จอห์น วิค ภาค 4 กำลังเป็นภาพยนตร์กระแสแรงไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ แฟนๆ หลายคนต่างคาดหวังถึงความระห่ำที่พวกจะได้รับจากหนังแอคชั่นภาคต่อฟอร์มยักษ์เรื่องดัง
อย่างไรก็ตาม บรรดาทีมผู้สร้างได้ออกมาเปิดเผยอุปสรรคอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องเผชิญระหว่างผลิตคือความยาวของหนังที่เกินต้าน เรียกได้ว่าถ่ายทำกันมันส์มือจนอาจจะไม่ได้คำนึงถึงตอนตัดต่อเท่าใดนัก
โดยผู้กำกับอย่าง แชด สตาเฮลสกี และมือตัดต่อ นาธาน โอลอฟฟ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ IndieWire ถึงสาเหตุที่ภาพยนตร์มีความยาวมากขนาดนี้ เพราะแม้ภาพยนตร์ร่างไฟนอลที่เข้าฉายจะมีความยาวมากถึง 2 ชั่วโมง 49 นาที แต่ภาพยนตร์ร่างแรกๆ นั้นยาวกว่านั้นซะอีก
โดยร่างแรกมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง 45 นาที หรือยาวกว่าร่างไฟนอลถึงเกือบชั่วโมง แชด จึงยอมรับอย่างตรงๆ ว่าความรุนแรงในแต่ละฉากต่อสู้ ซีนการไล่ล่าอันทรหด ก็ไม่ตึงเครียดเท่าการที่ต้องตัดต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มีความยาวที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม บรรดาทีมผู้สร้างได้ออกมาเปิดเผยอุปสรรคอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องเผชิญระหว่างผลิตคือความยาวของหนังที่เกินต้าน เรียกได้ว่าถ่ายทำกันมันส์มือจนอาจจะไม่ได้คำนึงถึงตอนตัดต่อเท่าใดนัก
โดยผู้กำกับอย่าง แชด สตาเฮลสกี และมือตัดต่อ นาธาน โอลอฟฟ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ IndieWire ถึงสาเหตุที่ภาพยนตร์มีความยาวมากขนาดนี้ เพราะแม้ภาพยนตร์ร่างไฟนอลที่เข้าฉายจะมีความยาวมากถึง 2 ชั่วโมง 49 นาที แต่ภาพยนตร์ร่างแรกๆ นั้นยาวกว่านั้นซะอีก
โดยร่างแรกมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง 45 นาที หรือยาวกว่าร่างไฟนอลถึงเกือบชั่วโมง แชด จึงยอมรับอย่างตรงๆ ว่าความรุนแรงในแต่ละฉากต่อสู้ ซีนการไล่ล่าอันทรหด ก็ไม่ตึงเครียดเท่าการที่ต้องตัดต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มีความยาวที่เหมาะสม

แชด สตาเฮลสกี ผู้กำกับภาพยนตร์ จอห์น วิค 4
“ผมบอกพวกคุณตามตรงเลยนะ ที่มันยาวขนาดนี้ พวกเราไม่ได้คำนึงมาก่อนเลย” เขากล่าว
“ดราฟแรกของพวกเรานั้นยาว 3 ชั่วโมง 45 นาที พวกเราได้แต่คิดว่า ซวยแล้วล่ะ”
หลังจากดราฟแรกพวกเขาจึงต้องพยายามตัดต่อให้ภาพยนตร์กระชับลง ซึ่งโอลอฟฟ์มือตัดต่อกล่าวถึงขั้นตอนอันทรมานนี้ว่า
“คุณทำได้แค่ บีบอัดมันให้แน่น บีบอัดเข้าไป บีบอัดเข้าไปอีก”
