DUMB.RONG (ดำลง) วง Alternative, Post-Rock น้องใหม่มาแรงจากค่าย tiny ภายใต้การดูแลของบ้าน LOVEiS Entertainment ประกอบด้วยสมาชิกทั้งห้า ทีน-ธเนศ พันธุดิษฐ (ร้องนำ), เบ-สิปปกร โล่ห์เส็ง (กีตาร์), กร-ศุภกร ลาภธนภัทร (เบส), หยี-ภัทรระพี แซ่ลี้ (กีตาร์) และนัท-วรากร เตชะจารุวิทย์ (กลอง) ที่ก่อนหน้านี้ได้ปล่อยเพลง ทุกความทรงจำ, อยากที่จะลืม, ในวันที่ไม่เหลือใคร ครั้งนี้พวกเขากลับมาพร้อมการเปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดกับเพลง ‘เมื่อมันสายไป (REVERSE)’
เนื้อหาของเพลงนี้ถูกเขียนขึ้นจากประสบการณ์ตรงของ ทีน นักร้องนำ บอกเล่าเรื่องราวถึงการจากลาและการสูญเสียคนรักที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน มองย้อนกลับไปให้นึกถึงคุณค่าและความสำคัญของคนใกล้ตัว เพราะบางทีกว่าจะรู้ว่าสิ่งนั้นมีคุณค่ามากแค่ไหนก็มารู้เมื่อมันสายไป พร้อมพูดคุยถึงเส้นทางดนตรีและทำความรู้จักกับพวกเขา ‘DUMB.RONG’ ให้มากขึ้น
ที่มาของชื่อ DUMB.RONG
เบ: ที่มามันไม่มีอะไรมากครับ ตอนนั้นมีหลายชื่อให้เลือกใช้ ไม่มีหลายชื่อหรอกมีชื่อเดียว (หัวเราะ) ตอนแรกชื่อ ฟิล์มบูด ฮะ ช่วงนั้นเป็นเด็กฟิล์มกันแล้วรู้สึกว่า ภาพสีของฟิล์มบูดมันมีความแปลกแล้วก็สวยไปอีกแบบ แต่ว่าประเด็นคือพอพิมพ์ชื่อเพลงไป ทุกความทรงจำ-ฟิล์มบูด ทางวงคุยกันว่ามันโคตรไม่ได้ กรก็เลยพูดมาคำหนึ่งก็คือ เฮ้ย! เราใส่เสื้อสีดำกันหมด แล้วผมก็เลยพูดออกไปว่า “ดำลง”
หยี: โพล่งลอยๆ ขึ้นมาในอากาศ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมาก
เบ: นั่นแหละครับคือจุดกำเนิดชื่อ “ดำลง”
จุดเริ่มต้นในการทำวง ทำไมถึงตั้งวงดนตรีขึ้นมา
เบ: ตอนนั้นเราอยู่กับพวกพี่ๆ วง AYLA’s กับ CORNBOI แล้วทีนี้เราเห็นพี่เขามีเพลงมีผลงานเราก็อยากมีบ้าง เราอยากทำเพลงของตัวเองเหมือนกันเลยตัดสินใจตั้งวงขึ้นมา
ตอนที่ตั้งวงสิ่งแรกที่ทำระหว่างทำเพลงคัฟเวอร์เพื่อเล่นประกวดในมอฯ กับการทำเพลงของตัวเอง
ในตอนแรกตั้งเป้าหมายไว้แบบไหน
เบ: เพลงตัวเองเลยฮะ ทีนหอบเนื้อเพลงแรกมาให้แบบดุ่ยๆ เลย
ทีน: ใช่ครับ เป็นผมที่โทรไปหากรว่า เฮ้ย! ทำวงไหม แต่ว่าตอนที่โทรไปหากรคือเพลงแรกเขียนเนื้อไว้เสร็จแล้ว ก็แค่รอกรตอบว่าโอเค
ที่มาของสมาชิกแต่ละคน ตอนแรกทราบว่ามีสมาชิก 3 คน แล้วก็เพิ่มมาเป็น 5 คน แต่ละคนเข้ามาเป็นดำลงได้อย่างไร
เบ: น่าจะต้องพี่หยีก่อน เพราะพี่หยีเข้ามาคนที่ 4
