เนิ่นนานมาแล้วผมไม่เคยได้มีโอกาสคุยกับวง SLOT MACHINE สักที เฉียดกันไปเฉียดกันมาอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งล่าสุดพวกเขาปล่อยซิงเกิลใหม่ในเพลงที่มีชื่อว่า ‘AI’ เพลงที่ว่าด้วยเรื่องราวของจักรกลที่ต่อให้แข็งกระด้างยังไงก็ต้องมีชีวิตและจิตใจอยู่ดี โดยในครั้งนี้เราได้ตัดสินใจที่จะคุยกันในหัวข้อเรื่อง เพลง AI, ความเชื่อและการพัฒนาต่อไปของ AI บนโลกใบนี้ และประสบการณ์เกือบ 20 ปีของ SLOT MACHINE สู่ปลายทางคอนเสิร์ตใหญ่ที่ทุกคนรอคอย
และเมื่อทั้ง 3 คนมานั่งอยู่ข้างหน้าผมแล้ว ไม่รอช้าเครื่องบันทึกเสียงได้ถูกเปิดขึ้นและเริ่มต้นการสนทนาในทันที
ที่มาของเพลง AI
เฟิด: วงเรา 3 คนเวลาคิดเพลง เราจะชอบคิดทำนองมาก่อน วงเราจะชอบคิดกลองก่อน ‘วิทย์’ ก็จะชอบคิดเสียงกีต้าร์มาก่อน ผมเองก็อยากได้กลองแปลกๆ เหมือนติดบัก ติดอะไรสักอย่าง มันเลยเป็นเสียง ตึกตึกตึก ที่เราฟังในเพลงนี้เลย ด้วยความที่ไม่ใช่คนตีกลองเก่ง มันเลยมีแพทเทิร์นนึง วนลูปอยู่ในหัวจากนั้นก็ต่อเติมไอเดียกัน มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นของซาวด์ในเพลงนี้และเรื่องราวต่อจากนี้ในเพลงนี้ครับ มันจะเป็นฟีลเครื่องจักร หุ่นยนต์หน่อย
ส่วนไอเดียจะเป็นเรื่องที่พวกเรา 3 คนสนใจเหมือนกัน ชอบดูหนังไซไฟ ดูหนังปรัชญา เรื่องศาสนาต่างๆ ประวัติศาสตร์ เราก็เลยนำมาเป็นไอเดียหลักในการเขียนเพลงนี้ แล้วก็เรื่องที่พูดเกี่ยวกับ AI เราจะเห็นมากที่สุดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในเพลงมันก็จะมีแค่พาร์ทดนตรี แต่ไม่มีใครพูดตรงๆ ในคอนเทนต์นี้ก็เลยรู้สึกว่า ถึงมันจะไม่ใหม่ แต่มันแปลก มันไม่มีทางเก่า เราเลยหยิบมาพูดในภาษาของ Slot Machine บวกไปถึงมิวสิกวิดีโอด้วย งานของ Slot Machine มันเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง แม้กระทั่งกลิ่นในเพลง เราก็เติมเข้าไปเท่าที่จะทำได้
การเล่าเรื่องที่มีภาพและความรู้สึกเข้ามามีส่วนประกอบ
เฟิด: จริงๆ พวกเราเวลาคิดเพลง เราคิดทั้งภาพและความรู้สึกมาเป็นส่วนประกอบ มันก็เลยมักจะเห็นภาพอารมณ์ความรู้สึกในหัว แล้วค่อยแปลงออกมาเป็นเพลง มันเลยมักจะเป็นแบบนั้น
แก๊ก: ช่วงนั้นเราชอบดู Black Mirror กัน เวลาทำเพลงก็จะมารวมตัวกันที่บ้านผม มันจะไม่หลุดจากไซไฟจากความเป็นเทคโนโลยี มันอินเลยคิดเป็นดนตรีต่อ ซึ่งจริงๆ แล้วดนตรีตอนแรกมันจะแข็งกว่านี้ แม็ก โปรดิวเซอร์ก็บอกว่า จริงๆ AI มันมีอารมณ์นะ มันไม่แข็งกระด้างแบบนี้ ซาวด์ต่างๆ แม็กเลยช่วยพัฒนาให้มันมีความลงตัวมากขึ้น ขอบคุณแม็กด้วย
วี วิโอเลต กับศิลปินรับเชิญที่วงตั้งใจเลือกมา
