ส่องความคิดของผู้กำกับฯ และนักแสดงมากฝีมือต่ออุตสาหกรรมหนังที่กำลังเปลี่ยนแปลง

9 มกราคม 2567 - 10:23

jodie-foster-opinion-on-film-industry-SPACEBAR-Hero.jpg
  • องความคิดจากบุคคลสองวงการทั้งการทำหนังและการแสดงที่มีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ดูท่าจะเปลี่ยนไปจากเดิม สู่ข้อสรุป “หรือนี่จะเป็นช่วงขาลงของอุตสาหกรรมหนัง?”

“เด็ก Gen Z นั้นน่ารำคาญจริงๆ นะ เวลาอยู่ในที่ทำงาน” โจดี้ ฟอสเตอร์ (Jodie Foster) กล่าวกับสื่อ The Guardian เกี่ยวกับการทำงานร่วมกับเด็กรุ่นใหม่ โดยกล่าวถึงคนยุค Gen Z (คนที่เกิดระหว่างปี 1996-2010)  “พวกเขาชอบทำตัวแบบว่า เอ่อ ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากมาตอนนี้ ฉันขอเข้ามาตอน 10 โมงครึ่งได้ไหม หรือ พอบอกให้เช็กแกรมมาร์ตอนเขียนอีเมล พวกเขาก็ทำตัวแบบ ทำไมฉันถึงต้องทำงั้นด้วย”

คำพูดเหล่านี้ของฟอสเตอร์ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการทำตัวอยู่เหนือคนรุ่นใหม่ แต่เธอพยายามแนะนำคนรุ่นใหม่เพื่อให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเธอสังเกตว่าทุกวันนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เริ่มถดถอย เหมือนที่เธอเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ว่า “หนังซูเปอร์ฮีโร่ชักจะครองโรงนานเกินไปแล้ว”

MV5BODNmYmZlYjMtYjJiMy00Y2I2LWI2ODEtYjdjYzE5ODYzZDRlXkEyXkFqcGdeQXVyMDM2NDM2MQ@@._V1_FMjpg_UX2160_.jpg
Photo: IMDb

ฟอสเตอร์เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Elle ว่าบรรดาหนังฮีโร่ไม่ว่าจะมาจาก Marvel หรือ DC นั้นเป็นเพียง ‘กระแส’ ระลอกหนึ่งเท่านั้น ทว่าระลอกนี้นานกว่าระลอกอื่นๆ เสียอีก เมื่อเทียบกับกระแสหนังที่ผ่านมา อย่างเช่น ในยุค 90s นั้นหนังในโรงมีความหลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นแนวรอมคอม (โรแมนติก-คอมเมดี้) หนังสยองขวัญน้ำดี หนังแอคชั่น และหนังชิงรางวัล ทั้งหมดต่างมีพื้นที่อยู่ในโรงภาพยนตร์เท่าๆ กัน และดูเหมือนว่าผู้ชมก็มอบโอกาสในการชมหนังหลายๆ แนว

“มันเป็นแค่กระแสหนึ่ง แต่เป็นกระแสที่ค่อนข้างนานเกินไปสำหรับฉันนะ แต่มันก็เป็นกระแสหนึ่งจริงๆ แหละ ฉันหวังว่าผู้คนจะเริ่มเบื่อมันบ้าง จริงๆ ฉันชื่นชมหนังอย่าง ‘ไอรอนแมน,’ ‘แบล็กแพนเทอร์’ นะ แต่ฉันไม่ได้มาเป็นนักแสดงเพราะหนังพวกนี้ หนังพวกนี้ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตฉัน ฉันแค่หวังว่ามันจะมีพื้นที่ให้กับ (หนัง) อย่างอื่นบ้าง” ฟอสเตอร์ กล่าวก่อนเสริมว่าอะไรคือตัวอย่างของหนังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ โดยเธอยกตัวอย่างหนังเรื่อง Everything Everywhere All at Once (2022) ของสองพี่น้องผู้กำกับฯ แดเนียล

MV5BYzlkMTU3NjctNmM2Yy00OTg3LWFhNTMtNDNlNjMwYWM1ZGU1XkEyXkFqcGdeQXVyMDM2NDM2MQ@@._V1_FMjpg_UX2160_.jpg
Photo: A24

“สองพี่น้องแดเนียลเขาทำหนังที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลจริงๆ Everything Everywhere All at Once คือหนังที่ฉันจะกลับไปดูทุกครั้งทันทีที่รู้สึกเศร้า ฉันดูครั้งแรกกับลูกชาย พวกเราจับมือกันและร้องไห้นานถึง 45 นาทีหลังจากดูจบ จากนั้นฉันก็ดูอีกรอบกับลูกชายอีกคนในอาทิตย์ต่อมา กลายเป็นว่ามันเป็นเหมือนช่องทางต่อการสานสัมพันธ์ การสร้างความเข้าใจ และความหวัง เขา (ลูกชาย) เริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโรงเรียนซึ่งก่อนหน้าเขาไม่เคยเล่าให้ฟังเลย ฉันเลยคิดว่านี่คือสิ่งที่หนัง ‘ทำ’ ได้”  

เมื่อเราย้อนเวลาช่วงการมาของหนังซูเปอร์ฮีโร่ ทาง Marvel Entertainment เริ่มฟักไข่โปรเจกต์ตั้งแต่ปี 2008 กับหนังเรื่องแรก (ก่อนจะต่อเนื่องไปเป็น Avengers) คือ ‘Iron Man’ นำแสดงโดย โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Junior) กำกับฯ โดย จอน แฟฟโรว์ (Jon Favreau)  ในตอนนี้เข้าปี 2024 ดูแล้ว Marvel ยังมีแผนและโปรเจกต์สำหรับหนังฮีโร่อีกมาก และทางฝั่งผู้ชมก็ยังนิยมชมหนังฮีโร่อยู่อย่างไม่ขาดสาย และกินเวลากระแสไปแล้วรวม 16 ปี ทำให้คนในวงการภาพยนตร์ออกมาแสดงความคิดเห็นกันถึง ‘ยุคล่มสลายของซินีม่า’ หนึ่งในนั้นคือ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) เจ้าของรางวัลออสการ์จากเรื่อง The Departed (2006) เขาถึงขั้นเขียนวิจารณ์หนังฮีโร่ในบทความเชิงความเห็นชื่อ ‘Martin Scorsese: I Said Marvel Movies Aren’t Cinema. Let Me Explain.’ ให้กับ The New York Times  

“คุณอาจถามผมว่า ผมเป็นอะไรมากไหมวะ? ทำไมไม่ปล่อยพวกหนังฮีโร่กับหนังแฟรนไชส์ให้เป็นไปตามครรลอง? เหตุผลนั้นง่ายมาก ในหลายๆ ที่ในประเทศนี้ (สหรัฐอเมริกา) และทั่วโลก หนังแฟรนไชส์กลายเป็นตัวเลือกหลักถ้าคุณอยากดูอะไรในโรงภาพยนตร์ มันเป็นช่วงขาลงของการถ่ายทอดหนังจริงๆ และมีโรงภาพยนตร์เอกชนน้อยกว่าเดิมมากๆ ความสมดุลมันหายไป กลายเป็นว่าหนังสตรีมมิงกลายเป็นช่องทางหลักในการชม ถึงกระนั้น ผมยังไม่รู้จักคนทำหนังคนไหนที่ไม่อยากออกแบบหนังให้เข้าฉายในโรงนะ” สกอร์เซซี เขียนในบทความ The New York Times

สกอร์เซซีอาจเป็นตัวแทนคนทำหนังที่ออกมาพูดถึงกระแสหนังในทุกวันนี้ เช่นเดียวกันกับ โจดี้ ฟอสเตอร์ ที่อาจเป็นตัวแทนนักแสดงในการบอกเล่าความในใจต่อสิ่งที่วงการนักแสดงกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ เธอเป็นนักแสดงเจ้าของรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม 2 รางวัล จากเรื่อง The Accused (1989) และ The Silence of the Lambs (1992) ที่ออกมาให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ว่า “อย่าคิดเยอะ”

MV5BMjE2NDQ4NjMzNV5BMl5BanBnXkFtZTcwMzQ3NDY3Mw@@._V1_FMjpg_UX1023_.jpg
Photo: IMDb

“พวกเขาควรเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย ไม่ต้องคิดอะไรให้เยอะเกินไป ฉันสามารถช่วยพวกเขาได้นะ และคิดว่าน่าจะสนุกกว่าการมีแรงกดดันเงียบๆ” ฟอสเตอร์กล่าว มีความเป็นไปได้ว่าในมุมมองของฟอสเตอร์ นักแสดงรุ่น Gen Z มีพฤติกรรมที่น่ารำคาญใจ อาจเป็นเพราะมีความไม่มั่นใจ และความกังวลมากเกินไป ซึ่งตัวเธอเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเธอเองก็เคยอยู่ในวงการนักแสดงตั้งแต่ยังเด็กเช่นกัน ในตอนนี้เธอค่อนข้างชื่นชมกับนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง เบลลา แรมซีย์ (Bella Ramsey) จากเรื่อง The Last of Us

ตอนนี้ ฟอสเตอร์ กำลังมีหนังเรื่องใหม่ที่รับบทเป็นนักแสดงนำในเรื่อง ‘Nyad’ ภาพยนตร์เชิงชีวประวัติของ ไดอาน่า ไนยาด (Diana Nyad) นักกีฬาว่ายน้ำเจ้าของสถิติว่ายน้ำไกลที่สุดในโลก โดยเธอรับบทเป็น บอนนี สโตล (Bonnie Stoll) โค้ชว่ายน้ำของไนยาด และจะปรากฎในซีรีส์สอบสวนชื่อดัง ‘True Detective’ ในซีซัน 4 กำหนดฉายปี 2024 นี้อีกด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์