ตู่ - ภพธร กับความสุขในชีวิตที่ได้เริ่มต้นใหม่แบบไม่เคยมีครั้งสุดท้าย

27 พฤศจิกายน 2566 - 05:00

Interview-Two-Poptorn-Final-Take-SPACEBAR-Hero.jpg
  • บทสัมภาษณ์พิเศษกับ ตู่ - ภพธร สุนทรญาณกิจ ในหัวข้อ ‘เริ่มใหม่ครั้งสุดท้าย’ ซิงเกิลใหม่ที่เจ้าตัวเพิงปล่อยออกมา พร้อมถึงเรื่องราวชีวิตในวัย 42 ปีที่มีความสุขและค้นพบว่า คนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ในทุกเรื่องได้เสมอ

นานมาแล้วที่เราไม่ได้มีโอกาสคุยกับ ตู่ - ภพธร สุนทรญาณกิจ เพื่ออัปเดตเรื่องราวในชีวิตกัน และในฐานะที่ครั้งนี้เจ้าตัวปล่อยซิงเกิลใหม่ทั้งทีกับเพลงที่มีชื่อว่า ‘เริ่มใหม่ครั้งสุดท้าย (Final Take)’ เราจึงชวนเขากลับมาจับเข่าคุยกันอีกครั้งในเรื่องราวของเพลงใหม่ ชีวิตของคนวัย 42 ที่กำลังมีความสุขในชีวิตทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว และ เป้าหมายต่อไปที่เจ้าตัวอยากจะพิสูจย์สักครั้ง

Interview-Two-Poptorn-Final-Take-SPACEBAR-Photo01.jpg

ที่มาของเพลง เริ่มใหม่ครั้งสุดท้าย (Final Take)

ไอเดียเพลงนี้มันเริ่มจากการที่ผมชวน 'เติร์ด Tilly Birds' มาแต่งเพลงด้วยกัน จริงๆ อยากทำเพลงกับวง 'Tilly Birds' มานานแล้ว พยายามชวนเขามาตลอด ชอบผลงานพวกเขามากๆ ชอบสไตล์ การแต่งเพลงขอวง พอมีโอกาส 'เติร์ด' เขาได้มีโอกาสมาทำมิวสิกวิดีโอให้ 'พีค - ภัทรศยา' เพลง ‘พอได้แล้วค่ะซิส’ เพลงนั้นเขาเอา 'ปิงปอง - ธงชัย ทองกันทม' มาเล่นเป็นนางเอก แล้วให้ผมไปเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอ เลยบอกว่า "เติร์ด พี่ตู่ไปเล่นให้ได้นะ แต่ขอเวลาเติร์ดมานั่งแต่งเพลงให้พี่ตู่หน่อยสิ" ก็เลยนัดคิวกันมาแต่งเพลง (เติร์ด) เขาก็มีสมุดที่เขียนเรื่องราวเอาไว้อยู่ เราทั้งคู่หาแรงบันดาลใจกันสักพักเลย แล้วไปจบลงที่ประโยค 'เริ่มใหม่ครั้งสุดท้าย' ในสมุดที่เขาจดไว้ มาเขียนเป็นเรียงความเรื่องหนึ่งเลย เขียนกึ่งๆ กลอน ผมก็เอามานั่งอ่านแล้วคิดว่า ทรงมันได้อยู่ สามารถเอามาต่อยอดได้ครับ ปรับกันไปกันมา ผมก็ลองกดคอร์ดหาทำนองกัน  

ความสวยงามของทำนองเพลงนี้ ส่วนหนึ่งมันมาจากการที่เนื้อเพลงมาก่อน มันก็เลยไม่ทำให้ทำนองมันหลุดไปกว่านี้ เพลงนี้มันก็มีความแข็งแรงของมัน ผมก็ชอบมันมากๆ พอแต่งได้ประมาณท่อนคอรัสแรกจบ เติร์ดก็มีไอเดียว่า เพลงนี้มันต้องมีคนมาร้องด้วย ก็ลิสต์ชื่อกันมา นักร้องผู้หญิงที่จะมีร้องร่วมด้วยแล้วมันก็มาลงเอยที่ มิลลิ แล้วเขาก็อินกับเรื่องนี้ด้วย ก็เลยได้น้องมาแจมในเพลงนี้ครับ  

Milli ผู้เติมเต็มให้เพลงนี้เกิดสีสันที่แปลกใหม่

ต้องบอกก่อนว่า น้องมิลลิ หนึ่งปีเขาไปร้องเพลงกับคนอื่นเยอะมากๆ นะครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นทางแรปสนุกๆ แต่การที่เอามิลลิมาร้องในเพลงนี้ โดยที่ให้เขาร้องสไตล์แบบนี้มันเหมือนไม่ค่อยได้ยินจากที่ไหนเท่าไหร่ แล้วเขาก็ไม่เขียนเพลงรักอกหักเลย อาจจะมีความรักวัยรุ่นบ้าง แต่ความรักแนวนี้ที่มันโตขึ้น ปัญหาชีวิตคู่ เรื่องอกหักเขาไม่ได้ทำเลย เขารู้สึกว่า มันเป็นการเปิดพาร์ทใหม่ของเขาเหมือนกัน เขาเองก็ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยกล้าทำด้วย 

เราเองก็รู้สึกว่า มันดีมากๆ มันอาจจะมีภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งเวอร์ชันที่ทุกคนได้ฟังอยู่เป็นเวอร์ชันแรกที่น้องเขาเขียนมาเลย ผมชอบเวอร์ชันนี้มากๆ มันคืออารมณ์ที่มันจริงที่สุดมันเป็นเรื่องราวที่เขาเล่าออกมาได้จริงมาก

Interview-Two-Poptorn-Final-Take-SPACEBAR-Photo02.jpg

การร่วมงานกับ มิลลิ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ใหม่ในชีวิต

ผมว่า พอเป็นงานศิลปะมันค่อนข้างจะโอเคมากๆ สำหรับเรื่องอายุ ขอให้มันชอบอะไรไปในทางเดียวกัน อายุไม่เกี่ยวเลย เรื่องแรปเองผมก็ชอบสิ่งที่มิลลิเขาทำ เรื่องของการฟังเพลงผมก็เชื่อว่า มิลลิเขามีสไตล์ฟังเพลงที่คล้ายๆ กัน เพลงก็คือเพลง เพลงดีมันก็คือเพลงดี มันไม่ได้มีกำแพงอะไรมาปิดกั้น มันเป็นเหมือนสีที่ผสมใหม่ขึ้นมาอีกที ถ้าพูดถึงเรื่องพลัง เขาเป็นคนทีพลังเยอะมากๆ แล้วก็เติร์ดเองก็พลังไม่เบาเหมือนกัน

ตอนจบของเพลงนี้ที่ไม่มีบทสรุป

ถ้าเป็นภาพยนตร์เราวางตอนจบคือ Inception คือลูกโข่งที่หมุนไม่มีวันหยุด และไม่รู้ว่านี่คือความจริงหรือความฝัน ก็คือไม่จำเป็นต้องจบครับ ทุกอย่างมันจะเล่าไปได้เรื่อยๆ ของมัน

Interview-Two-Poptorn-Final-Take-SPACEBAR-Photo03.jpg

มิวสิกวิดีโอความงดงามทางภาพที่ตั้งใจให้แฟนเพลงรู้สึก

เพลงนี้ผมมีไอเดียเริ่มจากทางงานภาพก่อนว่าอยากได้แสงสีพวก ภาพยนตร์ 'Blade Runner' อยากได้สีที่มันมีความไม่ธรรมชาติ สีน้ำเงิน สีแดง สีร้อนแรงหน่อย ทางผู้กำกับภาพกับผู้กำกับเอ็มวีก็มีไอเดียว่า อยากได้ฟีลแบบ 'Sin City' ก็คุยกันเรื่องของสี เรื่องของมู้ดภาพ ผมก็มีไอเดียว่า นึกถึงผู้ชายที่กำลังตกลงมาจากที่ไหนสักที่นึง ระหว่างทางก็ค่อยๆ มาเฉลยว่า ที่เขาตกลงมาคือ เขาโดนยิงจากคนที่เขารัก แล้วก็ท่อนสุดท้ายมันเป็นเหมือนการขอโอกาสเขา คือ กระสุนที่ย้อนทะลุออกมาจากตัวเอง คือเล่าเรื่องแทนความรักเลยครับในเพลงนี้ ภาพสวยมาก มันจะเป็นมู้ดที่ผมชอบมากจริงๆ มันเกินเรื่องมิวสิกวิดีโอมากๆ เลย  

เป้าหมายของเพลงนี้

ผมพยายามบอกตัวเองไม่ให้คาดหวัง เพราะไม่รู้ว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ตอนปล่อยออกไป ก็พยายามทำให้มันตรงใจเรามากที่สุด คนไม่ชอบแต่เราชอบ ผมว่า ผมโอเคแล้ว ไม่ว่าจะช่วงไหนก็ตาม ผมทำเพลงผมพยายามคิดแบบนี้ตลอด มันรู้สึกว่า มันไม่รู้จริงๆ เราไม่คิดว่ามันจะไม่ดังมันก็ดัง มันก็เลยไม่มีกฏอะไรมาวัด มาตัดสิน มาแค่ความรู้สึกเราเลย อย่างน้อยมันก็เป็นหนึ่งเพลงที่เราไปเล่นแล้วเราเอนจอยครับ

Interview-Two-Poptorn-Final-Take-SPACEBAR-Photo04.jpg

ในชีวิตของ ตู่ - ภพธร มีอะไรที่อยากเริ่มใหม่บ้าง  

เรื่องสร้างบ้านครับ เหมือนสร้างไปเรื่อยๆ มีโปรเจกต์อยากทำบ้านใหม่อยู่ แต่มันแพง ถ้าทำก็ต้องเป็นครั้งสุดท้ายแล้วครับ เพราะทำไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ)  

ตู่ - ภพธร ในวัยเลข 4 กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

เปลี่ยนในทุกปีเลยครับ รู้สึกว่าชีวิตเรามันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลย โอกาสที่เข้ามา สิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามาให้ลองทำ เรื่องของครอบครัวก็เปลี่ยนแปลง มีลูกเพิ่มสองคน มีความสุขมากขึ้น และก็มีความเหนื่อยมากขึ้น แต่เป็นเรื่องที่ดีที่เปลี่ยนแปลงในตอนนี้ 

บทบาทการเป็นคุณพ่อ

เหนื่อยขึ้น แต่เป็นความเหนื่อยที่อยากทำ เราไม่มีแรงมากเท่าไหร่ แต่เราอยากไปทำทุกกิจกรรมกับเขาเลย

Interview-Two-Poptorn-Final-Take-SPACEBAR-Photo05.jpg

สิ่งที่อยากทำในวงการบันเทิง

จริงๆ ตอนนี้ไม่มีเลย ถ้าให้เลือกสิ่งที่อยากทำจริงๆ ผมอยากเล่นภาพยนตร์ที่มันจะไปสู่สากลได้ หนังไทยหรือหนังฮอลลีวู้ดก็ได้ อยากมีโอกาสทำแบบนั้นอีกเหมือนที่เคยเล่นตอน Thirtheen Lives เป็นภาพยนตร์ต่างชาติที่ หลายๆ อย่างมันทำให้เราตื่นตาตื่นใจ เราได้เห็นคนเก่งๆ คนทำงานในสเกลนั้นแล้ว เรารู้สึกว่ามันได้เรียนรู้เยอะมาก ทุกวันนี้ที่เราทำมันก็เห็นมาหมดแล้ว พอได้ไปตรงนั้นมันเลยเปิดโลกของเรา ที่มันมีความแตกต่างหลายอย่างด้วย มันน่าสนใจครับ  