เฟิด: เรารู้สึกว่าหลายอย่างมันตอบโจทย์ภาพลักษณ์ของเขา ฝีมือ ผลงาน ที่เราชอบคือ เหมือนกับเขาเป็นนักแสดงที่เติบโตมาในสายดนตรี เขาประกวดร้องเพลงมาก่อน เริ่มมาทำงานเอง มันมีความคล้ายเรา เราก็ขายหน้าตามาก่อน (หัวเราะ) เขาเรียกว่าเส้นทางดนตรีมันคล้ายกัน มันไม่ใช่นักดนตรีแต่อยากสร้างงานของตัวเอง มีความเป็นศิลปิน ออกแบบทุกอย่างเองน่าจะเข้าใจบางมุมของวงเรา แล้วก็สิ่งที่อยากได้จากน้องวี คือ ตัวตนของเขากับเสียงร้อง วิธีการร้อง เพราะมันเป็นสิ่งที่ขาดในเพลงนี้ เพลงนี้เราทำออกมาเวอร์ชันนึงแล้วที่มีแค่เราเอง ไม่มีใครมาร้องด้วย มันก็ยังตอบโจทย์เราไม่ได้ มันก็เป็น AI แบบแข็งๆ เหมือนหนังแอคชันที่มีแต่ผู้ชาย แต่อันนี้เราเติมเส้นเรื่องความดราม่า อารมณ์ความรู้สึกเข้าไป เพลงนี้ไม่ได้พูดถึงจักรกลขนาดนั้น แต่เราพูดถึงความรู้สึกของ AI ความรู้สึกมันไม่มีใน AI มันอยู่ในความเป็นมนุษย์ เราเลยให้วี แทนความรู้สึกตรงนี้ในเพลงนี้ ความเป็นเพศหญิงของเขา ความอ่อนโยน ความเป็นแสงสว่าง พวกเราก็เป็นเครื่องจักร เขาเป็นความอ่อนไหวในเพลงนี้ นั้นแหละคือเนื้อหารวมไปถึงแก่นของเพลงนี้ที่เราอยากพูดถึง
อีกอย่างมันก็เป็นแนวทางของโลกดนตรีตอนนี้ด้วย การผสมประสานหลายๆ อย่างเข้าไว้ด้วยกัน
มิวสิกวิดีโอที่เล่าเรื่องแบบ AI
เฟิด: ความรู้สึกผมนะ ได้เห็นว่า มาตรฐานของคนไทยได้กำกับงานให้มันระดับโลกได้เหมือนกันนะ ถ้าไม่บอกทุกคนว่า คนไทยหรือโปรดักชันของคนไทยทำ เราดูไม่ออกเลยนะ เพราะนี่มันงานระดับโลกเลย รายละเอียดการถ่ายทำ การใส่ CG ต่างๆ มันได้นะ อาจจะไม่ถึงฮอลีวูดแต่มันดีนะ มันภาคภูมิใจได้เลยครับ
วิทย์: มิวสิกวิดีโอนี้น่าจะตบตีกันเยอะหน่อยครับ แต่รับประกันว่ามันดีครับ
AI ที่เริ่มเข้ามามีส่วนในการใช้ชีวิต
แก๊ก: ส่วนตัวผมเชื่อว่า อนาคตมันจะดีขึ้นกว่านี้ไปอีก มันจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้เรื่องประชากรต่างๆ กระบวนการทำงานทั้งหลายมันก็จะยิ่งกระตุ้นให้มนุษย์พัฒนาขึ้นด้วยครับ มันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับว่า มันกำลังเข้ามาจริงๆ
ผมเองตั้งแต่ทำเพลงจากโปรแกรม Logic เราก็ถือว่า ใช้ AI ช่วยทำงานได้เยอะมากๆ แล้วนะ เพราะเวลาเขียนกลอง เราก็ไปดึงจากที่ต่างๆ ลงทั้งเพลงเลย ถึงเวลาก็เอาคนจริงๆ มาตี มันเป็นเครื่องมือที่มาช่วยเรามากกว่านำทางเราครับ
AI จะมาแย่งงานมนุษย์ได้จริงรึเปล่า โลกในยุคข้างหน้าที่ศิลปินกำลังเผชิญ ควรจะทำอย่างไรให้รู้เท่าทันเรื่องนี้
เฟิด: สุดท้ายไปจบที่บนเวทีครับ แค่นั้นเลยครับ
แก๊ก: บนเวทีมันจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณทั้งหมดเลยครับ
วิทย์: จริงๆ ถ้าจะเอาให้จบมากกว่าบนเวทีก็น่าจะจบตั้งแต่ล่างเวทีแล้วครับ แน่นอนมันเข้ามาเพื่อเปลี่ยนและพัฒนาโลกใบนี้ แต่ก่อนมี AI มันเป็นยุคอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีมาทดแทนแรงงาน หลักๆ ตอนนี้เรามี AI มาเพื่อทดแทนความคิด ทุกอย่างมันจะกลายเป็นกราฟที่พุ่งขึ้นทั้งหมด ย้อนกลับมาคือ เราจะอยู่กับไอ้สิ่งนี้ยังไง ? เราจะดีลยังไง ? ฉะนั้นในเรื่องดนตรีผมรู้สึกว่า เราก็คงจะตอบว่า มันก็คงใช่แหละ แต่เราจะอยู่กับมันด้วยความรู้สึกนี้จริงหรือ ? เราก็ต้องมองอีกมุมนึงแล้วย้อนไปวัดกันอีกที่บนเวที คือความเป็นมนุษย์ไง ถ้าเกิดจะมนุษย์กว่านั้นก็คือ วันที่ลงเวทีมาคุณเหลือค่าความเป็นมนุษย์ด้วยรึเปล่า คุณให้ค่าแบบไหนมากกว่า อยู่ที่วิธีการเอาไปใช้ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม การยอมรับของคนสร้างงานด้วย ระดับความสุข ระดับต่างๆ คุณมีความสุขได้รึเปล่า มันก็อีกเรื่องหนึ่งครับ
ถ้า AI พัฒนาอะไรสักอย่างให้ Slot Machine ได้อยากให้สิ่งนั้นคืออะไร
เฟิด: ผมว่าแบบ Javis ในภาพยนตร์ Iron Man ผมชอบนะ จริงๆ ทุกวันนี้ก็เริ่มต้นแล้วแหละ เรามี Siri เรามีผู้ช่วยเกิดขึ้นมากมาย เป็นเลขาส่วนตัว อย่างที่พี่วิทย์บอก เราจะให้เขาเป็นผู้ช่วยหรือมาคุมชีวิตเรา มันอยู่ที่มนุษย์และการใช้งานมันมากกว่า เราจะปล่อยให้อิทธิพลมันมากน้อยแค่ไหน สมดุลมันอยู่ที่ตรงไหน
วิทย์: คงใช้เขามาจัดการทุกอย่างที่พอจะทำได้ครับ อะไรที่แตะต้องได้ เราจะไม่ให้เขาแตะต้องจนมากเกินไป ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ เราไปฟิตเนส เรายกของน้ำหนัก 10 โล ได้ 10 ครั้ง แต่วันนี้เรานอนน้อย เราเล่นได้แค่ 9 ครั้ง แต่ AI บอกว่า วันนี้ต้อง 11 ครั้ง คำถามคือเราจะเชื่อเขาหรือเราจะเชื่อตัวเอง ผมเอาอันหลัง ผมเชื่อตัวเองมากกว่า ผมอาจจะมองแบบนี้ อีกสองครั้งก็ยกแทนกูหน่อยนะ (หัวเราะ) ผมว่าเสน่ห์ของมนุษย์มันคือความไม่รู้ ถ้าวันนี้ร่างกายมันจะ Error มันก็ไปตามเรา
แก๊ก: ผมอยากเอาตามใจฝันเลยฮะ อยากบังคับหุ่นยนต์ขึ้นไปเล่นดนตรีครับแล้วครบวงด้วย ผมว่ามันล้ำมากๆ
แฟนเพลงกับสิ่งที่ AI ไม่สามารถให้ได้กับการเดินทางในปีที่ 20
เฟิด: เราเจอแฟนคลับกันง่ายขึ้นในตอนนี้ มีแฟนคลับที่หลากหลาย มี GEN คนดูที่ต่างกันออกไป หลากหลายอาชีพ หลากหลายวงการ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแฟนเพลงก็คือคนที่สนใจดนตรี ฟังเพลงในช่วงวัยรุ่นถึงวัยทำงานตอนต้น มันจะถูกจำกัดอยู่แค่นี้ แต่ทุกวันนี้มันไม่จำเป็นต้องชอบฟังเพลงแล้ว ตอนนี้คอนเทนต์ต่างๆ มันทำให้เราไปเจอกับแฟนเพลงใหม่ๆ ง่ายขึ้น บางทีมันก็อยู่ในรายการต่างๆ อยู่ในแอพต่างๆ อยู่ในสื่อโซเชียล แต่ก่อนช่องทางหลักเราคือคอนเสิร์ต บางทีเขาไม่ได้มาดูเรา เขามาดูวงก่อนหน้า แต่พอเขาเห็นเราเล่นสดเขาก็มาตามเรา หรืออย่างแฟนเพลงที่ชอบเรามากๆ แต่ไม่เคยมาดูสดก็มี ก็ไม่เป็นไร มันก็คงมีสักวันที่เราได้พบกันครับ ทุกคนน่ารักมากๆ