หยี: คือจริงๆ ผมเป็นพวกกลุ่มเพื่อนกับ AYLA’s และ CORNBOI เป็นรุ่นพี่พวกมันอยู่ปีนึง แล้วทีนี้วันนึงพวกมันก็ไปทำอะไรกันของมันสามคน ก็มาเรียกผมให้ไปอัดซินธ์ให้หน่อย คีย์บอร์ดน่ะครับ จริงๆ ผมเล่นคีย์บอร์ด กีตาร์ผมเล่นได้แค่กีตาร์โปร่งตีคอร์ดนิดๆ หน่อยๆ ก็ไปอัด เสร็จแล้วตอนที่อัดกันที่ห้องก็จับพลัดจับผลูคุยไปคุยมาก็ชวนผมเข้าวง แล้วผมก็เข้าไปในฐานะมือคีย์บอร์ด น่าจะวันเดียวอยู่ดีๆ มาเป็นมือกีตาร์เฉยเลยไม่รู้ทำไมเหมือนกัน (หัวเราะ) มาผนวกกับจังหวะที่วงก็มีมือกีตาร์คนเดียวพอดี ผมก็เลยงั้นเดี๋ยวเป็นกีตาร์สองให้แล้วกัน แล้วคีย์บอร์ดผมก็ร่นไปเป็นดาต้าในเพลงไป
ระหว่างทำเพลงเองกับอยู่ในค่ายมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
หยี: ก่อนหน้านี้เราทำกันเองมันค่อนข้างสะเปะสะปะ เหมือนเราไม่ได้มีกรอบความคิดอะไรทั้งนั้น เราฟุ้งไปได้เรื่อย จนบางทีก็ฟุ้งเกินจนกลับไม่ถูก วันนึงก็เหมือนมีงานของที่ค่ายนี้เขาทำ เป็นคอนเสิร์ตย่อมๆ ครับ เป็นเหมือนโชว์เคสแล้วก็เรียกพวกเราไป เราก็ได้ไปเล่นซึ่งวันนั้นเล่นไม่ดีด้วย เล่นค่อนข้างแย่เลย แล้วเหมือนแอบได้ยินมาว่าพวกพี่แกตั้งใจจะมาดู มาหาคนเข้าค่าย ก็เลยคิดว่าไม่ได้แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ กลับบ้านทำเพลงต่อ แล้วไม่นานเขาก็ติดต่อมาจริงๆ ก็เลยได้ลองทำเพลงใหม่ๆ ขึ้นมาโดยมีเขาตีกรอบให้เราแล้ว แต่จริงๆ แล้วอิสระของเราก็ยังคงมีเหมือนเดิม ไม่ได้ถึงกับเสียตัวตนไปเป็นใครก็ไม่รู้ครับ
วินาทีที่เขาโทรมาบอกว่าอยากจะชวนมาอยู่ที่ค่าย อยากรู้ว่าตอนรับโทรศัพท์รู้สึกอย่างไรบ้าง
หยี: มีแต่คำว่าอ้าว! อย่างเดียว ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร
เบ: วันที่จะไปคุยวันแรกคือพกปากกากันไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะเรียกไปเซ็นหรือเปล่า (หัวเราะ)
หยี: พอดีเวลามันค่อนข้างเพอร์เฟกต์ด้วยตอนที่เขาเข้ามาพอดี อย่างที่บอกว่าเราก็ทำกันจนปัจจัยหลายๆ อย่างมันทำให้เราเริ่มตันนิดนึง แล้วเขาก็จ๊ะเอ๋เข้ามาพอดีก็เลยกลายเป็นว่ามันได้ไปต่อ
เพลงใหม่ล่าสุด “เมื่อมันสายไป (REVERSE)” มีที่มาอย่างไร
หยี: เริ่มจากผมกับทีนนี่แหละ นักร้องเรานั่งอยู่ด้วยกันในตอนที่พี่เขาให้ขึ้นเดโมเพลงใหม่ ผมก็ตั้งโจทย์ขึ้นมา เหมือนเราไม่รู้ว่าเราจะทำยังไงกับเพลงใหม่ดี ผมก็เลยถามมันว่าอยากให้เป็นมู้ดประมาณไหน เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร มันก็โพล่งขึ้นมาว่างั้นขอเป็นเรื่องครอบครัวละกัน เรื่องพ่อที่เคยเกิดขึ้น ได้หัวข้อมาแล้วผมก็เลยเอาไปทำต่อครับ
หลังจากที่ปล่อยเพลงออกมากระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
หยี: ผมว่าก็ยังคงต่อเนื่องกับเพลงเก่าๆ ไม่ได้มีคอมเพลนอะไรที่บอกว่าเปลี่ยนไป ทิศทางก็ยังตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิม คนฟังก็ยังคงติดตามเหมือนเดิม
เพลงนี้เป็นแนว Alternative Post-Rock แตกต่างจากเพลงที่เคยทำมาอย่างไรบ้าง
หยี: ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาผมว่าจริงๆ เพลงนี้มันจะลึกกว่า อาจจะเข้าถึงได้ยากกว่านิดนึง แต่ฟังแล้วน่าจะเศร้ากว่า เหมือนมันจะลึกขึ้นโตขึ้นอะไรหลายๆ อย่างครับ ในแง่เนื้อเพลงด้วยดนตรีด้วย
เรื่องราวใน MV ทางวงได้มีส่วนร่วมในการช่วยเล่าเรื่องไหม
ทีน: ถ้าเป็นเรื่อง MV จะเป็นทางค่าย โปรดักชันแล้วก็เรา ทำงานด้วยกันเลย เหมือนทางโปรดักชันก็จะมาขายงานเราก่อนว่า พอเขาฟังเพลงนี้แล้วเขาอยากทำมันออกมาแบบไหน ซึ่งเราก็เห็นตรงกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เราคุยเลยว่าเราจะทำเพลงเกี่ยวกับครอบครัว มันก็เป็นครอบครัวมาตั้งแต่แรก
ผลงานเพลงที่ผ่านมาเหมือนจะเป็นโทนที่ใกล้เคียงกันคือเป็นเพลงเศร้า อยากรู้ว่าเพลงต่อๆ ไปจะมีเพลงรักบ้างไหม
ทีน: อาจจะครับ
เบ: อาจจะมีแต่ในอนาคตก็ยังไม่รู้
ตั้งแต่ปล่อยเพลงใหม่มาได้มีโอกาสไปเล่นสดที่ไหนบ้าง
หยี: หลายที่แล้วนะ สามงานได้แล้วครับ ก็ดีเหมือนกัน เหมือนพอเอามาเล่นเข้าจริงๆ แล้วมันก็ได้
บรรยากาศที่เราวางเอาไว้
อยากทำงานร่วมกับศิลปินที่ชื่นชอบบ้างไหม
ทีน: ถ้าในค่ายก็คงต้องเป็น TELEx TELEXs ครับ
หยี: ทั้งวงพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ทำไมถึงอยากทำกับ TELEx TELEXs
หยี: ก็เป็นแฟนเพลงมานานครับ
เป้าหมายในการทำวงของดำลงต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้าง
หยี: พยายามเปิดกว้างให้คนส่วนใหญ่ฟังได้มากขึ้น ตอนนี้เหมือนกับมันค่อนข้างอยู่ในกรอบที่จะมีกลุ่มคนฟังชัดเจน สมมติเอาไปให้คนตามท้องถนนทั่วไปฟังก็อาจจะยากนิดนึง ก็อยากให้มันเข้าถึงคนตรงนั้นได้มากขึ้นด้วยครับ
ความคาดหวังในการทำวง เห็นภาพในอนาคตตัวเองเป็นอย่างไรบ้างในเมื่อมีค่ายแล้ว ทางวงวางเป้าหมายไว้อย่างไรบ้างนอกจากขยายกลุ่มคนฟังไปกลุ่มใหม่ๆ
เบ: ถ้าส่วนตัวผม ผมอยากมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองสักครั้งนึง ตั้งเป้าไว้ อาจจะไม่ใช่ในปีนี้หรอก อาจจะเป็นปีหน้าหรือปีไหนก็ว่าไป มันก็อยู่ที่อะไรหลายอย่างครับ เราทำเพลงมาพอหรือยัง เราพร้อมหรือยัง
หยี: พร้อมหรือยังที่จะมีคอนฯ ใหญ่ของเราเอง แล้วคนเต็มฮอลล์ แค่นั้นก็สุดๆ แล้ว
เบ: มันไม่ใช่เรื่องที่เรามีคอนเสิร์ตของตัวเองแค่นั้น มันเป็นเรื่องที่คนที่มาฟังเราเขาต้องแฮปปี้กับเราด้วย เขาต้องชอบเพลงเราจริงๆ ไม่งั้นเราก็ไม่อยากจะทำ
การเป็นศิลปินหน้าใหม่ในระยะเวลาไม่นานมาก เวลามีแฟนเพลงมาขอถ่ายรูป มาขอลายเซ็นหลังเล่นจบ รู้สึกยังไงบ้าง มีแอคบ้างไหม?