“หากฉากไหนหรือใครในเรื่อง พยายามกล่าวซ้ำถึงไอเดียที่ได้มีการเล่าไปแล้ว ผมจะตัดมันออกเลย จะไม่มีการเล่าซ้ำไอเดียใดๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างจะเรียงลำดับตรงไปตรงมา มันเลยไม่มีช่องให้เราจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างมันได้มากนัก”
“ดังนั้นมันคือการกรองสิ่งที่เราไม่ต้องการออกไปเรื่อยๆ “ โอลอฟฟ์กล่าว
นอกจากนี้ผู้กำกับอย่างแชดยังยอมรับอีกว่า เขาคงทำทีมตัดต่อไม่พอใจแน่ๆ เพราะหากมีการทอนเวลาในหนังออกไปแม้เพียงนิดเดียว เขาจะสั่งให้ทีมโพสโปรดัคชั่น ดูภาพยนตร์ทั้งเรื่องใหม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าความลื่นไหลของพล็อทเรื่องยังอยู่
“ทีมตัดต่อคงเกลียดผมไปแล้วล่ะ เพราะหากเราตัดเวลาในภาพยนตร์ออกไปเพียงแค่ 30 วินาที ผมก็จะให้ทุกคนดูภาพยนตร์ใหม่ทั้งเรื่องอีกรอบ”
“มันเป็นวิธีเดียวที่คุณจะรู้ว่าจังหวะของภาพยนตร์มันถูกต้องหรือยัง เพราะผมรู้สึกถึงความแยกเป็นส่วนๆ ของภาพยนตร์ได้ตลอดเวลา เพราะพวกเขาต่างคนต่างทำทีละส่วนและนำมันมาประกอบกัน ทำให้ไม่เห็นภาพรวม” สตาเฮลสกีกล่าว
โดยจอห์นวิค 4 เข้าฉายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกโรงภาพยนตร์
“ผมบอกพวกคุณตามตรงเลยนะ ที่มันยาวขนาดนี้ พวกเราไม่ได้คำนึงมาก่อนเลย” เขากล่าว
“ดราฟแรกของพวกเรานั้นยาว 3 ชั่วโมง 45 นาที พวกเราได้แต่คิดว่า ซวยแล้วล่ะ”
หลังจากดราฟแรกพวกเขาจึงต้องพยายามตัดต่อให้ภาพยนตร์กระชับลง ซึ่งโอลอฟฟ์มือตัดต่อกล่าวถึงขั้นตอนอันทรมานนี้ว่า
“คุณทำได้แค่ บีบอัดมันให้แน่น บีบอัดเข้าไป บีบอัดเข้าไปอีก”
“หากฉากไหนหรือใครในเรื่อง พยายามกล่าวซ้ำถึงไอเดียที่ได้มีการเล่าไปแล้ว ผมจะตัดมันออกเลย จะไม่มีการเล่าซ้ำไอเดียใดๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างจะเรียงลำดับตรงไปตรงมา มันเลยไม่มีช่องให้เราจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างมันได้มากนัก”
“ดังนั้นมันคือการกรองสิ่งที่เราไม่ต้องการออกไปเรื่อยๆ “ โอลอฟฟ์กล่าว
นอกจากนี้ผู้กำกับอย่างแชดยังยอมรับอีกว่า เขาคงทำทีมตัดต่อไม่พอใจแน่ๆ เพราะหากมีการทอนเวลาในหนังออกไปแม้เพียงนิดเดียว เขาจะสั่งให้ทีมโพสโปรดัคชั่น ดูภาพยนตร์ทั้งเรื่องใหม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าความลื่นไหลของพล็อทเรื่องยังอยู่
“ทีมตัดต่อคงเกลียดผมไปแล้วล่ะ เพราะหากเราตัดเวลาในภาพยนตร์ออกไปเพียงแค่ 30 วินาที ผมก็จะให้ทุกคนดูภาพยนตร์ใหม่ทั้งเรื่องอีกรอบ”
“มันเป็นวิธีเดียวที่คุณจะรู้ว่าจังหวะของภาพยนตร์มันถูกต้องหรือยัง เพราะผมรู้สึกถึงความแยกเป็นส่วนๆ ของภาพยนตร์ได้ตลอดเวลา เพราะพวกเขาต่างคนต่างทำทีละส่วนและนำมันมาประกอบกัน ทำให้ไม่เห็นภาพรวม” สตาเฮลสกีกล่าว
โดยจอห์นวิค 4 เข้าฉายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกโรงภาพยนตร์