บอกเล่าเรื่องราวผ่านเฉดสีและเพลงร็อกฉบับ ‘The Whitest Crow’

9 ต.ค. 2566 - 01:40

  • บทสัมภาษณ์สุดเอ็กครูซีฟกับวง The Whitest Crow ในเรื่องราวของเฉดสีและการทำเพลง ที่สะท้อนมุมมองของการเติบโตบนเส้นทางศิลปิน ด้วยความเชื่อที่ว่า อุตสาหกรรมเพลงร็อกจะดีกว่านี้ได้

nterview-the-whitest-crow-SPACEBAR-Hero.jpg

Q: ตอนนี้วงเป็นยังไงบ้าง? 

The Whitest Crow: ล่าสุดเพิ่งไปเล่นที่ไต้หวันมาในงาน River and Ocean ซึ่งเป็นงานที่รัฐบาลจัดเพื่อโปรโมทเมืองใหม่ (New Taipei) แล้วเหมือนเขาเปิดเป็น Public Space เหมือนๆ สวนสาธารณะ เขาก็อยากให้คนมาใช้ชีวิต มาเที่ยววันเสาร์อาทิตย์ เลยจัดขึ้นมาเป็นเฟสติวัลขึ้นมา  

ซึ่งวันที่ไปเล่นนี่ได้กระแสตอบรับดี คนดูค่อนข้างเอนจอยกับเราประมาณนึงเลย แต่แดดเปรี้ยงมาก แสบกว่าไทยอีก และคนก็มารอดูเยอะมาก ซึ่งคนดูก็เป็นคนไต้หวันหมดเลย ซึ่งเขาเอนจอยตั้งแต่เราซาวด์เช็คแล้ว และเราเล่นเป็นวงแรกด้วย  

ความรู้สึกเราคือมันเซอร์ไพรส์เหมือนกันนะที่ได้ไปเล่นอะไรแบบนี้ ซึ่งตอนแรกเราค่ายก็เลือกให้เราส่งพอร์ท (Portfolio) ไป ซึ่งทางนู้นก็เลือกเราไปเล่น ก็ตื่นเต้นนะ

SPB-BERM-07791.jpg

Q: อยากไปเล่นที่ไหนอีกบ้าง 

The Whitest Crow: อยากไปเล่นทุกที่เลย ซึ่งก่อนหน้าก็ไปเล่นแบบงานเล็กๆ ที่สิงคโปร์เป็นอาร์ต แกลลอรีแบบเล็กๆ แล้วก็ไปกินเบียร์เขาหมดงานเลย จนมางานที่ไต้หวันที่เป็นงานใหญ่มากๆ แต่เรารู้สึกว่าพวกมิวสิคเฟสติวัลที่เราไปคนเขาพร้อมจะรับสิ่งที่เราจะมอบให้  

คือคุณภาพของงานประเทศไทยก็ไม่ต่างนะ แต่มันคือไวป์ของคนดูมากกว่า เหมือนในประเทศที่มันมีหน้าหนาวที่หนาวมากๆ กับร้อนที่ร้อนมากๆ คนมันจะออกมาใช้ชีวิตกัน แต่บ้านเรามันมีแต่หน้าร้อนไง มันอาจจะไม่เอื้ออำนวยให้คนออกมาใช้ชีวิต ออกมาตากแดด ออกมายืนดูคอนเสิร์ต  

เหมือนงานเป็นงานฟรี ซึ่งมันน่ากลัวตรงที่ถ้าคนมันไม่มาก็คือจะไม่มีเลย แต่นี่คือมากันเยอะมากทุกช่วงวัย และมารอตั้งแต่ก่อนเริ่มเล่นด้วย ประเด็นคือไม่มีใครนั่ง มายืนดูอย่างเดียว ยอมใจเลย อาจจะเป็นที่วัฒนธรรมเขาด้วย

SPB-BERM-07573.jpg

Q: การไปเล่นที่ต่างประเทศมันเปลี่ยนความคิดในการทำเพลงของเราไหม 

The Whitest Crow: เรามองว่าสิ่งที่เราทำมามันมีคุณค่า การที่เราไปเล่นต่างประเทศมันทำให้เราได้รู้ว่าชีวิตของเรามันยังไปได้อีกไกลนะ มันไม่จำเป็นจะต้องอยู่แค่นี้ มันมีคุณค่ามันไม่ใช่แค่ใครสักคนที่อยู่ในท้องถิ่น มันไประดับโลกได้นะ  

มันอาจจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของวงด้วย บางวงเขาอาจจะไม่ได้ต้องการให้วงของเขาไปถูกใจคนหลายๆ ประเทศ ก็อาจจะเป็นเหตุผลในแต่ละวงด้วย แต่สำหรับเราเราโตมากับเพลงสากล เราอยากไปเล่นต่างประเทศ อยากไปสัมผัสไวป์อื่นๆ ตลาดอื่นๆ

SPB-BERM-07694.jpg

Q: ความผิดหวังในวงการเพลงไทย 

The Whitest Crow: วงการเพลงมันไม่ใช่แค่คนทำเพลงอย่างเดียว มันคือผู้บริโภค มันคือคนลงทุน มันคือทุกอย่าง มันคือสื่อ ถามว่าผิดหวังไหมคงไม่สามารถตอบได้ แต่ถ้าภามว่ามันดีกว่านี้ได้ไหมก็ต้องบอกว่ามันดีกว่านี้ได้ เรารู้สึกว่าในปัจจุบันคนมันตื่นตัวกับเรื่องเพลงมากยิ่งขึ้น อย่าง T-POP ซึ่งพวกเรามองว่า ดนตรีมันมีช่วงอายุของมันมากกว่า ถามว่าวงที่เป็นวงร็อกและใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันเนี่ย ก็มีท้อบ้าง เป็นเรื่องปกติ ที่คนทำงานจะต้องการความสำเร็จไม่ระดับใดก็ระดับหนึ่ง  

สุดท้ายแล้วทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ถ้ามองย้อนกลับไปแล้ว เราทำวงเพราะว่าอะไรมันก็จะมีคำตอบของมัน แต่ก็ยังมีความหวังว่าวันหนึ่งตลาดมันจะเปิดขึ้นมากกว่านี้อีก และทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ  

ให้ยกตัวอย่างที่เห็นภาพชัดๆ อย่างที่เราไปเล่นที่ไต้หวัน เป็นงานที่รัฐซัพพอร์ต 100% ซึ่งถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นที่ประเทศไทย สมมติว่ามีสวนสาธารณะเปิดใหม่ หรือโซนเมืองไทยเกิดขึ้นมา ถ้าใช้โมเดลนี้มันก็สามารถช่วยกระตุ้นวงดนตรีได้อีกสเต็ปนึงเลยด้วยซ้ำ และมันก็จะช่วยแก้ปัญหาที่ว่าทำไมร้านเหล้าถึงชอบโดนเรียกเก็บค่าลิขสิทธิเพลงอยู่ เพราะร้านเหล้าต้องการวง Cover มาเล่น เพราะคนทั่วไปชอบฟังเพลงแบบนี้มากกว่า และร้านก็ไม่มีงบประมาณพอจะจ้างศิลปินมาเล่น จึงเกิดเป็นวงจรแบบนี้ขึ้นมา

SPB-BERM-9619.jpg

แต่ถ้าเป็นต่างประเทศทุกคนแทบจะมีเพลง Original เป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันเป็นฟันเฟืองที่วิ่งล้อมกันหมดเลย มันเหมือนโดมิโนที่ต้องตบ 1 จุดเพื่อให้มันล้มต่อไปตามๆ กัน เพื่อให้มันพัฒนาไปเรื่อยๆ มันต้องช่วยกันทุกฝ่าย  

Q: แรงบรรดาลใจในการทำเพลง  

The Whitest Crow: แรงบรรดาลใจหลักๆ มันมาจากการทำเพลงที่อยากฟังเอง มันเลยมีหลากหลายสไตล์ เพราะส่วนตัวเราเองก็ไม่ใช่คนที่ฟังเพลงแบบเดียว ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นชอบอะไรก็เอามาผสม มันก็เลยออกมาดูมีส่วนผสมหลายๆ อย่างในแต่ละช่วงเวลา 

หรือบางทีอาจจะแค่เบื่อ เช่น เคยทำแบบนี้ไปแล้วก็จะไม่อยากทำแบบนั้นอีกแล้ว ทำแบบใหม่ไปเรื่อยๆ แล้วแต่อารมณ์

Q: จนกระทั่งมาถึงซิงเกิลล่าสุด ‘I ROCK YOU’ 

