บทสัมภาษณ์ NINEOKMAI วงดนตรีที่อยากบำบัดหัวใจคนฟัง

17 ธ.ค. 2567 - 05:00

  • Spacebar VIBE ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวงดนตรีรุ่นใหม่ NINEOKMAI กับเรื่องราวที่มาของวงจากวันเริ่มต้นใหม่ของสี่สมาชิก คีตะ, โบ๊ท, ต่อ และบูม สู่วันที่พวกเขามีความสุขทุกวันในการทำวงดนตรีวงนี้ พร้อมเป้าหมายของวงที่อยากทำเพลงแก่โลกใบนี้ให้ผู้ฟังได้พบกับความสดใสและมีพวกเขาอยู่เคียงข้างตลอดไป

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Hero.jpg

NINEOKMAI ประกอบไปด้วย 
คีตะ- คีตะ แจ้งวัฒนะ (ร้องนำ, มือกีต้าร์)  
โบ๊ท- นิธิศ วารายานนท์ (เบส) 
ต่อ- พนิต มนทการติวงค์ (กีต้าร์) 
บูม- ถิรรัฐ ภู่ม่วง (กลอง) 

บทสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันหนึ่งในเดือนธันวาคม วันที่ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงประกายอยู่บนท้องฟ้า ผมมีนัดสำคัญเพื่อพูดคุยกันกับวงดนตรีน้องใหม่ไฟแรงที่มีชื่อว่า NINEOKMAI วงดนตรีชื่อประหลาดที่เป็นเหมือนการตั้งคำถามกับผู้เรียกชื่อวงว่า นายโอเคมั้ย? โอเครึเปล่า? วันนี้ผมจะพาไปรู้จักพวกเขาในทุกมิติและทันทีที่เครื่องบันทึกเสียงเริ่มทำงานบทสัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยพลังงานแห่งความสุข เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มเหล่านี้จึงเกิดขึ้น

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Photo_SQ01.jpg

ความสุขในทุกวันนี้กับการมีวงดนตรีที่ชื่อว่า NINEOKMAI ในชีวิต? 

บูม: โอเคเลยนะ เราตั้งใจทำวงนี้มาเกือบปีครึ่งได้ เหมือนเป็นสิ่งที่เราอยากเล่น มันไม่ได้ต้องพยายามเป็นอะไรสักอย่าง รู้สึกแบบไหนก็เล่นแบบนั้นไปเลย  

คีตะ: ของผมก็จะมีหลายแง่มุมแตกต่างกันออกไป ผมโอเคมากๆ อยู่แล้วกับการมีวงดนตรีวงนี้ มันเป็นเหมือนการปักหมุดความรู้สึกของผมในแต่ละช่วงเวลา อย่างเช่นเพลงแรกที่ออกมามันก็เป็นช่วงที่เราตั้งคำถามกับตัวเอง เป็นการแปะไว้ว่าเพลงนี้เราจะยืนอยู่ข้างๆ ตัวเองนะ เพลงต่อๆ ไปก็จะเป็นอีกช่วงเวลานึงของความรู้สึกนึกคิดของผม มันเป็นเหมือนบันทึกเล่มนึงเลย  

โบ๊ท: ผมนี่เรียกวงนี้ว่าเป็นเฟืองตัวใหญ่ตัวใหม่ในการขับเคลื่อนชีวิต ก่อนหน้านี้เคยรู้สึกเคว้งในสิ่งที่ทำ ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นตัวเราทั้งหมด ทำเพราะมันเป็นงาน แพสชันมันหมด การมีวงนี้มันเป็นเหมือนการฉุดเราขึ้นมาสู่การสร้างสรรค์งานอีกครั้ง ทำให้รู้สึกว่าพอมีความสุขกับสิ่งที่ทำมันก็กระจายไปสู่งานอื่นๆ ที่ทำอยู่ด้วย เหมือนเราได้ร่างใหม่ ร่างที่เราถามตัวเองว่านายโอเคมั้ย? เฮ้ย! เราโอเคแล้ว มันมูฟไปข้างหน้าได้ดีกว่าเดิมเยอะทั้งสภาพจิตใจและร่างกาย  

ต่อ: รู้สึกเป็นอิสระไม่ต้องปั้น แต่ก่อนเราอาจจะต้องทำตัวเองให้เป็นคาแรกเตอร์อะไรบางอย่าง ทุกคนตอนนี้มันคือธรรมชาติ สามารถแสดงอะไรออกมาได้เลย ได้สร้างอะไรที่มันเป็นสิ่งใหม่ของทุกคนขึ้นมา มันสนุกจนเรารู้สึกสบายใจไม่อึดอัด ตอนนี้ผมอยากจะทำอะไรบ้าๆ บอๆ ก็ได้ 

บูม: ต้องขยายก่อนว่าวงเก่าเราเหมือนเป็นบริษัท เราต้องทำตามกฏนะ ซึ่งทุกคนก็ตกลงกันตั้งแต่ต้นแล้วว่าเราจะเคลื่อนไหวแบบไหนอย่างไร  

โบ๊ท: วงเก่าเราตกลงกันมาแล้ว เราเข้มกับกฏของเรา  

บูม: วงเก่ามันง่ายมากในการเซ็ตอะไรสักอย่าง มันพร้อมมาตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าเราจะต้องทำตามแบบไหน ฟีลเหมือนเป็นพนักงานบริษัทต้องใส่ชุดยูนิฟอร์ม  

โบ๊ท: ข้อดีคือมันชัด แต่ข้อเสียคือจะหยิบลูกเล่นหรืออะไหล่ที่มีมาเติมมาใช้ไม่ได้ ฝั่งเรามันจะฟีลแบบคนรุ่นใหม่อยากเขียนกฏหมายเองบ้าง ข้อดีคนละแบบ

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Photo_SQ02.jpg

การตัดสินใจครั้งสำคัญของบูมและโบ๊ทพร้อมตัวละครลับ คีตะ? 

บูม:  ตั้งแต่วงเก่ายุบไปเราคิดอยากจะทำอะไรสักอย่างนึงก็เลยไปชวนโบ๊ทมาทำวงนี้กัน ณ ตอนนั้นมีสองคนมาก่อน  

โบ๊ท: วันที่เริ่มโปรเจกต์นี้ในตอนนั้นเรายังทัวร์คอนเสิร์ตสุดท้ายกันอยู่เลย เราแค่วางไว้เป็นไอเดีย  

ต่อ: สำหรับผมตอนนั้นมันเป็นเหมือนการเคานต์ดาวน์เลย ปัญหาการเล่นดนตรีแล้วไม่สนุกของเราเมื่อไหร่มันจะสิ้นสุดลง เราอยากไปทำอย่างอื่นแล้ว  

โบ๊ท: อย่างที่บอกเลยว่านัดกับบูมแล้วว่าจะไปเล่นดนตรีกันสองคนต่อ ไปเล่นกับรุ่นพี่หลายๆ คนที่เรารู้จัก เล่นให้พี่ทวน Day Tripper หรือจะไปเล่นให้คนอื่นไปเป็นวงแบ็คอัพเลย แต่พอไปลองแล้วมันกลายเป็นเหมือนการไปศึกษางาน  

บูม: พวกวิธีการเล่นมันจะต่างกัน พวกเราไม่ได้เป็นนักดนตรีอาชีพ เราไม่สามารถเล่นทุกเพลงที่เขาทำกันได้ เราเล่นเพลงคนอื่นแล้วมันจะรู้สึกอีกแบบ ก็เลยคุยกับโบ๊ทว่าไม่เอาดีกว่า ทำวงเล่นกันสนุกๆ น่าจะดี เราก็เลยมาสร้างพื้นที่ตรงนี้ที่ตอนแรกมีแค่สองคนแล้วก็ไปหาสมาชิกเพิ่ม ไปชวนคุณนิว (สมาชิกยุคแรก NINEOKMAI) ตอนนั้นเนี่ยมันมีสมาชิกสามคน เราก็อยากให้นิวร้องด้วยแต่นิวไม่เอา ผมก็เลยต้องไปหาสมาชิกเพิ่ม นึกถึงคีตะ เขาเป็นลูกศิษย์อยู่ที่ Rockademy แล้วเราเห็นมาตลอดว่าเขาเล่นกีต้าร์เก่ง ปรากฏไปดูในคลิป เฮ้ย! มันร้องเพลงได้ ตอนนั้นก็ยังไม่มี ต่อ เข้ามานะ  

คีตะ: ผมเองก็เห็นพี่บูมมาตลอดแต่ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน แล้วเขาก็พิมพ์มาง่ายๆ ว่า เฮ้ย! คีตะว่างมาร้องเพลงให้รึเปล่า? ผมก็ตอบไปว่า ได้พี่! ตอนนั้นผมแบบได้หมดเลย แล้วพอมาถึงตอนซ้อมผมก็ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไร เจอกันครั้งแรกก็ตรงนี้ที่เราคุยกันเลยครับ 

การกลับมาของ ต่อ ที่อยากเล่นดนตรีอีกครั้ง  

ต่อ: ก่อนที่จะเลิกมันจะมีช่วงว่างอยู่ พอใกล้ๆ จะจบวงเก่าเหมือนมันเริ่มเหวอ กูจะกลับไปเล่นดนตรีคนเดียวรึเปล่า ทำคนเดียวแล้วจะทำไปเพื่ออะไร ทำคนเดียวจะสนุกมั้ย เราก็หันไปถามโบ๊ทกับบูมเรื่อยๆ ว่าวงไปถึงไหนแล้ว ตอนนั้นเรายังไม่เอา กลัวไปเป็นตัวถ่วง ถามไปเรื่อยๆ ใครมาร้อง เขาก็บอกคีตะมาร้อง เราก็รู้สึกว่าน่าสนใจเลยเปิดไอจีดูไปเรื่อยๆ แม่งมีทรงว่ะ เหมือนเวลาเห็นคนที่มีพาวเวอร์มันเหมือนเติมพลังให้เราด้วย ถ้าเราเล่นกับคนที่มันมีพลังงานแห่งความสุขมันน่าจะสนุกดี น่าจะดึงความสนุกหรือความสดใสอะไรบางอย่างจากตัวเราได้ ก็เลยรู้สึกว่าโอเค เรายอมรับในตัวเขาไปเลย ตอนแรกงงๆ อยู่ว่าจะเล่นกันยังไงวะวงนี้ มันไม่น่าใช่นะ  กลายเป็นว่าเรายังไม่ได้ปรับตามเขา เรายังเล่นเหมือนเดิมนี่หว่า เหล่านี้มันก็เหมือนรีเฟรชเราด้วย  

บูม: พวกเราสามคนเหมือนเล่นด้วยกันมานาน เวลาผ่านไปแล้วมันกลายเป็นน้าของวงการดนตรี  มันชิน ตอนนี้ถ้าเรายังเล่นกันสามคนอยู่เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าเด็กรุ่นใหม่เขาเล่นอะไรกัน เราจะกลายเป็นน้าแล้วก็จะกลายเป็นลุง เป็นคนที่เล่นแบบเดิมอยู่ได้  

ต่อ: หลังจากที่ตกลงเข้ามาในวงผมก็ฟิตเลย ทำเดโม่เลย ทำไป 2-3 เพลง  

โบ๊ท: ซึ่งเพลงนายโอเคมั้ย? มันเป็นเดโม่ที่เขาขึ้นไว้แล้วมาพัฒนาต่อ

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Photo_SQ03.jpg

การตั้งชื่อวงเหมือนเป็นการตั้งชื่อลูก  NINEOKMAI มาจากไหน? 

โบ๊ท: เรื่องนี้คุยกันเป็นปีพอๆ กับการจะปล่อยเพลงแรก มันมาจากเหตุการณ์นึง ผมอยู่กับบูม แล้วบูมเพิ่งไปปรับลุคมา หัวขาวถอดเสื้อตีกลอง เราก็รู้สึกญี่ปุ่นขึ้นมา ถ่ายรูปออกมาแล้วเหมือนวงญี่ปุ่นเลยว่ะ บอกบูมว่าทำวงเล่นกันชื่อวง NINEOKMAI จะได้ไปตะโกนพูดบนเวทีว่า สวัสดีพวกเรานายโอเคมั้ย? คนดูจะได้ตอบว่าโอเค แค่นี้ก็มันแล้ว 

ต่อ: มันดูก๊ากมากเลยตอนที่โบ๊ทเล่าให้ฟัง ตลกแบบผมขำปวดท้องอ่ะ 

โบ๊ท: เรื่องชื่อมันมีสองทาง คนแบบเราๆ ก็จะบอกว่าเอาเหอะขอร้องใช้ชื่อนี้เถอะ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่หน่อยเขาก็จะบอกว่ามันได้เหรอ แต่สุดท้ายแล้วพอมันเรียบเรียงชื่อออกมาจากชื่อก่อนหน้านี้ Orange Kenny J, Error Swift, Last Onzen, HoneyBomb มันไม่ได้เลย สุดท้ายเราก็มาตกผลึกที่ชื่อนี้ มันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่เราต้องการสื่อสารด้วยว่านายโอเคมั้ย? เราอยู่ข้างๆ นาย บอกคนฟังด้วย เป็นตลกก็ได้ เป็นจริงเป็นจังก็ได้  

ซิงเกิลแรก นายโอเคมั้ย? เพลงที่มีนัยมากกว่าฉันจะอยู่ข้างๆ เธอ  

คีตะ: เนื้อเพลงถ้าฟังแล้วมันอาจจะแบบนึกถึงการที่เรายืนอยู่ข้างๆ ใครสักคนก็เป็นได้ แต่ใจความแท้จริงของมันก็คือการพูดถึงตัวเองเลยครับ มันคือการที่เราจะยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง ไม่ทอดทิ้งสิ่งที่เป็นอดีตของเรา ยืนอยู่ข้างตัวเองในวันที่ทุกการเปลี่ยนแปลงของเราที่ผ่านมาคือการหล่อหลอมให้เราไม่ทิ้งความรู้สึกของตัวเอง เนื้อเพลงตั้งแต่แรกมันคือฉากในชีวิตจริงที่ผมไปเข้ารับการรักษาด้วยวิธีจิตบำบัด คุณหมอทักทายว่าคุณคีตะลองหลับตาดูนะคะ หายใจเข้า-ออก เหมือนในเนื้อเพลง ผมเอาคำพูดเขามาเลย  

โบ๊ท: เพลงนี้มันเหมือนกับการกลับไปบอกเด็กชายในวันนั้นว่านายโอเคมั้ย? มันจะเป็นคำของจิตแพทย์หลายๆ คนที่พูดจนติดปาก ผมชอบมากเลย เมื่อเรากลับไปให้อภัยและกลับไปกอดเด็กชายคนนั้นในอดีตได้อนาคตมันถึงจะไปต่อได้ นี่คือแก่นแท้ของเพลงนี้

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Photo_SQ04.jpg

แนวเพลงของวงที่จำกัดความด้วยคำว่า Pop-Rock สำหรับคนไทยที่ชอบดินแดนซามูไร 

บูม: อยากเรียกว่า Pop-Rock ที่มีอิทธิพลจากดนตรีญี่ปุ่นมากกว่า เราไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่นโดยแท้รวมไปถึงวิธีการเล่นด้วย เราแค่เป็นคนฟังเพลงญี่ปุ่นแต่ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าพวกเราคือกูรูแห่งเจร็อก ไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ  

โบ๊ท: หรือเวลาถ้าคนญี่ปุ่นมองกลับมาเราก็รู้สึกว่าเราไม่ใช่คนญี่ปุ่นเหมือนกัน เราแค่ชอบและอยากถ่ายทอดออกมา  

บูม: ดนตรีมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆ อะไรก็ตามที่เราฟังมันมักจะถูกถ่ายทอดออกมาแบบนั้น สุดท้ายเราเล่นมาแม่งก็เป็นแบบนี้เลย เราไม่ได้พยายามจะเป็นคนญี่ปุ่น พวกเราเป็นคนไทย อย่างเนื้อร้องตอนแรกเลือกกันว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น หรือไทยดี แต่เราเป็นคนไทยเราควรร้องภาษาไทยเดี๋ยวมันก็ไปถึงเอง 

โบ๊ท: ในคอมเมนต์เขาจะบอกว่าเราเป็นเจร็อก พวกเราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ถ้าตั้งใจจริงๆ สัดส่วนซาวนด์มันต้องอีกแบบนึงเลย ความเจของเรานิยามแบบนั้นเลย เจของเราไม่เท่ากัน ซึ่งเพลงต่อไปที่ใกล้จะเสร็จแล้วยังไม่รู้เลยว่าดูญี่ปุ่นรึเปล่า มันก็มีความเป็นฝรั่งด้วย (หัวเราะ)  

ต่อ: เดี๋ยวมันจะมีอะไรให้นึกถึงอีกแน่นอน แต่อิงความสนุกของตัวเองเป็นที่ตั้งแน่ๆ 

ความตื่นเต้นและความท้าทายรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากการมีโปรดิวเซอร์ 

ต่อ: มันตื่นเต้นนะ พอทำเพลงมาแล้วไปถึงมือโปรดิวเซอร์มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ 

บูม: ปกป้อง (ปกป้อง จิตดี สมาชิกวง Plastic Plastic) เป็นคนที่ทำงานเน้นความคิดสร้างสรรค์มากๆ ปกติเวลาทำเพลงเราทำเดโม่มา ไปถึงตอนอัดคิดอะไรมาก็เล่นเลย เล่นไปก่อนแบบไหนก็ได้ที่ใจคิดแล้วเขาจะกดอัดเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ออกมาเล่นผิดเล่นเพี้ยนไปนิดนึงแต่ดี ปกป้องก็เอามาตัดมาแปะเลย ถ้าเป็นเราจะมองว่ามันไม่เป๊ะ แต่กลับกันสิ่งนี้มันคนละแบบกันเลย การทำงานมันตื่นเต้นดี มันสนุกมากๆ กลายเป็นว่าแทนที่เราทำการบ้านไปตอนซ้อมเรื่องอัดเขาคือคนที่ให้ไอเดียเรามากกว่า  

โบ๊ท: เขาเติมเต็มคำว่าซาวนด์ดีไซน์สุดๆ มันไปได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอเดียทิศทางวงเราบรรเจิดกันอยู่แล้วแต่เรื่องซาวนด์มันต้องมีคนมาช่วย เราทำไม่เป็น เขาเอาเสียงออกมาจากในหัวเรา เขารู้ว่าเราคิดอะไรอยู่  

คีตะ: อย่างผมคิดไลน์กีต้าร์มาชุดนึง ตัดมาแค่นิดนึงแล้วเอาไปกดมาเป็นคีย์บอร์ด กลายเป็นไลน์ใหม่จากกีต้าร์  

โบ๊ท: อย่างเบสผมชอบเพลงญี่ปุ่นเลยใส่มาเยอะมากๆ พอไปอัดจริงๆ มันไม่มีอะไรมาขวางเลย เราเล่น เราวิ่งได้เลย ผมไปอ่านคอมเมนต์ที่บอกว่าวงนี้เขาศึกษาเพลงญี่ปุ่นมาเยอะแน่ๆ ผมคิดในใจ ไอ้เชี่ยมึงเล่นเบสเยอะขนาดนี้เพื่อนในวงมึงไม่ด่าเหรอไงวะ (หัวเราะ) จนแบบอ่อมันมีทางอยู่ มันทำได้  

สไตล์การแต่งตัวจากความมืดสู่แสงสว่างและความสนุกที่ไม่มีข้อจำกัด 

บูม: ก่อนหน้านี้วันธรรมดาเราไม่ใส่เสื้อสีดำกันอยู่แล้ว ปกติวงเก่าที่ทุกคนเห็นเราจะใส่แต่เสื้อสีดำ มันเหมือนเป็นการทำงานออฟฟิศ มันก็จะมียูนิฟอร์มของมัน ตอนนี้ก็สนุกกับการแต่งตัว อย่างวันนี้แค่คิดว่าแต่งตัวง่ายๆ ใส่มาเถอะก็ออกมาเป็นแบบนี้  

โบ๊ท: ผมเซอร์ไพรส์ ‘ต่อ’ ที่เอาเสื้อแฟนมาใส่ทั้งตัว มันเท่นะเว้ย (หัวเราะ)  

บูม: อย่างคีตะเวลาแต่งตัวมันก็รู้ว่าคนญี่ปุ่นแต่งตัวแบบไหนตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว แต่เอ็มวีเพลงเราก็มีสไตลิสต์นะ เขาก็จัดชุดมาให้ เราชอบมากๆ ทำให้เรากล้าที่จะแต่งตัวแบบนี้ได้

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Photo_SQ05.jpg

ปี 2025 กับความท้าทายที่ NINEOKMAI รอพบเจอ 

โบ๊ท: ต้นปีจะมีซิงเกิลที่สองมาให้ทุกคนได้ฟังกันแน่นอน ช่วงปีหน้าเราจะไปเล่นที่จังหวัดขอนแก่นวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เล่นทั้งหมด 30 นาที เล่นได้แค่นี้จริงๆ ช่วงแรก ตั้งแต่ทำเพลงมายังไม่เคยซ้อมด้วยกันเลย (หัวเราะ)  