ประสบการณ์ตอนไปถ่ายภาพยนตร์ความแตกต่างที่ได้พบเจอ

แตกต่างอย่างแรกเลย ระบบระเบียบในการทำงาน เวลาของเขา เขามีสหภาพแรงงานกันหมด เพราะฉะนั้นเวลาเข้างาน เวลาออกมันเป๊ะๆ มากๆ เขาจะดูแลนักแสดงได้ดี ไม่งั้นจะถูกคนเอาเปรียบได้ มันมีคนช่วยเรียกร้องในสิ่งที่ควรจะได้เสมอ เรื่องของความแตกต่างผมว่า พอมันมีทุนที่สูงในการสร้าง นักแสดงได้ค่าตัวสูงขึ้น ผมเชื่อว่า โอเค วงการฮอลลีวูด นักแสดงเยอะมาก การแข่งขันสูง กว่าจะได้ออกมา มันต้องผ่านอะไรเยอะมาก ต้องเก่งมากๆ อีกส่วนนึงเพราะว่า นักแสดงคนนึงเขาสามารถใช้เวลาหนึ่งปีกับการทำตัวเองให้เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับ เราเชื่อว่า เขามีเวลาขนาดนั้น ค่าจ้างต่างๆ มันเยอะมากเพื่อไปทำหุ่นให้ได้ตามบทนี้ ไปเรียนการแสดงเพื่อให้ซึมซับคาแรกเตอร์นั้นๆ มันเตรียมทุกอย่างไว้ให้เราพร้อมมากๆ อย่างตอนไปถ่ายผมเชื่อมากๆ ว่า สถานที่ต่างๆ ทุกสิ่งที่ทำออกมา มันสมจริง ให้เราอินกับตรงนี้มาก

เป้าหมายในชีวิตตอนนี้ของ ตู่ - ภพธร  

ตอนนี้เรามองว่า แอบรู้สึกเหมือนกันว่ามันคือโบนัสมากๆ แล้ว สำหรับการทำงานทุกวันนี้ของเรา เราอยู่กับอาชีพที่มีความไม่แน่นอนสูงมา 18 ปี แล้วยังมีโอกาสที่ดีมาเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นโบนัสของชีวิตเรามากๆ เป้าหมายก็ขอทำงานตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ มีประตูไหนให้ลองทำก็จะทำไปเรื่อยๆ เราจะทำไปให้ได้นานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็อยากจะดูแลครอบครัวได้ครับ  

วงการเพลงตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะขนาดไหน 

เราโชคดีที่เรามาอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านของการฟังเพลงแล้ว พฤติกรรมต่างๆ ของคนฟังมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกคนสามารถทำเพลงปล่อยจากบ้านไปก็ได้ โอกาสมันมีมากขึ้น แอพพลิเคชันต่างๆ มันมีลูกเล่นให้คนฟังและเปลี่ยนผ่านเร็วขึ้น มันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน การที่เพลงมันจะอยู่เป็นอมตะ มันมีความเป็นไปได้น้อยลงมากเลย มันโชคดีที่เราว่า เราอยู่ในยุคสมัยนั้นด้วยรึเปล่า มันเลยทำให้เพลงเรายังอยู่ตรงนั้นได้  

คอนเสิร์ตใหญ่อยากมีรึเปล่า 

จริงๆ เราเคยมีคอนเสิร์ตใหญ่สุดที่ Thunder Dome ประมาณ 4-5 พันคน ตอนนั้นมันอิ่มเอมแล้ว มันไม่จำเป็นต้องใหญ่ไปกว่านี้แล้ว อยากให้คนที่มาดูเรา เขาอยากมาดูจริงๆ เก็ททุกสิ่งที่เราทำจริงๆ ก็พอแล้ว แต่ถ้าวันนึงมันมีจังหวะมาว่า ต้องทำรึเปล่า มันก็เป็นเรื่องของจังหวะของมันอีกที ถ้ามีเราก็จะจัดครับ แต่ถามว่า ที่ผ่านมาก็แฮปปี้แล้วครับกับการมีคอนเสิร์ตไซส์นั้นแล้ว  

ฝากผลงาน 

ฝากผลงานด้วยนะครับ อยากจะบอกว่า นี่คือหนึ่งในเพลงที่ผมรักมันมากๆ ผมภูมิใจกับงานชิ้นงาน ทางภาพ ทางเพลงทั้งหมด ทุกอย่างมันลงตัว อยากให้ทุกคนได้ฟังกันครับ ทุกช่องทาง Streaming หรือจะเป็นบนยูทูบลองค้นหาดูกันได้เลยนะครับ 'เริ่มใหม่ครั้งสุดท้าย'

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์