วิทย์: มันเหมือนเป็นการเอาคืนโควิด-19 เราทำงานกันเหมือนร้องขอชีวิตเหมือนกันนะ เหมือนเราค่อยๆ เอาทุกอย่างกลับมา มันมีการผสมระหว่างการทำงานต่างๆ มันเริ่มใหม่มันมีแฟนคลับคนยุคใหม่ เข้ามาด้วย โลกมันเขย่าให้ทุกคนได้ทำอะไรมากขึ้นกว่าเดิม
คอนเสิร์ตใหญ่ของ Slot Machine
เฟิด: มันจะมีเกิดขึ้นในปีหน้าครับ เป็นแผนระยะกลางของเราอยู่แล้ว เรารู้ตัวว่าอายุวงจะเข้าใกล้ 20 ปีพอดี เราก็ทำเพลงและคุยกันมาระหว่างทาง ถ้ามันจะมีตอนครบรอบ 21 ปีมันก็แปลกๆ นะ มันดูไกลไป โควิดก็มาเบรกไป 2-3 ปี เราก็รู้สึกว่า มันก็ควรแก่เวลาเหมือนกันนะ ทั้งฝั่งเรา ทั้งฝั่งแฟนๆ ทุกคนอยากที่จะมาเจอกัน เป็นแผนมาประมาณนึง มันก็เข้าใกล้ความจริงมาแล้ว ปีหน้ามาแน่ครับ
กิจกรรมประจำวงในปีที่ 20 ของ Slot Machine ที่คนไม่รู้
เฟิด: วงเราชอบทำอะไรที่เป็นแบบเด็กผู้ชายเลย กินข้าวกัน เล่นเกม ดูการ์ตูน ดูภาพยนตร์ ไม่ค่อยฟังเพลงด้วยซ้ำ (หัวเราะ)
เป้าหมายต่อไปของ Slot Machine
เฟิด: อยากจะกลับไปทำซ้ำ แต่เหมือนเป็นการต่อเติมหรือรีโนเวทเพลงครับ ทั้งการทำเพลงใหม่ๆ ปล่อยเพลงใหม่ๆ ออกมา การไปเวทีต่างประเทศ การทำเพลงสากล การไปเล่นมิวสิกเฟสติวัล มีแฟนเพลงที่เป็นชาวต่างชาติมากขึ้น อยากจะไปต่อเติมตรงนั้นที่มันถูกหยุดไว้ชั่วคราว ที่เหลือก็ปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติครับ
วิทย์: ฟั่นเฟืองของวงเรามันเป็นแบบนั้นครับ เราจะพยายามรักษามาตรฐานให้มันอยู่ในค่าเฉลี่ยที่ดีกับเราด้วย ผมเชื่อว่ามันจะเป็นการรักษามาตรฐานวงการดนตรีด้วย เรารู้สึกว่าวงหลายๆ ครั้งเราจะกลายเป็นวงปิดหรือวงไฮไลท์ ผมเชื่อว่าการรักษามาตรฐานตรงนี้ได้มันก็จะทำให้เรายืนระยะอยู่ได้นาน
ฝากผลงาน
เฟิด: 'AI' เป็นอีกเพลงที่สะท้อนความเป็นตัวตนที่เป็น Slot Machine ในสิ่งที่เราไปตกตะกอนผ่านชีวิตของพวกเราทั้งหมดเลย การเล่นดนตรีมาตลอด 20 ปี มันถูกเล่าผ่านเพลงนี้เหมือนกัน ทุกๆ อย่างประสบการณ์ การทำงาน มันก็เป็นอีกลูกรักอีกคนหนึ่งของวงครับ แล้วเราก็รู้สึกว่า เพลงใหม่จะทำให้ทุกคนรักเขาและมันจะเกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่เรารู้สึกว่า เราใส่ไว้ในเพลงนี้ทั้งดนตรี เนื้อร้อง วิธีการต่างๆ การมีศิลปินรับเชิญมาร่วมร้อง มันใหม่สำหรับเรา มันเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นอีกเพลงหนึ่งที่เติมเต็มในโชว์ของเรา และก็สิ่งที่ทุกคนจะได้เห็นก็คือความรักที่คน 3 คนมีในสิ่งที่เขาทำ มันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่ผ่านมาได้ยินแล้วย้อนกลับมาอ่านบทสัมภาษณ์นี้ เรื่องที่เราเล่า ทุกสิ่งมันถูกผลิตออกมาเป็นเพลงนี้ครับ
สุดท้ายสิ่งที่อยากให้ได้ไปคือ ความสุขจากเสียงดนตรีจากสิ่งที่เรารัก พวกเราตั้งใจทำมากๆ และสิ่งที่มันจะตามมาก็หวังว่าคงได้พบกันเร็วๆ นี้
