มีเรื่อง 2-3 เรื่องในสังคมไทยที่ถูกมองเป็นเรื่องสกปรก ไม่งาม ไม่ควรพูดตามวิถีสังคมพุทธ แต่ขอโทษ...ทุกเรื่องล้วนเป็นสิ่งที่คนไทยชอบ ก็คือ การพนัน อบายมุข และเซ็กซ์!
แต่เดิมคนไทยเรียนรู้เรื่องเซ็กซ์ด้วยวิธีบอกเล่าปากต่อปากกันมา จากพ่อสู่ลูก จากเพื่อนสู่เพื่อน จากพี่สู่น้อง
บางครั้งเรื่องที่ถ่ายทอดกันมาถูกก็มีผิดก็เยอะ แล้วก็จำกันมาปฎิบัติ กระทั่งทำกันและเชื่อว่าผิดเป็นถูกก็มี

เพราะเรื่องเพศเป็นเรื่องลับ สังคมไม่ได้รับถ้าจะสอนหรือบอกกันแบบเปิดเผย ความจริงกับความเชื่อรวมถึงความลวงจากคนไม่รู้จริงที่ตู่เรื่องขึ้นมาจึงปะปน
เรื่องเซ็กซ์ในสังคมไทยจึงคล้ายเรื่องลับที่ดูมีเงื่อนงำมากกว่าเรื่องจริงที่พูดกันตามหลักวิชา (มนุษย์พูดคุยเรื่องเพศศาสตร์มานานนับพันปีแล้ว คัมภีร์ฮินดูโบราณ กามสูตร ที่เชื่อว่าแต่งขึ้นราว 400 ปีก่อนคริสตกาล คือหนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องนี้) กระทั่งการมาถึงของคอลัมน์ตอบปัญหาทางเพศในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์เมื่อ 40 ปีก่อน
ตอนนั้นหนังสือพิมพ์เดลินิวส์มองเห็น จุดขายใหม่ ที่นอกเหนือจากข่าว คือการเป็นสื่อกลางตอบปัญหาเรื่องเพศ โดยเอาคุณหมอมาตอบปัญหา ฉีกกฎเรื่องใต้สะดือ เอาเรื่องที่แอบคุยขึ้นมาให้อ่านกันแบบสะใจ ตรงไปตรงมา ให้ความรู้ ตอบคำถามกันแบบวิชาการ
คอลัมน์นั้นมีชื่อว่า เสพสมบ่มิสม โดยหมอนพพร ซึ่งกลายเป็นคอลัมน์แรกที่คนซื้อหนังสือพิมพ์สมัยก่อนต้องเปิดอ่านก่อนอ่านข่าว เพราะอยากรู้เรื่องที่สงสัยใคร่รู้ ผ่านคำถาม-คำตอบจากเรื่องราวประสบการณ์ทางเพศของคนอื่น ที่อาจจะตรงกับสิ่งที่คนอ่านเจอ

หมอนพพร คือใคร?
ตัวตนเบื้องหลังนามปากกานั้น คือ นายแพทย์นวรัต ไกรฤกษ์ คุณหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องครอบครัว ถึงขนาดมีคลินิกของตัวเองที่ซอยสุขุมวิท 51 ผู้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในการอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้า 30 กว่าปีจนกลายเป็นตำนานที่ผู้คนจดจำ
ท่านเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสารผู้หญิงว่า
“ถ้าไม่มีแพทย์คนไหนกล้าเสี่ยงให้ความรู้แก่ประชาชน ...เพราะเราถูกกดมาเสียนานจากศาสนา ศีลธรรม และประเพณี จนจิตใจเด็กๆ เติบโตเป็นหนุ่มสาว และแต่งงานไปแล้ว คิดผิด เชื่อผิด จากการห้ามผิดๆ สมัยโบราณจนเป็นเหตุให้เกิดความล้มเหลวในชีวิตคู่กันมากมาย”

