กำลังเข้มข้นขึ้นทุกทีสำหรับรายการแข่งขันไอดอลเซอร์ไววัลเพื่อเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่อย่างรายการ CHUANG ASIA THAILAND ที่ได้ใช้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายหลักในการแข่งขันและถ่ายทำรายการ ซึ่งในระหว่างที่กำลังอินไปกับรายการอยู่นั้น เราก็แอบฉุกคิดในใจว่า จริงๆ แล้ว รายการแข่งขันไอดอลเซอร์ไววัลใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินผู้ชนะ
ต้องขอออกตัวก่อนว่า เราไม่ได้มีเจตนาใดแอบแฝง เพียงแค่อยากแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันของรายการเท่านั้น
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีหรือหากยังไม่ทราบก็จะเล่าสู่กันฟัง รายการแข่งขันไอดอลเซอร์ไววัลในซีรีส์ CHUANG นั้นเป็นรายการที่มาจากประเทศจีน แต่จุดเริ่มต้นมาจากประเทศเกาหลี โดยทางประเทศจีนได้ซื้อลิขสิทธิ์รายการ Produce 101 มาและได้นำมาปรับแต่งใหม่ให้เข้ากับวัฒนธรรมของประเทศมากขึ้น
โดยรายการซีรีส์ CHUANG ได้ปล่อยออกมาแล้วถึง 5 ซีซัน ตั้งแต่ปี 2018 ในชื่อว่า Produce 101 China ในปี 2019 ได้เปลี่ยนชื่อรายการมาเป็น CHUANG โดยการเติมปีต่อท้ายเข้าไป และใช้มายาวๆ ถึงปี 2021 ต่อมารายการก็ได้หายไป แต่ก็กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ใน CHUANG ASIA THAILAND ในปี 2024 ที่ได้มาปักประเทศไทยเป็นหมุดหมายหลักในการถ่ายทำ
ความแปลกใหม่ของรายการ CHUANG ASIA THAILAND ในซีซันนี้คือ การที่มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 70 คน จาก 10 สัญชาติ ไม่ว่าจะเป็น ไทย, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินเดีย, อเมริกัน, เวียดนาม และ อินโดนีเซีย โดยใน EP. แรกผู้เข้าแข่งขันต้องจับกลุ่มกันทำการแสดงในเพลงต่างๆ เพื่อแย่งชิงคะแนนโหวตที่ได้จากเพื่อนๆ ที่ร่วมแข่งขันด้วยกัน และนำไปคัดเกรด A, B, F ก่อนจะถูกเหล่าเมนเทอร์ของรายการมาคัดเกรดให้อีกครั้ง ผ่านบททดสอบเพลงธีมของรายการ
แต่หลังจากการคัดเกรดต่างหากที่ต้องระแวง เพราะทางรายการได้เริ่มเปิดให้แฟนๆ ทั่วโลกเข้ามาร่วมเป็นผู้ตัดสินโดยการโหวต ซึ่งจะสามารถโหวตได้ทางแอปพลิเคชัน WeTV ต่อจากนั้นก็จะมีการคัดผู้เข้าแข่งขันออกเรื่อยๆ ตั้งแต่รอบแรกที่มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 70 คน จะคัดออกจนเหลือ 34 คน ก่อนที่จะมีการคัดออกอีกครั้งจนเหลือ 29 คน และในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคมนี้จะเป็นการประกาศคัดออกอีกครั้งจาก 29 คนให้เหลือเพียงแค่ 17 คน
ความกดดันเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และในทุกๆ EP. ของรายการจะมีการประกาศอันดับให้แฟนๆ ได้ทราบกัน สำหรับอันดับล่าสุดที่ปล่อยออกมา นับจากช่วงเวลา 10.00 น. ของวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา อันดับของผู้เข้าแข่งขันมีดังนี้
