในเชียงใหม่ (ซึ่งปัจจุบันถูกทิ้งร้างและไม่ได้ใช้งาน) มักมีคนได้ยินเสียงเพลง “Silent Night” ดังออกมาในช่วงเที่ยงคืน บางคนที่เดินทางผ่านไปในละแวกนั้นได้ยินเสียงประสานเสียงที่ไพเราะราวกับมีคณะนักร้องประสานเสียงอยู่ภายในโบสถ์ ทั้งที่ไม่มีไฟฟ้าหรือแหล่งกำเนิดเสียงใดๆ นอกจากนี้ มีคนบอกว่า หากใครตั้งจิตอธิษฐานในช่วงเที่ยงคืน อาจได้รับโชคดีในปีถัดไป
ต้นตอของเรื่องลึกลับนี้ มีการสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะลมพัดผ่านซอกอิฐในโบสถ์ จนเกิดเสียงที่คล้ายกับเสียงประสานเพลง แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ชัดเจน
เรื่องที่ 2: ต้นคริสต์มาสออกดอกที่โบสถ์ซางตาครู้ส จังหวัดกรุงเทพมหานคร

เรื่องถัดมาเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เกี่ยวกับปาฏิหาริย์ “ต้นคริสต์มาสออกดอก” ที่โบสถ์ซางตาครู้สที่ตั้งอยู่ในย่านกุฎีจีน เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในไทย ว่ากันว่าในบางปี ต้นไม้ใหญ่ในบริเวณลานโบสถ์ซางตาครู้สมักออกดอกสีขาวพราวราวกับหิมะในช่วงคริสต์มาส ทั้งที่ปกติต้นไม้ชนิดนี้ไม่ได้ออกดอกในฤดูนั้น มีคนเชื่อว่านี่คือ “ปาฏิหาริย์” หรือ “สัญญาณแห่งพระเจ้า” ที่ต้องการบอกให้คนมาไหว้พระและสวดภาวนาในวันสำคัญนี้
นักพฤกษศาสตร์บางคนให้ข้อมูลว่าอาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในบางปีที่ทำให้ต้นไม้เข้าใจผิดและออกดอกเร็วกว่าปกติ แต่หลายคนยังเชื่อว่ามันคือสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณ
เรื่องที่ 3: นักบุญนิรนามที่โรงเรียนคริสเตียน

เรื่องของ “นักบุญนิรนาม” ผู้มอบของขวัญในคืนคริสต์มาส ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสตามโรงเรียนคริสเตียนในไทย เช่น โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเซนต์โยเซฟ และโรงเรียนในเครือคาทอลิกหลายแห่ง มักมีนักเรียนหรือบุคลากรที่อ้างว่าเคยได้รับของขวัญปริศนา ว่ากันว่าเป็นการกระทำของ “นักบุญนิรนาม” ที่อาจเป็นนักบุญนิโคลัสหรือซานตาคลอสในตำนานฝรั่ง เรื่องราวที่เล่าขานคือ เด็กบางคนได้รับของขวัญวางไว้หน้าประตูห้อง โดยไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนนำมา
อาจเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำของคุณครูหรือรุ่นพี่ในโรงเรียนที่ต้องการสร้างบรรยากาศแห่งความสุขให้กับเด็กๆ ในช่วงคริสต์มาส ขณะที่บางคนยังเชื่อว่านี่คือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากจิตวิญญาณแห่งความเมตตาในเทศกาลแห่งการให้
เรื่องที่ 4: แสงสว่างจากสวรรค์ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์

