ส่องประวัติศัพท์: คำว่า ‘แม่’ ในแต่ละประเทศ ทำไมต้องออกเสียงด้วย ม.ม้า

11 ส.ค. 2566 - 06:01

  • ในแต่ละประเทศมีคำเรียกแทนคำว่า ‘แม่’ เป็นของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ แต่มีที่มาและสามารถอธิบายด้วยหลักสัทศาสตร์และวิทยาศาสตร์

History-of-word-mother-SPACEBAR-Thumbnail
‘แม่’ เป็นสุดยอดแห่งคำในภาษาไทย และมักถูกใช้เรียกแทนสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่าง ‘แม่ทัพ’ ไปจนถึงสีพื้นฐานที่เราเรียกกันว่า แม่สี’ รวมถึงคำอื่นๆ อีกมากมายที่ให้ความหมายไปในเชิงของสิ่งที่เป็นหลัก เป็นพื้นฐาน ที่มั่นคงแข็งแรง นอกจากนี้คำว่า ‘แม่’ ยังเป็นคำแรกๆ ที่เราทุกคนพูดออกมาเมื่อครั้งที่เรายังเป็นเด็ก หากเราหันไปมองดูภาษาอื่นๆ อย่างเช่น ภาษาอังกฤษ จะพบว่าเด็กเจ้าของภาษาก็ออกเสียงคำว่าแม่เป็น ma’ หรือ ‘mother’ ซึ่งเป็นการออกเสียง เช่นเดียวกันกับเรา  

ฟังดูอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้าเราลองไปดูภาษาจีน เขาก็ออกเสียงคำว่าแม่เป็น ‘ma’ เช่นกัน เหมือนที่ชาวไทยเชื่อสายจีนเรียกแม่ตัวเองว่า ‘หม่าม้า’ และภาษาอื่นๆ เกือบ 100 ภาษาที่เรียกแม่ขึ้นต้นด้วยการอ่านออกเสียง ม แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ 

แต่ก่อนอื่นมาดูกันว่าคำว่า ‘แม่’ และคำว่า ‘mother’ มีรากศัพท์ และความเป็นมาอย่างไรบ้าง
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1uhG0Ph71x6z0rPSKwDvyO/7be25a5942ccaf508f3cf701e82ffd51/History-of-word-mother-SPACEBAR-Photo01
ที่แน่นอนคือคำว่า ‘mother’ มาจากตระกูลภาษาอินโดยูโรเปียนที่เรียกได้ว่าเป็นแม่ของทุกภาษาเกือบทั่วยุโรป คำว่า ‘mother’ นั้นมาจากคำว่า ‘mater’ หรือมาแตร์ คำนี้ฟังคุ้นๆ เหมือนชื่อโรงเรียนสักแห่งในประเทศไทย นั่นเป็นเพราะว่ามาแตร์นั้นแปลว่า ‘แม่’ ซึ่งเรียกแทนพระแม่มารีในศาสนาคริสต์ คำว่า ‘mater’ เป็นภาษาลาตินที่รับมาจากภาษาอินโดยูโรเปียนที่ออกเสียงคล้ายกัน 

สำหรับเมืองไทยก็รับคำว่า ‘มารดา’ มาจากสันสกฤตที่รับมาจากอินโดยูโรเปียนเช่นกัน จะสังเกตเห็นถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างการออกเสียงคำว่า ‘มารดา’ และ ‘mother’  

หากกลับมาที่คำว่า ‘แม่’ ซึ่งตามหลักแล้วเป็นภาษาไทยแท้ แต่หากจะพูดว่าแท้เลยก็คงไม่เชิง เพราะคำว่า ‘แม่’ เป็นการรับมาจากภาษากลุ่มไทกะไดที่เกือบจะเรียกได้ว่ามีบรรพบุรุษร่วมกับภาษาจีนเลยเสียด้วยซ้ำ อย่างที่รู้กันในแวดวงวิชาการว่าภาษาไทยของเรามาจากชนชาติที่เรียกว่า ‘ชาวจ้วง’ ซึ่งเป็นชาวจีนที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนในปัจจุบัน 

กลับมาที่คำถามว่าทำไมแต่ละประเทศออกเสียงเรียกคำว่าแม่ขึ้นต้นด้วยเสียง ม กันเกือบหมดเลย ซึ่งเรื่องนี้สามารถอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ 

เจนน์ แคมป์เบล (Jenn Campbell) นักวิจัยจาก UBC ศึกษาเรื่องการอ่านออกเสียงของเด็กในสหรัฐอเมริกาและจีน โดยเด็กเหล่านี้มีอายุระหว่าง 8-16 เดือน ที่มาจากครอบครัวที่ใช้ภาษาอังกฤษ ภาษากวางตุ้ง และภาษาจีนกลาง 

งานวิจัยของแคมป์เบลพบว่าเด็กอายุ 6 เดือน สามารถเรียกหรือเข้าใจได้ว่าใครเป็นพ่อหรือแม่ แม้ว่ายังพูดออกเสียงไม่ได้  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/22mgKYzpOVy3xlfuveEhlH/e69845f018528c473279259d0929e53d/History-of-word-mother-SPACEBAR-Photo02
การศึกษาของเธอเป็นการสังเกตเด็กอายุ 6 เดือน จำนวน 40 คน จากวิดีโอเพื่อสังเกตพฤติกรรมของเด็กขณะที่พ่อแม่กำลังถามให้เด็กอ่านออกเสียงไปมาระหว่างคำว่า ‘พ่อ’ กับ ‘แม่’ ซึ่งผลสรุปคือจากมุมมองเรื่องสัทศาสตร์ทำให้รู้ว่าเด็กออกเสียงคำว่า ‘mama’ มากกว่าคำว่า ‘dada’  

ส่วนเหตุผลนั้นง่ายมาก เป็นเพราะเด็กนั้นออกเสียง ม หรือ m ได้ เพียงแค่เผยอปากออกเพียงนิดเดียว ส่วนเสียง ด หรือ d ต้องใช้ลิ้นดันเพดาน ซึ่งมีความยุ่งยากกว่ามาก นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ในภาษาแต่ละประเทศนิยมใช้คำแทนว่าแม่ด้วยเสียง ม หรือ m เพราะเป็นการออกเสียงแรกของเด็ก และยามที่เด็กต้องการเรียกหาแม่นั้นมักใช้เสียง ม หรือ m ในการเปล่งออกมานั่นเอง 

ทีนี้ก็คลายความสงสัยกันได้บ้างแล้วว่าทำไมชาวจีน ชาวไทย หรือกลุ่มคนใช้ภาษาอังกฤษ ถึงเรียกแม่ขึ้นต้นด้วยเสียง ม ซึ่งนอกจากเด็กจะเห็นแม่เป็นคนแรกในชีวิตแล้ว คำว่า ‘มา’ หรือ ‘แม่’ ก็เป็นเสียงแรกของเขาด้วยเช่นกัน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์