หยี : แอคจัดครับ (หัวเราะ)
เบ: เอิดเลยครับ
หยี: รู้สึกดีเหลือเกินครับ ดีมาก
เบ: ดีและตกใจมาก
ทำตัวถูกไหม
หยี: จริงๆ ก็ไม่ถูก ถ้าตอบตามตรงนะครับทำตัวไม่ถูก แต่เราพยายามทำให้มันธรรมชาติที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
เบ: แต่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ธรรมชาติ (หัวเราะ)
นักดนตรีส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักจะมีอาชีพเสริม เรามองว่าสิ่งนี้มันจะเลี้ยงชีพเราได้ไหม
ในอนาคต
ทีน: ถ้าเกิดย้อนกลับไปคำถามที่แล้วว่าเราตั้งเป้าหมายไว้ว่ายังไง ก็คือเราอยากเล่นดนตรีให้มันหล่อเลี้ยงชีวิตเราได้ด้วยครับ
นอกจาก TELEx TELEXs เวลาเจอศิลปินอื่นในค่าย เดินสวนกับเขารู้สึกอย่างไรบ้าง
เบ: ตัวแค่นี้เองครับพี่ ตัวเหลือเท่ามดแล้วฮะ
ทีน: วันแรกที่เราเข้ามาทุกครั้งที่เรากลับหรือขึ้นรถเราจะพูดตลอดว่า “เชี่ย เรามาอยู่ตรงนี้ทำไมวะ”
เช่นใครบ้างเวลาที่เราเจอแล้วรู้สึกแบบนั้น
หยี: หูว เยอะนะ
เบ: เจอล่าสุดก็ พี่นนท์-ธนนท์
หยี: ก็เหมือนกันนั่นแหละ กูมาอยู่ทำอะไร (หัวเราะ)
เบ: ห้าคนตรงนี้เหมือนเป็นหลุมอะครับ ตอนผมมากันครั้งแรกๆ ยืนอยู่ตรงหน้าค่ายฮะ
ยืนกันแล้วก็ กูมาทำอะไรวะ (หัวเราะ)
เบ: นี่รู้ตัวครั้งแรกเลยตอนคุยกับค่าย เขาถามไดอะล็อกแรกคือ “มึงแม่งแต่งตัวกันบ้านจังวะ”
ทีน: แล้ววันนั้นคือวันที่แต่งตัวเยอะสุดแล้ว (หัวเราะ)
เบ: นี่คือเต็มที่สุดในชีวิตแล้ว
คนในวงมีงานอดิเรกอะไรบ้าง นอกจากเล่นดนตรีเป็นวงดำลงแล้ว
เบ: อดิเรกเยอะ ใหญ่สุดน่าจะพี่หยีเลยครับโยนโบว์ลิ่ง
หยี: ต่อให้จะดูแบบนี้ก็เถอะ จริงๆ ผมเล่นกีฬา
เป็นนักกีฬาโบว์ลิ่งเหรอ
หยี: ช่าย จริงๆ อดีตแล้วกัน ที่เหลือตอนนี้ก็โยนเล่นแล้วครับ
ตอนที่โยนโบว์ลิ่งคือจริงจังขนาดไหน คิดไปถึงทีมชาติไหม
หยี: เรียกว่าเกือบดีกว่า
ช่วงนั้นคือคาบเกี่ยวกับการมีดำลงด้วยไหม
หยี: ก่อนครับ
ทุกวันนี้ก็ยังเล่นอยู่ใช่ไหม
หยี: เล่นบ้าง แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยแล้วครับ มาชุกกับค่ายนี่แหละครับ
เบ: ของนัทก็เป็นถ่ายรูป
นัท: ครับ ถ่ายรูป จริงๆ ตอนนี้เป็นงานหลักครับ ถ่ายแฟชั่นครับ เสื้อผ้า แม็กกาซีน มีทั้งแบรนด์ไอจีแล้วก็ดีไซ์เนอร์แบรนด์ครับ
ฝากคอนแท็กหน่อยว่าถ้าอยากติดต่อต้องติดต่อผ่านช่องทางไหน
นัท: ผ่านไอจีเป็นหลักครับ ก็ techawara ครับ
ทีน: ผมเมื่อก่อนก็ตีแบดครับ ตอนนี้ตัดงาน
คุณอย่าบอกนะว่าคุณเป็นนักกีฬาแบดมอฯ จริงจังอีกคนหนึ่ง
ทีน: ก็ใช่ (หัวเราะ)
ตอนแรกตีแบดจริงๆ เลยเหรอ
ทีน: ใช่ครับ
เบ: ผมก็ต่อกันดั้มเล่นครับ
ทีมชาติไหม?