1. Qiao Yi Yu (จากประเทศจีน)
2. Ruan (จากประเทศญี่ปุ่น)
3. Yean (จากประเทศไทย)
4. Wang Ke (จากประเทศจีน)
5. Elyn (จากประเทศมาเลเซีย)
6. Ilene (จากประเทศไทย)
7. Didi (จากประเทศจีน)
8. Emma (จากประเทศจีน)
9. Xueyao (จากประเทศจีน)
10. Krista Shim (จากประเทศไทย)
11. Yuan Ke (จากประเทศจีน)
12. Xuanning (จากประเทศจีน)
13. Praew (จากประเทศไทย)
14. Jasmine (จากประเทศไทย)
15. R-Jing (จากประเทศไทย)
16. Pailiu (จากประเทศไทย)
17. Lissa (จากประเทศไทย)
18. Duna (จากประเทศเกาหลีใต้)
19. Mingming (จากประเทศไทย)
20. Liliana Li (จากประเทศสหรัฐอเมริกา)
21. Caith (จากประเทศอินโดนีเซีย)
22. Wang Sheng Xi (จากประเทศจีน)
23. Rinka (จากประเทศญี่ปุ่น)
24. Tegan (จากประเทศสหรัฐอเมริกา)
25. Lu Yuting (จากประเทศจีน)
26. Mamcu (จากประเทศจีน)
27. Acare (จากประเทศไทย)
28. Jaoying (จากประเทศไทย)
29. Ninnint (จากประเทศไทย)
จากลิสต์รายชื่อที่ระบุมา ในจำนวน 29 คนที่กำลังแข่งขันอยู่ในตอนนี้ มีคนไทยทั้งหมด 12 คน คนจีนทั้งหมด 10 คน คนญี่ปุ่นและคนอเมริกันประเทศละ 2 คน คนเกาหลีใต้ คนอินโดนีเซียและคนมาเลเซียประเทศละ 1 คน รวมทั้งสิ้น 29 คนพอดี หากแต่ว่าคนไทยอาจจะดูมีจำนวนมากที่สุด แต่หากมองในอันดับ TOP 9 ที่ทางรายการได้วางไว้ว่าจะเป็นจำนวนของผู้ที่จะได้เดบิวต์ จะเห็นได้ว่า 5 ใน 9 คนเป็นคนจีน แต่มีคนไทยที่ติด TOP 9 แค่ 2 คนเท่านั้น ส่วนอีก 2 คนเป็นผู้เข้าแข่งขันจากประเทศมาเลเซีย และญี่ปุ่น
กติกาจริงๆ ของรายการนั้น เป็นการวัดด้วยคะแนนโหวตจากแฟนๆ เพียงอย่างเดียว นั่นหมายความว่า ผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถถูกตาต้องใจแฟนๆ อาจจะถูกโหวตเพื่อให้ได้เดบิวต์ แต่อีกนัยหนึ่งหากประเทศจีนที่มีความชาตินิยมสูงก็อาจจะมีโอกาสกวาดไปทั้ง 9 อันดับ เพราะประชากรของคนจีนที่มีมากกว่าหรือเปล่า
แน่นอนว่าผลโหวตในตอนนี้ยังไม่ค้านสายตา เพราะ TOP 9 แต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน และสมควรได้ติด TOP 9 ทั้งสิ้น แต่ที่ผ่านมาก็มีผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถที่พร้อมจะได้เดบิวต์แต่อาจจะไม่ถูกใจแฟนๆ ถูกคัดออกไปจำนวนมาก
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราขอตั้งคำถามว่า การใช้คะแนนโหวตจากแฟนคลับเป็นตัวชี้วัดผลแพ้-ชนะของรายการถูกต้องสมควรแล้วจริงๆ หรือ? คิดเห็นอย่างไรหากมีคะแนนของเหล่ากรรมการ หรือเมนเทอร์ผู้มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านมานับเป็นส่วนหนึ่งของผลคะแนนด้วย
