‘ชื่อเพลงยาวมาก’ นี่คือความรู้สึกแรกที่เรารู้สึกได้ว่า ครั้งนี้ getsunova จะกลับมารูปแบบไหนกันในอัลบั้มนี้ Spacebar VIBE ได้นัดพบสมาชืกวงทั้งสี่คนเพื่อมาพูดคุยกันถึงเรื่องราวทั้งหมดในซิงเกิลนี้และขวบปีที่ 16 กับการเติบโตที่ getsunova ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ให้ทุกวันเป็นวันที่ตื่นเต้นและสนุกอยู่เสมอ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เลื่อนลงไปอ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้เลย
ไม่ต้องมีที่ให้ฉันอยู่ แต่ขอแค่มีฉันอยู่ก็พอ (Spaceless)
ทำไมชื่อเพลงถึงหยิบประโยคนี้มาใช้
ปณต: จริงๆ ชื่อเพลงนี้ได้ไอเดียมาจากการสัมภาษณ์กับสื่อตอนซิงเกิลที่แล้วถึงเรื่องที่ว่า วง getsunova คิดว่าตัวเองอยู่ในจุดไหนของวงการเพลง แล้วพี่เนมเขาก็ตอบไปว่า ‘ไม่ต้องมีที่ให้เราอยู่ก็ได้ แต่ขอแค่มีเราอยู่ก็พอ’ ทุกคนก็เลยหันมามองหน้ากันแล้วคิดว่าคำนี้มันเท่ดี ฟังดูเป็น getsunova ก็เลยเอาคำนี้มาต่อยอดและกลับไปแต่งเพลงนี้ ทำเดโมเลย มันพิเศษทุกอย่างเลย ยิ่งไอเดียมันมาจากพี่เนมด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันเป็นตัวตนของพวกเราจริงๆ ฉะนั้นไหนๆ ตอบออกมาทั้งทีก็เลยหยิบทั้งประโยคมาใช้เป็นชื่อไปเลย
ไปร์ท: แล้วนานๆ ทีพี่เนมเขาจะตอบแบบมีสาระด้วย (หัวเราะ)
ปณต: อันนี้ชมจริงๆ มันใช้ได้เลยคำนี้ แทบไม่ต้องปรับแก้อะไรเลย

ขั้นตอนการทำงานของ getsunova ในปีที่ 16 ที่ต่างไปจากเดิม
เนม: แต่ละรอบก็จะไม่เหมือนกัน อย่างรอบนี้ก็จะขึ้นโครงเพลงกันมาแล้วมาเริ่มทำเดโม อันนี้เป็น สเต็ปแบบเดิมที่เคยทำมาตลอดอยู่แล้วตามปกติ แต่ความพิเศษหนนี้คือ เราบินไปสวีเดนแล้วให้โปรดิวเซอร์ที่ชื่อว่า Martin Penson เป็นคนทำเพลงให้ เขาเป็นโปรดิวเซอร์ยุคเก่าสมัยวง Scorpions พวกเราก็เลยอยากจะร่วมงานกับเขา ลองฝีมือคนต่างชาติดูบ้าง เพลงนี้จึงเป็นเพลงแรกที่เราขึ้นเดโมแล้วส่งไปให้เขาช่วยปรับจูนต่างๆ แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ไปร์ทกับปณตเขาบินไปที่สวีเดนเพื่อทำงานอัลบั้มนี้กันด้วย
ความแตกต่างของการทำงานระหว่างโปรดิวเซอร์ไทยกับต่างชาติ
ไปร์ท: ถามว่าต่างไหม? ในความรู้สึกคิดว่าทำงานกับฝรั่งมันก็มีความต่าง มันเป็นความน้อยแต่มาก มันรู้สึกได้จริงๆ ว่าเขาไม่ได้จุกจิกในภาพเล็ก แต่เขาปรับในภาพใหญ่มากกว่า อย่างที่ ปณต เล่าไปว่า เพลงนี้ทำเดโมเสร็จจากที่ไทยไปแล้ว เขานำไปแต่งเติมนิดๆ หน่อยๆ ทุกอย่างมันก็ลงตัวแล้ว จะต่างกันที่ตรงวิธีการทำงานของโปรดิวเซอร์แต่ละคนมากกว่า
พระเอกและนายเอกในมิวสิกวิดีโอที่เลือกมาเพราะเรื่องที่จะเล่ามันน่าสนใจ