เบ: ทีมชาติครับ (หัวเราะ)
ถ้าให้นิยามของวงดำลงอะไรสักอย่างหนึ่งคิดว่านิยามของวงคืออะไร
ทีน: ดำลงก็เป็นผู้ชายห้าคนครับ ที่ยังแต่งเพลงรักไม่ได้สักที (หัวเราะ)
มีเฟสติวัลที่อยากเล่นไหม
เบ: ส่วนตัวผมอยากเล่น Maho Rasop ครับ
หยี: PELUPO ก็ได้ ถ้าเป็นไปได้นะ
ศิลปินที่เรามองเป็นต้นแบบ มีใครบ้างที่เรารู้สึกว่ายกให้เป็นต้นแบบในการเล่นดนตรีของเรา
เบ: ถ้าของผมก็ John Mayer ครับ ผมชอบในด้านกีตาร์ แล้วก็เป็นนักแต่งเพลงที่หลายๆ เพลงเขามีคอนเซปต์เจ๋งๆ เยอะ ทั้งเรื่องแต่งและเรื่อง arrangement ของเพลง แล้วผมก็มีความเชื่อว่าเล่นกีตาร์์แล้วหน้าเละแสดงว่าเท่ครับ เพราะจะมีมีม john mayer guitar face ผมเคยทำครับ แล้วคิดว่าทำไมไม่เท่เหมือน จอห์น เมเยอร์ เลยวะ
นัท: ถ้าแรกๆ เลยที่อยากทำให้เล่นดนตรีเลยตั้งแต่เด็กคือ Bodyslam ครับ แต่หลังๆ ถ้าวงที่ชอบมากๆ ชอบแนวเพลง ชอบวิธีการ arrange การตีกลองชอบ Of Monsters And Men ครับ มันเป็นวงโฟล์คๆ หน่อยดีไซน์กลองเท่ดี
หยี: ของผมไม่รู้จะตอบว่าอะไร แต่ถ้าจะให้ผมตอบจริงๆ ก็ Beethoven เพราะว่าตอนเด็กๆ ผมเล่นเปียโน ผมโตมากับเปียโน ผมโตมากับดนตรีคลาสสิคอะไรพวกนี้
ดำลงมีงานที่จะได้เล่นเร็วๆ นี้ไหม
หยี: เท่าที่ทราบก็เป็นแคมปัสทัวร์ครับ
แคมปัสเขาบอกว่าเป็นงานปราบเซียนมากในการเป็นศิลปินหน้าใหม่ เตรียมตัวอย่างไรบ้างกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
หยี: ยังไม่ได้เตรียมเลยครับ
เบ: แต่ผมว่ามันน่าจะสนุกนะ อาจจะกดดันน้อยกว่างานที่ผ่านๆ มา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
หลายๆ คนบอกว่าน่ากลัว ดูปราบเซียน
หยี: แต่เรารู้วึกว่ามันน่าจะสนุกดี น่าจะสบาย
เบ: ช่วงอายุมันใกล้เคียงกันด้วย เลยคิดว่าอาจจะสนุกกว่าหลายๆ งาน
ฝากผลงานหน่อย
ทีน: ฝากเพลง เมื่อมันสายไป (REVERSE) เป็นซิงเกิ้ลใหม่ของดำลงด้วยนะครับ สะกด DUMB.RONG ครับ อ่านว่า ‘ดำลง’ ติดตามได้ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ แล้วก็อนาคตเดี๋ยวเราจะมีเพลงปล่อยเรื่อยๆ ก็กดติดตามใน YouTube, Spotify, Instagram ทุกแพลตฟอร์มได้เลยครับผม
สามารถติดตาม DUMB.RONG ได้ที่
Facebook Dumb.Rong
Instagram dumb.rong_official
YouTube: DUMBRONG OFFICIAL
Spotify: Dumb.Rong