บูม: เราชอบการไปทัวร์มาก คิดถึงการไปทัวร์ เราเป็นคนชอบกินกาแฟ เล่นเสร็จจะไปกินกาแฟ สนุกมากๆ รอจะได้ไปอยู่ครับ  

โบ๊ท: ระยะยาวเราจะประกอบร่างเพื่อให้มีโชว์หนึ่งชั่วโมงเต็มให้ได้ สำคัญคืออยากให้คีตะเก็บชั่วโมงบินด้วย แรกๆ คนดูไม่ต้องมาจับผิดอะไรเลยนะ พวกเรามือใหม่นะ เราเป็นวงใหม่  

บูม: ใครกอดอกกูชี้หน้านะ (หัวเราะ)  

โบ๊ท: มันเหมือนทุกอย่างใหม่หมดเลย อยากให้ทุกคนไปช่วยให้กำลังใจเรา

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Photo_SQ06.jpg

คีตะ คีย์แมนคนสำคัญของ NINEOKMAI กับบทบาทใหม่ ‘ศิลปินมืออาชีพ’  

คีตะ: จริงๆ ผมก็รู้สึกปกตินะ รู้สึกเฉยๆ ครับ เหมือนเวลาไปเจอสื่อเขาถามมาผมก็ตอบไป มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เหมือนมาสนุกกับพี่ๆ ทุกคนมากกว่า อาจจะมีเหนื่อยๆ บ้างแต่สบายครับ ก่อนหน้านี้ผมก็มีเล่นแบ็คอัพให้หลายๆ วงแต่ก็ไม่เคยถึงจุดที่ต้องมาเดินสาย มันแปลกดีนะที่ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปิน ยังต้องผ่านอะไรอีกเยอะ ควรเปิดรับกับมันอย่างเต็มที่ ผมคิดว่าตรงนี้อันตรายมากๆ ผมต้องระวังให้มาก มันอาจจะทำให้เราเปลี่ยนไปก็ได้ครับ  

โบ๊ท: ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย น้าๆ อย่างพวกเราปูทางไว้แล้ว ที่ผมไม่เคยบอกใครก็คือ ตอนผมทำวงเก่าผมอายุใกล้ ๆ มันเลย ผมไม่เคยเล่นงานกลางคืน ไม่เคยขึ้นเวทีอะไรทั้งสิ้น แว่บเดียวเป็นศิลปินแล้ว มันเกร็งนะ เหงื่อแตกเลย เดี๋ยวน่าจะเจอเหมือนกัน  

บูม: แต่คีตะมันจะมีความจัดจ้านบนเวทีอยู่แล้ว เด็กยุคใหม่จะไม่มีความตื่นเวที หลายๆ วงผมเห็นเขาเล่นกันไม่มีเขินเลย แต่ก่อนเราพูดหน้ากล้องเรายังเขิน เด็กรุ่นใหม่สบายเลย เดี๋ยวเราไปดูกันบนเวทีละกัน  

NewJeans คืออะไหล่ชั้นดีในการคิดเพลงของ NINEOKMAI 

โบ๊ท: เออ! ผมลืมบอกว่า NewJeans นี่เป็นอะไหล่หลักของผมในการทำเพลงแรกของ NINEOKMAI เลยนะครับ 

บูม: เรื่องนี้ก็สนุกดี เราอยากทำเพลงแบบเกิร์ลกรุ๊ปหรือบอยแบนด์เหมือนกันนะ เราไปศึกษามาว่าบีทกลองมันน้อย มันไม่มีอะไรเลย มันง่ายๆ เรียบๆ แต่เอ็มวีหน้าก็อยากจะทำหน้าให้เนียนกว่านี้อีก ใช้งบฯ เพิ่มขึ้นเพื่อทำหน้าตัวเองให้หล่อ (หัวเราะ)