สิ่งที่หมอนพพรทำจึงเป็นการแก้ปัญหาให้สังคม ด้วยการให้ความรู้ที่ถูกต้อง และความรู้นั้นช่วยชีวิตคู่หลายคู่ผ่านวิกฤตมาได้
และที่สำคัญคือช่วยให้สังคมดัดจริตน้อยลง!
ทว่าเรื่องใดใดในโลกล้วนมีทั้งคำชมและคำติ เพราะบางคนมองการตอบปัญหาทางเพศของหมอนพพรในเวลานั้นว่า เป็นการทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ
“แม้แต่การตอบปัญหาเพศ ซึ่งผมได้กระทำอยู่ อาจมีส่วนช่วยเร่งให้เกิดอารมณ์ความต้องการทางเพศมากขึ้น ทั้งๆ ที่ผมตอบในทำนองวิชาการเป็นส่วนใหญ่ ผมให้วิทยาทานทางเพศแก่ประชาชน ผมกล้าบอกได้เลยว่า ผมทำให้เกิดประโยชน์ เป็นความรู้กับประชาชน มากกว่าทำให้เสียประโยชน์”
ให้เดา...คุณคิดว่า คนส่วนใหญ่เวลาถามเรื่องเซ็กซ์ ถามอะไร?
ข้อมูลจากหนังสือ รามาธิบดีสาร ปี 2517-18 ระบุว่า สิ่งที่คนนิยมถามมากที่สุดเมื่อถามปัญหาเรื่องเพศ คือ...
ปัญหาเกี่ยวกับขนาดอวัยวะเพศ ตั้งแต่ทำไมจึงเล็กนัก ขนาดนี้ใหญ่หรือยัง หรือมีทางที่จะทำให้ใหญ่กว่านี้ไหม?

ปัญหาของสุภาพสตรีก็มีเช่นกัน คำถามที่ยอดฮิต ก็ไม่พ้นเรื่องขนาดหน้าอก ขนาดอวัยวะเพศ สิ่งที่สาวๆ ในอดีตกังวลที่สุด (รวมถึงผู้ชายยุคเก่าบางคน) คือ เยื่อพรหมจรรย์
รวมถึงปัญหาที่ทั้งหญิงและชายในวัยเจริญพันธุ์อยากรู้ เช่น
- การสำเร็จความใคร่
- วิธีสังเกตว่าคู่นอนพอใจในเพศรส
- เวลาเสร็จแล้ว จะรู้ได้อย่างไร
- และทำยังไงไม่ให้ท้อง

ปัญหาเหล่านี้บางเรื่องอย่านึกว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะหลายครอบครัวพังเพราะเรื่องเหล่านี้มาแล้ว
หรือถ้าแบ่งเป็นคีย์เวิร์ดจะพบคำว่า ขน ขนาด กลิ่น คือสามเรื่องที่คนอยากรู้และถูกถามมากที่สุด
โชคดีที่วันนี้สังคมไทยเดินทางมาไกลจากวันนั้น อย่างน้อยเราก็พูดเรื่องเซ็กซ์กันได้อย่างเปิดเผย คุยกันอย่างตรงไปตรงมา และมีคอนเทนต์พูดถึงเรื่องเซ็กซ์หาดูได้ทั่วไป อย่างล่าสุดก็ซีรีส์ ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว ที่กำลังออนแอร์ในเน็ตฟลิกซ์
ต้องขอบคุณคอลัมน์ เสพสมบ่มิสม โดยหมอนพพร ในวันนั้น ถ้าไม่มีหมอนพพรแผ้วถางเรื่องเซ็กซ์ในสังคมไทยผ่านปลายปากกา ก็เป็นไปได้ว่า สังคมไทยอาจยังดัดจริตกันต่อไป
ทั้งๆ ที่เรื่อง “ปี้” เป็นเรื่องธรรมดา และเราทุกคนต่างก็มีที่มาจากจุดนี้