เนม: ตอนแรกใจเราไม่ได้โฟกัสไปถึงการเอาพระเอกซีรีส์วายมาเล่นเลย เราคิดแค่ว่า บนความรักในสถานะความสัมพันธ์แบบนี้มันจะต่อยอดไปในทางไหนได้มากกว่า โดยเรื่องย่อคือ เรื่องราวความรักของคู่รักคู่หนึ่งที่เขามีความรักต่อกันจริงๆ แต่อีกคนไม่สามารถเป็นได้อย่างที่หวัง เขาต้องไปมีครอบครัว ต้องไปมีภรรยา ต้องไปมีลูก ฉะนั้นประโยคที่ว่า ไม่ต้องมีที่ให้ฉันอยู่ ขอแค่มีฉันอยู่ก็พอจึงเด่นชัดมากๆ ในมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ มันเป็นความจริงที่ต้องยอมรับให้ได้ พล็อตมันก็จะทวิสต์เรื่องราวต่อเนื่องไป
ปณต: ใช่ มันทวิสต์ มันไม่ใช่แค่แบบรักกันชอบกัน ไม่ใช่อย่างนั้น ความสัมพันธ์นี้มันเติบโตขึ้นไปและเป็นเรื่องราวที่ลึกซึ้งกว่านั้น น่าจะกระทบใจคนดู มันมีความดราม่า อย่างที่พี่เนมบอก มันจะไม่ได้มีความคู่วายคู่จิ้นขนาดนั้น จะเป็นฟีลเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตมากกว่า

ถ้าเปรียบเพลงนี้เหมือนในโลกฟุตบอลที่นาฑีกับเนมชื่นชอบ
คิดว่าเพลงนี้เหมาะกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอาร์เซนอลในรูปแบบไหน
นาฑี: จริงๆ เพลงนี้มันก็หมายถึงแมนยูฯ นะ (หัวเราะ) คือทีมเรามันไม่มีที่ที่อยู่ข้างบนแล้ว แล้วเราก็รู้ว่ามันไม่น่าจะได้แน่ๆ ในช่วงเวลานี้ แต่อย่างน้อยขอแค่ไม่ตกชั้น มีเราอยู่ในตารางก็เพียงพอแล้ว แค่นั้นเลย ไม่งั้นตกชั้นมาเราต้องไปเชียร์ทีมอื่นมันก็ไม่ใช่อีก ขอแค่มีที่ให้อยู่และได้อยู่ก็พอแล้วเหมือนกับเพลงเลย
ไปร์ท: จริงๆ นี่เป็นการสัมภาษณ์ที่ดีมากถึงดึงให้นาฑีพูดได้เยอะขนาดนี้ (หัวเราะ)
เนม: ต้องเปรียบเป็นคนดีกว่า ถ้าคนในทีมอาร์เซนอลเหรอ คิดว่าต้อง แอรอน แรมส์เดล เลย คือไม่ต้องมีที่ให้อยู่ก็ได้้ แต่ได้อยู่ก็ดี เขาเป็นคนเก่งมากแต่ไม่มีที่ให้เขาอยู่ เป็นเพียงแค่ผู้รักษาประตูมือสอง เป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เล่นดีมาตลอดแต่อยู่มาวันนึงมีคนอื่นเข้ามาแทน ต้องตกไปเป็นมือสำรอง มันเจ็บปวดนะ แต่ทำยังไงได้ในเมื่ออีกคนมันเก่งกว่า (หัวเราะ)

ถ้าเปรียบเพลงนี้เป็นเรื่องที่ปณตและไปร์ทมองว่าคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเจอ คิดว่ามีสถานการณ์ไหนอีกไหม
ปณต: ถ้าเป็นตัวการ์ตูนบ้างแล้วกัน ผมคิดว่าตัวที่อยู่ในสถานการณ์นี้น่าจะเป็นตัวหนึ่งในเรื่อง Parasyte ที่อยู่ที่นิ้วมือ แบบกูจะอยู่ให้ได้ แต่ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกันกับตัวอื่นๆ นะ มันมีความคิดแตกต่างจากตัวอื่นไปเลย คนมันจะอยู่เสียอย่างจะให้ทำไง (หัวเราะ)
ไปร์ท: ผมนึกอะไรไม่ออกเลย นึกออกอยู่แค่อย่างเดียวคือ ผมรู้สึกว่าบางครั้งมีความรู้สึกอย่างนี้กับตัวเอง บางทีเวลาอยู่บ้านแล้วลูกๆ แบบ ‘ไม่เอาปะป๊า ไม่เอาปะป๊า’ มันเป็นความรู้สึกที่เราเข้าใจเขานะ เขาอาจจะติดแม่หรืออะไรก็ตาม เราทำงานเยอะด้วย แต่ก็ขอเรานั่งอยู่ในบ้านก็ได้แค่นั้นเลย คิดว่าน่าจะเป็นสถานการณ์นี้