เรื่องนี้อาจจะดูเป็นเรื่องฮินดูมากกว่าคริสต์ “แสงสว่างจากสวรรค์” ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง (บุรีรัมย์) ในคืนคริสต์มาส ในบางปี (โดยเฉพาะปีที่ตรงกับช่วงพระจันทร์เต็มดวง) นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนปราสาทหินพนมรุ้งในช่วงคริสต์มาสเคยสังเกตเห็นลำแสงสีทองที่พาดผ่านประตูปราสาทในเวลาราวเที่ยงคืน บางคนเรียกว่า “แสงสวรรค์” ที่คล้ายกับการปรากฏตัวของดาวแห่งเบธเลเฮมในตำนานพระเยซูคริสต์
นักวิชาการให้เหตุผลว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากแสงจันทร์เต็มดวงที่พาดผ่านช่องประตูของปราสาท ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้ตรงกับแนวของดวงอาทิตย์ในช่วงวันวิษุวัต (equinox) แต่ในบางปี พระจันทร์เต็มดวงในวันคริสต์มาสอาจอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะเจาะจนทำให้เกิดแสงสว่างที่ดูแปลกตา
เรื่องที่ 5: เสียงระฆังลึกลับที่วัดนักบุญเปโตร จังหวัดราชบุรี

วัดนักบุญเปโตรในจังหวัดราชบุรี เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีระฆังขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่บนหอคอย ว่ากันว่าในช่วงคืนวันคริสต์มาส เสียงระฆังจะดังขึ้นเองโดยไม่มีใครเป็นผู้กระตุกสายระฆัง เรื่องนี้เป็นที่เล่าขานกันมานาน บางคนบอกว่าเสียงระฆังที่ดังขึ้นเองคือการประกาศการมาถึงของ “นักบุญเปโตร” หรืออาจเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จมาของพระเยซู
ว่ากันว่าเรื่องนี้อาจมีสาเหตุมาจากแรงลมที่พัดแรงในช่วงปลายปีที่ทำให้สายระฆังเคลื่อนไหวจนเกิดเสียง แต่บางคนที่เคยเฝ้าดูในคืนนั้น ยืนยันว่าไม่มีลม และเสียงระฆังก็ดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งก่อนเงียบลง
เรื่องที่ 6: ซานตาครอสที่ตลาดน้ำ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

มีเรื่องเล่าลึกลับว่า ในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ที่ตลาดน้ำบางแห่งในกรุงเทพฯ มักจะมีชายชราหน้าตาคล้ายซานตาคลอส นั่งเรือแจวลำเล็กๆ มาขายของขวัญให้กับเด็กๆ แต่เมื่อเช้าของวันที่ 25 ธันวาคม ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย
ว่ากันว่าชายชราคนนั้นไม่ใช่แค่คนขายของ แต่คือ “ซานตาครอส” ในคราบชาวบ้านธรรมดา บางคนเชื่อว่าเป็นพ่อค้าธรรมดาที่อยากขายของในช่วงเทศกาล และตั้งใจแต่งตัวเหมือนซานต้าเพื่อสร้างความสุขให้เด็กๆ แต่บางคนก็มองว่านี่อาจเป็น “จิตวิญญาณแห่งการให้” ที่มาปรากฏตัวในรูปแบบของชายชราบ้านๆ
เรื่องลึกลับและปาฏิหาริย์ในคริสต์มาสของไทยมักจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางจิตวิญญาณ ผสมผสานกับความเป็นท้องถิ่นไทยได้อย่างน่าสนใจ
หลายเรื่องราวสะท้อนความเชื่อในโชคลาง ความศักดิ์สิทธิ์ และความหวัง ซึ่งล้วนเป็นหัวใจของเทศกาลคริสต์มาสที่มีนัยแห่ง “การเริ่มต้นใหม่”
ค่ำคืนคริสต์มาสปีนี้ เรื่องลึกลับเหล่านี้จะเวียนมาเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ และจะมีเรื่องลึกลับใหม่ๆ เกิดขึ้น เพื่อเป็นเรื่องราวให้เราเล่าขานในปีต่อๆ ไปหรือเปล่า
ถ้าคริสต์มาสปีนี้ ใครเจอเรื่องราวแปลกๆ อะไร อย่าลืมเล่าสู่กันฟังบ้างนะ