The Whitest Crow: จริงๆ เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งแนวดนตรีที่ไม่ค่อยได้ทำ เขินๆ นิดนึง เหมือนว่าเราไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าฟังหลายๆ เพลงมาก่อนจะรู้ได้เลยว่า มันไม่เหมือนกันเลย ซึ่งก็นั่นแหละ เราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ  

ซึ่งเพลงนี้เป็นเหมือนการทดลอง เหมือนเป็นอีกกลิ่นอีกมิติหนึ่ง ด้วยคำว่า ‘ลองทำอะไรที่มันไม่ต้องคิดเยอะดูไหม?’ แต่พอถึงเวลาทำจริงคิดเยอะสุดเลย!  

Q: กระบวนการยุ่งยากไหมพอสไตล์มันเปลี่ยนไป? 

The Whitest Crow: ยากตรงที่เพลงมันไม่มีอะไรเยอะกลายเป็นว่าต้องทำให้มันดูไม่โล่ง สมมติเราจะแต่งห้องให้มันมินิมอล (Minimal) เราก็ต้องคิดเยอะกว่าเดิมว่าจะมินิมอลยังไงให้มันดูดี ให้มันน้อยแล้วไม่น่าเกลียด ไม่ให้มันรู้สึกว่าน้อยแล้วแค่นี้หรอ

Q: การเล่าเรื่อง และมิวสิควิดีโอที่ถ่ายทอดมุมมองของความรัก 

The Whitest Crow: มันเริ่มจากว่า เราไม่เคยแต่งเพลงรักที่เป็นเพลงรักจริงๆ ก็เลยรู้สึกว่า งั้นลองแต่งเพลงรักดูละกัน แต่ถ้าเราแต่งเพลงรักทั่วๆ ไปมันก็จะโรแมนติกสมูทๆ หวานๆ ซึ้งๆ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ได้จริงๆ ขัดกับเราสุดๆ ก็เลยลองทำให้มันเป็นตัวเรา  

ซึ่งเราจะทำให้เหมือนย้อนกลับไปในยุคก่อนๆ ว่า เพลงรักก็คือเพลงรักก็คือ ฉันรักเธอ เพราะบางทีการบอกรักมันไม่จำเป็นจะต้องการอะไรซับซ้อน เพราะความรักมันมีหลายรูปแบบของบางคนอาจจะซอฟต์ๆ สุภาพหน่อย แต่พอเราเป็นร็อก เราตรงไปตรงมา ก็เหมือนกับเราพูดตรงๆ นะ 

มู้ดโทนมิวสิควิดีโอมันพาเราย้อนวัยกลับไปช่วงม.ปลายหน่อย เพราะเราอยากทำอะไรที่มันย่อยง่ายหน่อย จากที่ก่อนหน้านี้เราคิดเยอะ เลยลองหาอะไรที่มันน้อยๆ แต่ทำการบ้านให้มันดี เพราะด้วย 2 คน (พระ-นาง) มันต่างกันมาก เหมือนผู้ชายอยู่ในโลกที่เป็นร็อก ส่วนผู้หญิงก็เหมือนอยู่อีกโลกนึงอะไรแบบนี้ ซึ่งเรานำเสนอมันให้รู้สึกว่า เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนความร็อกของเราให้เข้ากับคุณก็ได้ แต่มันก็สามารถผสมผสานกันได้ในความแตกต่าง

Q: แล้วทำไมถึงต้องเป็น ‘สีเหลือง’ 

The Whitest Crow: ถ้าตอบว่ามันใช้สีอื่นหมดแล้วมันก็ตลกอยู่นะ! เอาจริงๆ สีเหลืองมันดูเล่าเรื่องได้หลายแบบ มันดูมีทั้งเอนเนอจี (Energy) ความสดใส คือการเลือกสีในแต่ละเพลงมันก็อาจจะตอบโจทย์มู้ดโทนเพลงได้ และสีเหลืองเองก็ไปตอบโจทย์กับไวป์เพลงที่มันร็อกแต่มันก็มีความสดใสย่อยง่ายขึ้นมาด้วย  