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Photo_SQ07.jpg

กระแสตอบรับของแฟนเพลงที่เป็นมากกว่าคำชมคือ การทำให้แฟนเพลงมีชีวิตอยู่ต่อไป 

ต่อ: มันคือพลังงานแห่งความสุขที่สะท้อนกลับมา เรารับรู้มันได้เลย คนอื่นเขาบอกว่าพวกเราดูแฮปปี้ เรารับรู้ได้ มันไม่ได้ปลอม มันมีแต่ความรู้สึกใหม่ๆ ที่เขาบอกว่ามันคือความสนุก เป็นความสุขที่เขาได้รับ มันเติมเต็มไปหมดเลย มีเคสที่น้องแฟนเพลงมาเล่าให้ฟังว่า เหมือนเขาคิดว่าไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ตื่นมาอยู่โรงพยาบาลแล้ว พยายามทำร้ายตัวเอง เขาบอกว่าขอบคุณมากๆ พี่ เพลงมันทำให้ผมรู้สึกว่าพวกพี่เหมือนเดินมาตบไหล่และอยู่ข้างๆ ผมเลย ผมอยากฟังเพลงของพี่ๆ ต่อนะ ไม่อยากจะคิดแบบเดิมอีกแล้ว 

บูม: อันนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนนะ เราเป็นแค่หนึ่งในสื่อที่นำเสนอละกัน เราไม่ได้บอกว่าการฟังเพลงของเรามันจะช่วยชีวิตได้นะ มันเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในชีวิตที่เรายังสนุกอยู่ เราก็อยากให้ทุกคนมาสนุก ไปด้วยกันต่อ สู้ด้วยกันต่อ มันอาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่ชีวิตทุกคนมันจะดีขึ้นนะในสักวันนึง  

คีตะ: เราอยากจะทำให้เหมือนตอนเด็กๆ ที่เราฟังเพลง เราอยู่กับเพลงเพลงนึง ช่วงนั้นผมก็จะมีเพลงที่ฟังเป็นประจำแล้วทำให้เราอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ผมอยากจะส่งความรู้สึกเหล่านั้นไปหาแฟนเพลงไปหาคนฟัง มันคือความตั้งใจที่อยากส่งพลังงานดีๆ ให้กับคนที่ได้ฟัง เป็นพื้นฐานของเราเลย  

ต่อ: กับผมเองยังได้รับเลยนะ บางวันที่เราดาวน์จัดๆ ทำไมฟังเพลงนี้แล้วมันเติมอะไรบางอย่างให้เรารู้สึกกลับมา พอเรามาฟังเพลงนี้มันช่วยได้ยังไงไม่รู้ 

โบ๊ท: ผมแนะนำนะ ลองฟังในเวย์ขาไปในการใช้ชีวิต ลองฟังเวย์นี้ดู มันทำให้รู้สึกเหมือนไปแล้วมันจะมีปลายทางข้างหน้าที่ดี เป็นความหวังเล็กๆ ฝั่งเราเองคนเดียวนะ เราจะขยับมาใกล้ NewJeans อีกนิดนึง ให้เพลย์ลิสต์มาใกล้นิดนึง (หัวเราะ)  

แห่งหนที่อยากไปเล่นในอนาคตอันใกล้นี้ของ NINEOKMAI ที่ที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง 

บูม: ผมอยากไปเล่นดนตรีในที่ใหม่ๆ บ้าง เราอยากไปโซนป๊อปเลย มันเป็นปมด้อยของหนุ่มน้าชาวร็อก คุณน้าก็อยากจะไปเล่นในที่ที่ไฟสว่างๆ บ้าง หรือว่าแบบเป็นไลน์อัพใน GOODHOOD เราไม่เคยติดเลย เราอยากลองนะ เป็นเป้าหมายของวงเลย อย่างเฟสติวัลเมืองนอกมันก็เหนื่อยอ่ะ ข้อดีของมันคือการได้ไปเที่ยว ตอนเล่นมันก็สนุกนะ 

โบ๊ท: เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเราไม่เคยได้ไปเฟสติวัลที่มีความหนาวๆ มีคำว่า In Love อยู่ในนั้นบ้างเลยนะ ไม่มีเลย  

คีตะ: ผมเล่นบ่อยนะงานไฟสว่างๆ วงผมที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้ก็จะเล่นพวกงานอนิเมะเลย ตอนแฟนคลับสนุกก็มันนะ ถือแท่งไฟวิ่งเป็นวงกลม เล่นเพลงแฮมทาโร่ โคตรมัน เป็นการ์ตูนที่เขาชอบมากๆ เป็นการส่งพลังให้เรา  

แต่ถ้าให้ผมเลือกสถานที่ที่อยากไปเล่นสักครั้งเหรอ อยากไปญี่ปุ่นครับ เล่นใน Live House ก็มันแล้ว พลังงานคนญี่ปุ่นมันสุดมากๆ จะร้องไห้เลยครับ เขาตั้งใจดู ตั้งใจเชียร์ ตั้งใจฟัง มันเป็นพลังงานที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน เราไปเล่นเพลงประเทศเขาแล้วเขาให้พลังงานกลับมาด้วย ผมอยากได้ลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ครับ