การทำงานในอัลบั้มใหม่ที่กำลังเดินทางไปในจุดที่ใกล้คำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’
เนม: จริงๆ มีเพลงอยู่พอสมควรแล้ว ตอนนี้ช่วงว่างๆ เราก็ทยอยอัดเดโมเพลงที่เหลือให้จบกันอยู่ อัดที่แกรมมี่เลย หลังสัมภาษณ์เสร็จเดี๋ยวทำเลย (หัวเราะ) แล้วพวกเราเองก็เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วสำหรับอัลบั้มนี้้ ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่า เราจะปล่อยเพลงไหนต่อจากเพลงนี้ครับ ทุกเพลงจะมีภาพมีเรื่องราวของมันที่แตกต่างกันออกไป อัลบั้มนี้จึงเป็นอัลบั้มที่ครอบคลุมอะไรหลายๆ อย่าง เพลงในอัลบั้มนี้จะมีความเป็น DNA ของ getsunova อยู่ เพลงแบบ ‘คนไม่จำเป็น’ อะไรแนวนี้ก็จะมีอีกครั้ง เราจะนำคาแรกเตอร์นี้กลับมา

16 ปีของ getsunova ทุกวันคือความแปลกใหม่
เนม: ก็ยังมีเรื่องให้ตื่นเต้นอยู่ตลอด ผ่านมา 16 ปี ทุกวันมันยังมีเรื่องใหม่ๆ เสมอ
ไปร์ท: ยังเจอเรื่องราวใหม่ๆ อยู่ตลอด อย่างเมื่อวานเกิดเหตุการณ์ตื่นเต้น ผมกับปณตไปเล่นเกือบไม่ทัน (หัวเราะ)
ปณต: เมื่อวานจากบางนาฝนตกแล้วน้ำท่วมบนถนน รถติดไม่ขยับเลย กว่าจะหาวิธีออกไปบางมดได้ยากมากๆ แต่ก็ทันนะ ถือว่าเป็นเรื่องตื่นเต้นที่เกิดขึ้น
ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันเสมอมากับเป้าหมายการเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต
ไปร์ท: มันเป็นความสัมพันธ์ที่แทบไม่ต้องคุยกันทุกวันก็ได้ เพราะมันรู้ใจกันแล้ว เรามาทำงานเราก็เต็มที่กัน มีสเปซมีพื้นที่ของตัวเอง มันไม่ได้เหมือนแฟนที่ต้องตัวติดกันตลอดเวลา ตีกันก็มีนะ ทุกคนมีพื้นที่ของตัวเอง แต่เราคุยกันให้งานจบมากกว่า
ปณต: ใช่ๆ เราไม่เคยทะเลาะกันเลย
เนม: ผมว่าช่วงอายุวงที่นานขนาดนี้มันผ่านช่วงตื่นเต้นมาเยอะ ยิ่งช่วง 5-6 ปีแรกทุกอย่างมันใหม่ไปหมด มีช่วงที่เบื่อรึเปล่า มันก็มีแต่เรารู้สึกว่า วงการเพลงไทยมันน่าตื่นเต้นตลอดเวลา เพียงแค่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราไม่ได้เป็น Main Player แล้วแต่เราก็ยังอยู่ในสนามการแข่งขันอยู่เสมอ เราว่าเราโอเคแล้ว มันกลับสนุกมากกว่าที่มีสไตล์ มีวงใหม่ๆ เกิดขึ้นในทุกวัน ที่สำคัญการมีแฟนเพลงที่น่ารัก มันคือกำลังใจของเรามากๆ ที่ทำให้เรายังอยู่ในเส้นทางนี้
นาฑี: ของผมก็เหมือนที่เนมพูด รู้สึกว่าปีนี้น่าจะสนุกกว่าหลายปีที่ผ่านมา อาจจะด้วยมีช่วงโควิดที่ไม่ให้มีการจัดคอนเสิร์ต แล้วก็แต่ก่อนเราอาจจะชินกับความที่ปล่อยเพลงมาแล้วมีกระแสตลอด ตอนนี้มันเหมือนกับว่าเราต้องเริ่มลุกขึ้นมาทำเพลงให้อยู่ในกระแสอีกรอบหนึ่ง แล้วก็เวลาไปอัดรายการ ช่วงพูดคุยอาจจะมีคำถามที่สนุกกว่าปกติที่เคยเจอ เพราะแต่ก่อนทุกคนจะรู้แล้วว่าต้องตอบอะไรบ้างเหมือนแบ่งหน้าที่กัน ตอนนี้มันเลยสนุกไปหมด

