ใครจะไปคาดคิดว่าวงร็อคมูลค่าสูงที่ได้รับฉายา The Most Dangerous Hard Rock Band in the World อย่าง Guns N’ Roses จะกลับมาเปิดการแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 3 แถมรอบนี้มาในชื่อทัวร์ที่ยาวเหยียด Because What You Want & What You Get Are Two Completely Different Things งานนี้ลั่นกระสุนร็อคใส่เหล่าแฟนเพลงกันไปแล้วเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี
แน่นอนว่าการมาเยือนครั้งนี้ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง นั่นคือค่าบัตรคอนเสิร์ตที่แพงสูงลิ่ว สวนทางกับเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน จนบรรดาแฟนคลับหลายคนยอมตัดใจไม่ไปดูวงสุดที่รักในครั้งนี้ ส่งผลให้ผู้จัดต้องลดสเกลของเวทีลงมา จากเดิม 2 ครั้งก่อนที่จัดใน SCG Stadium ของสโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ต้องย้ายมาจัดในธันเดอร์โดม ที่มีขนาดเล็กกว่าถึง 2 เท่า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศจาก outdoor มาเป็น indoor ก็แล้วกัน
นอกเหนือจากคอนเสิร์ต เราขอชมระบบการจัดการ-การขายของที่ระลึกหน้างานได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นจาก 2 ครั้งก่อน เราะครั้งนี้มีการจำกัดสิทธิ์ซื้อเสื้อทัวร์คนละ 2 ตัวเท่านั้น เพื่อป้องกันพ่อค้าคนกลางสอยไปฟันกำไรแบบมหาโหด ส่วนสินค้าอื่นๆ สามารถซื้อได้ตามที่ทุนทรัพย์อำนวย เราเลยยังได้เห็นบางคนสอยโปสเตอร์งานไปนับสิบๆ แผ่น เพราะนอกจากเสื้อแล้ว ก็มีโปสเตอร์นี่แหละที่สาวก GN’R ทั่วโลกเก็บสะสม เนื่องจากเป็นรูปที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละประเทศ แถมทำมาจำนวนจำกัดด้วย
จากหน้างานขอพามาด้านใน เมื่อประตูเปิดให้เข้าตามเวลา สาวก GN’R ไทยแลนด์ก็ทยอยกันเข้าไปจับจองที่นั่งที่ยืนตามอัธยาศัย กวาดสายตาไปรอบๆ ฮอลล์แล้วรู้สึกใจฟู เพราะจำนวนคนที่มาดูแทบเต็มความจุ ไม่โหรงเหรง พอกู้หน้าได้บ้าง ดีกว่าฝืนจัดด้านนอกแล้วมีคนดูแค่กระจุกเดียว
ล่วงเข้า 20.15 น. เสียงอินโทรกระตุกจิตกระชากใจของเพลง Welcome to the Jungle ก็พุ่งฝ่าอากาศขึ้นมา เรียกเสียงเฮจากคนดูดังกระหึ่ม พร้อมสมาชิกตัวเป็นๆ ของ GN’R บนเวที เป็นโมเมนต์ที่สร้างความฟินให้แฟนเพลงไปตามๆ กัน
พูดถึงสมาชิกของวง นอกจากแกนหลัก อย่าง Axl Rose (ร้องนำ), Slash (กีตาร์), Duff McKagan (เบส) แล้ว นักดนตรีแบ็คอัพยังคงเป็น Dizzy Reed (คีย์บอร์ด), Richard Fortus (กีตาร์) และ Melissa Reese (คีย์บอร์ด) ชุดเดิม มีเพียงกลองตำแหน่งเดียวที่เปลี่ยนไป เพราะได้ Isaac Carpenter มือกลองที่ร่วมงานกับ Duff ในไซด์โปรเจคต์ เข้ามาแทน Frank Ferrer ที่เพิ่งขอลาออกไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากรู้สึกอิ่มตัวกับการออกทัวร์ที่ยาวนาน และทีมนี้ก็เล่นกันเข้าขาดีมากจริงๆ พวกเขาทำให้ไลฟ์ของ GN’R ร็อคสุดๆ สมกับเป็นวงร็อคที่เล่นไลฟ์ได้สนุกเร้าใจเบอร์ต้นๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุอานามที่มากขึ้น ทำให้สมาชิกแต่ละคนไม่ได้ออกแอ็คชันกันมากเท่าไร รอบนี้เราไม่ได้เห็นภาพ Slash สับขาโซโล่กีตาร์ (แต่ทดแทนด้วยช่วงกระหน่ำโซโล่สุดมันส์) เช่นเดียวกับ Axl ที่ไม่ได้วิ่งพล่านทั่วเวที แต่ดีกรีความสนุกก็ไม่ได้ลดลงไปเลย สำหรับเสียงของ Axl บอกตามตรงว่าแม้จะดร็อปลงไปบ้าง แต่ถ้ามองถึงวัยนี้ ก็ถือว่ายังคงยอดเยี่ยม เอาตัวรอดได้ตลอดโชว์
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือแม้ว่า GN’R จะไม่ได้มีอัลบัมใหม่ออกมาในช่วงสิบกว่าปีมานี้ นับตั้งแต่อัลบัม Chinese Democracy ในปี 2008 แต่เพลงที่วงนำมาเล่นในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ก็ไม่ได้เหมือนกับครั้งก่อนแบบเป๊ะๆ และยังมี ‘อาวุธลับ’ เป็นเพลงคัฟเวอร์เช่นเคย ทั้ง Live and Let Die (โดย Paul McCartney and Wings) และ New Roses (โดย the Damned) เพลงที่ Duff รับหน้าที่ร้องเอง หรือแม้กระทั่ง Slither เพลงดังของซูเปอร์กรุ๊ป Velvet Revolver นำโดย Slash กับพลพรรคที่ทำเอาไว้ตอนพักวง เรียกได้ว่าเป็นรวมฮิตชุดใหญ่เลยทีเดียว
แต่น่าเสียดายที่รอบนี้ วงไม่ได้หยิบ Don’t Cry หรือ Patience มาเล่น เพราะทุกประเทศที่วงไปแสดงก่อนหน้านี้ จะต้องหยิบเพลงใดเพลงหนึ่งขึ้นมาเล่นเสมอ อย่างไรก็ตาม โชว์รวมเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ได้สร้างโมเมนต์แห่งความประทับใจให้กับสาวกในค่ำคืนนั้นทุกคน...เรามาลุ้นกันว่าจะมี ‘ครั้งที่ 4’ อีกหรือไม่
- Setlist
1. Welcome to the Jungle
2. Bad Obsession
3. Mr. Brownstone
4. Live and Let Die (Paul McCartney and Wings cover)
5. Chinese Democracy
6. Coma
7. Perhaps
8. Double Talkin’ Jive
9. It’s So Easy
10. Slither (Velvet Revolver cover)
11. Estranged
12. Better
13. Sorry
14. You Could Be Mine
15. Rocket Queen
16. Civil War
17. New Rose (The Damned cover)
18. Knockin' on Heaven's Door (Bob Dylan cover)
19. Hard Skool
20. Absurd
*Slash Guitar Solo
21. Sweet Child O' Mine
22. November Rain
23. Nightrain
24. Paradise City