Interview-NINEOKMAI-SPACEBAR-Photo_SQ08.jpg

‘อะไรก็ได้ที่เป็นญี่ปุ่น’ เรื่องราวที่วงสนทนาร่วมกันและจูนกันติดที่สุด 

ต่อ: ทุกคนดูการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่แล้ว อย่างเราอาจจะไม่ได้อัพเดทอะไรเท่าเด็กรุ่นนี้ แต่เราเติบโตมากับการฟัง X-Japan, L'Arc-en-Ciel มันมีช่วงก่อนจะทำวงไปนั่งรถไอ้โบ๊ท เฮ้ย! มึงฟังเพลงเหมือนกูเลย โดยไม่ได้บอกไม่ได้ส่งเพลงให้กันบูมก็ส่งมา แบบนี้ก็ชอบว่ะ  

บูม: อย่างผมส่งให้ต่อไปฟังมันบอกเคยฟังแล้ว แปลกใจมากๆ ทุกคนจะมีจุดร่วมกันด้วยเรื่องพวกนี้  

โบ๊ท: ความเป็นญี่ปุ่นแต่ก่อนมันเป็นเหมือนของเขิน มันเป็นสิ่งที่เราแอบฟังคนเดียว ผมฟังในเว็บ Kapook ชอบเก็บไว้ จะมีช่วงนึงที่เทรนด์โลกมันต้องเอียงไปทางอังกฤษเราก็ไม่มีโอกาสเอาสิ่งที่เราชอบมาใช้ พอกลับมาปัดฝุ่นแล้วเอามาใช้มันโคตรแฮปปี้เลย เอาไปให้คนอื่นดูเขาก็บอกว่า เฮ้ย! ฟังด้วยเหรอ เหมือนเจอเพื่อน ลามไปถึงความเป็นโอตะในตัว จริงๆ เรามีว่ะ เราเพิ่งรู้ตัว ยิ่งแก่ยิ่งรู้ตัว มันก็ได้หมดนี่หว่า ยุคนี้เริ่มเปิดกันใหญ่  

คีตะ: สภาพสังคมวัฒนธรรมหลายๆ อย่างมันก็เปิดมากขึ้น วัฒนธรรมญี่ปุ่นเมื่อก่อนจะถูกมองว่าแปลก จะโดนเหยียดนิดนึง แต่พอเปิดเผยความชอบออกมาทุกคนก็แฮปปี้กัน 

บูม: อย่างการ์ดเกมเราจะโดนเหยียดด้วย พอถึงยุคนี้ทุกคนก็เล่นเหมือนกัน เป็นเรื่องปกติมากๆ ข้อดีของยุคนี้มันดีนะ มันจะไม่มีใครมาชี้แล้วว่าทำแบบนี้ไม่ดีทำแบบนั้นไม่ได้ มันเปิดกว้างแล้ว  

สุดท้ายนี้ฝากถึงแฟนเพลง 

ต่อ: ขอให้มีความสุขกับเพลงของเรา เรารับรู้ได้ว่าสิ่งที่พวกคุณรู้สึกมันเกิดขึ้นจริง อยากให้เปิดใจฟังเพลงต่อๆ ไป มันจะเกิดความสุขที่มันเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ปั้นไม่ได้ปรุงแต่ง มันเกิดจากความรู้สึกดีๆ ที่เรามอบให้

บูม: ฝากเพลง ฝากวงด้วยครับ เราอยากทำเพลงที่มันอยู่ได้ในช่วงเวลาของทุกคน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์มันไม่ได้มีกำแพงอะไร เป็นใครก็ได้ มาฟังเพลงวงเราได้ 

คีตะ: พี่บูมพูดหมดแล้วครับก็ฝากช่องทางธรรมชาติไม่มีอะไรมากกว่า YouTube, Instagram, Facebook, Twitter เสิร์ชว่า NINEOKMAI หรือนายโอเคมั้ย? เจอแน่นอนครับ  

โบ๊ท: หวังว่านายโอเคมั้ยของเราจะเป็นนายโอเคมั้ยของพวกคุณได้ ฝาก NewJeans ด้วยครับ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์