กราฟการเติบโตของ getsunova ที่ขึ้น-ลงเสมอมา
นาฑี: ‘ไกลแค่ไหนคือใกล้’ เปรียบเสมือนกับการคว้า Triple Champ ตอนนั้นมันขึ้นสูงมากๆ พอมีเพลงอื่นมามันอาจจะคว้า Double Champ บ้าง ได้แชมป์เดียวบ้าง บางเพลงแค่ลงแข่งขันเฉยๆ ก็มีมันมีขึ้นมีลงเสมอมา
เนม: โกลของพวกเราก็คือ การหาเวฟสองของวงให้เจอ มันยากนะ แต่คิดว่าตอนนี้พวกเราเริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว เราแค่ต้องหาที่ของเราให้เจอแค่นั้นเลย
การไปเล่นที่ต่างประเทศ เทศกาลในฝันกับความจริงที่ใกล้จะเกิดขึ้น
เนม: เราอยากไปเล่นทุกที่เสมอ เรามองว่าเทศกาลต่างๆ ตอนนี้มันเริ่มมีพื้นที่มีใหม่ๆ ให้ศิลปินได้ไปแสดงตัวตนมากขึ้น คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ศิลปินจะทำผลงานแล้วไปสู่สายตาคนต่างประเทศกัน ส่วนพวกเราเองเร็วๆ นี้ก็จะมีโอกาสได้ไปเล่นที่เทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่เทศกาลหนึ่ง รอประกาศก่อน เราดีใจและเป็นเกียรติมากๆ
ปณต: เป็นเทศกาลที่พวกเราไปกันบ่อยมากๆ ทุกเดือน 8 เราจะเบรกคิวงานเพื่อไปงานนี้เสมอ ปีนี้เราได้ไปแล้วก็อยากจะทำให้ดีที่สุด อยากให้รอลุ้นกัน
วงดนตรีหน้าใหม่ที่ getsunova ชอบฟังในช่วงนี้
เนม: ผมว่าตอนนี้มีวงดนตรีเกิดขึ้นใหม่เยอะเลย ผมฟังหลายวงเหมือนกัน แต่มักจำไม่ได้ว่าเขาชื่อวงอะไร (หัวเราะ)
นท: ผมชอบฟังวง Sherry, Purpeech ก็ฟัง
ไปร์ท: ผมฟัง 4EVE ผมดูน้องๆ เขาตั้งแต่ประกวดแล้ว ตอนนี้น้องๆ เขาดังมาก
เนม: ผมนึกออกแล้ว ผมฟังน้อง Guncharlie
นที: หลังๆ ไม่ค่อยได้ฟังเพลงเยอะ ถ้าฟังก็อาจจะเป็นเพลงที่ร้องให้ลูกฟังหรือเปิดให้ลูกฟังมากกว่า พวกเพลงวง Potato อะไรแบบนี้ผมยังเปิดให้ลูกฟังอยู่ รู้สึกว่ามันร้องตามง่ายและเราก็ได้ฝึกกีต้าร์ด้วย

16 ปีผ่านไปให้อะไรแก่ getsunova บ้าง
ไปร์ท: ให้ประสบการณ์ว่า อย่าออกจากบ้านสาย จะไปเล่นไม่ทัน
เนม: ให้บาลานซ์ชีวิตที่ดี เป็นบาลานซ์ที่มันอยู่ตัว ตอนนี้ก็มีพาร์ทครอบครัว แล้วก็มีพาร์ทเพื่อนๆ ตอนนี้รู้สึกว่าบริหารเวลาได้ดีกว่าตอนที่ยังวัยรุ่นอยู่ ช่วงนั้นที่รู้สึกว่าไปเล่นดนตรีอย่างเดียวแล้วไม่มีเวลาให้ที่บ้านกับครอบครัวหรืออะไรแบบนี้ ตอนนี้ลงตัวมากขึ้น
นท: ผมก็เช่นเดียวกัน ชีวิตนักดนตรีมันไม่ได้ถูกวางฟอร์แมทมาคล้ายกับพนักงานออฟฟิศ ทุกอย่างมีวันเวลาของมัน วันนี้มีวงเรา พรุ่งนี้อาจจะมีวงใหม่ๆ เกิดขึ้นมา การบริหาร การจัดการเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับเรา สิ่งที่ได้เรียนรู้จึงเกิดขึ้นในทุกวัน ทุกวันนี้แค่ได้พักผ่อน มีเวลาให้ครอบครัว แค่นั้นมันก็ดีมากๆ แล้ว
ฝากผลงานหน่อย
เนม: ฝากผลงานใหม่ของพวกเรา เพลง ‘ไม่ต้องมีที่ให้ฉันอยู่ แต่ขอแค่มีฉันอยู่ก็พอ’ (Spaceless) วันนี้ปล่อยแล้วทุกช่องทาง อย่าลืมไปฟังกัน แล้วก็ฝากวง getsunova ด้วย