ซึ่งก็น่าจะได้ฟังครบทุกสี (อัลบัมเต็ม) ราวๆ ปีหน้า ไม่เกินกลางปี  

Q: ด้วยแนวเพลงที่ใหม่แบบนี้ กลัวว่าใครจะมองว่าเราเสียตัวตนไปไหม 

The Whitest Crow: ในการที่เราจะค้นหาอะไรใหม่ๆ หรือเปลี่ยนอะไรสักอย่างนึง เราไม่สามารถเป็นตัวตนของตัวเราเองได้อย่าง 100% อยู่แล้วเพราะทุกครั้งที่เราเปลี่ยนมันก็จะเป็นเหมือนการที่เราเอาอะไรสักอย่างนึงออกและเอาบางอย่างเข้ามาแทนที่ ซึ่งนั่นมันคือตัวตนของเราทั้งหมดนั่นแหละ แต่แค่เราอาจจะยังไม่เคยเจอกับสิ่งนี้ในตัวเราก็ได้ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราเสียตัวตนไป เพราะสุดท้ายวงก็ยังชอบอยู่ แค่เป็นอีกด้านนึงของเราเท่านั้นเอง

SPB-BERM-9621.jpg

Q: มุมมองวงมันเปลี่ยนไปบ้างไหม 

The Whitest Crow: ถ้าเป็นเป้าหมายของวงอาจจะไม่ได้เปลี่ยนเพราะเราไม่ได้เซ็ตมาเป็นขั้นๆ เราเซ็ตให้มันไปเรื่อยๆ เหมือนเราตั้งเป้าหมายเล็กๆ ใกล้ๆ และเราก็ได้เอนจอยระหว่างทางไปได้ด้วย แต่มุมมองที่เปลี่ยนคือเราแก่ขึ้น เราก็จะเริ่มตกผลึกมากขึ้น ทั้งวิธีการคิด การทำเพลง ความรู้สึกเรากับวงมันยังเหมือนเดิมแต่มองถึงโอกาสมากขึ้น  

Q: ก้าวต่อไปของวง  

The Whitest Crow: เราอยากจะทำอัลบัมนี้ให้มันสมบูรณ์ เราไม่ได้เป็นวงที่วางโจทย์ไว้แล้วทำอันนี้ให้ตรง แต่เราบังเอิญทำไปเรื่อยๆ แต่มันไปในทิศทางเดียวกันในการเล่าเรื่องประมาณนึง เหมือนเราค่อยๆ หาไป เราก็จะเริ่มเจอจุดตรงกลาง ว่ามันต่อเนื่องกันในแต่ละซิงเกิล และเห็นจุดหมายชัดขึ้น เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายตั้งแต่แรกว่าจะทำอะไร เราทำไปเรื่อยๆ และค่อยมาหาจุดร้อยเรียง ซึ่งมันสนุก ดูได้ทดลอง  

อุปสรรคระหว่างทางที่เราเจอเราไม่ได้มองว่ามันโหดร้าย เราก็ใช้ชีวิตแบบทีละขั้นทีละตอนในแบบของเราโดยที่ไม่รู้สึกท้ออะไรขนาดนั้น แต่ส่วนใหญ่จะร้อนครับเวลาไปถ่ายมิวสิควิดีโอ นั่นแหละคืออุปสรรคใหญ่! เราเหมือนกลุ่มเพื่อนที่ใช้ชีวิตกันปกตินี่แหละไม่ได้มองว่าเรื่องวงเป็นเรื่องงาน มันเหมือนการมาอยู่ด้วยกันและทำกิจกรรมร่วมกันเป็นการเล่นดนตรีมากกว่า

เราพยายามจะเดินทางไปเรื่อยๆ เพื่อให้มันครบกับอัลบัมที่จะเป็นอัลบัมภาษาไทยอัลบัมแรก ซึ่งนี่ก็เป็นอีกชาเลนจ์นึงด้วย เพราะการที่ทำเพลงอังกฤษมาตลอดแล้วมาทำเพลงไทยมันยาก ช่วงแรกใช้คำว่าโหดร้ายมาก เพราะเสียงมันไม่เหมือนกันเลย  

Q: ฝากผลงานแฟนๆ หน่อย 

The Whitest Crow: ฝากผลงานของพวกเรา The Whitest Crow ไว้ด้วยกับเพลงใหม่ที่มีชื่อว่า ‘I ROCK YOU’ และติดตามพวกเราได้ที่ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) และดูเอ็มวีของพวกเราได้ที YouTube: Genie rock

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์