รีวิวคอนเสิร์ต JOJI: SMITHEREENS Live in Bangkok 2022

กลับมาอีกครั้งของคอนเสิร์ตเดี่ยวของ จอร์จ คุสึโนะกิ มิลเลอร์ (George Kusunoki Miller) หรือ โจจิ (Joji) หลังจากที่เคยเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้มแรก ‘In Tongues’ เมื่อปี 2017 (พ.ศ. 2560) ครั้งนี้กลับมาในวันที่ 8 ธันวาคม 2022 ในฐานะทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้ม SMITHEREENS อัลบั้มเพลงล่าสุดจากโจจิที่เพิ่งปล่อยให้ฟังกันเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2022 จัดโดย VERY LIVE
 

สถานที่ที่จัดงานคือ ธันเดอร์โดม สเตเดียม (Thunderdome Stadium) เมืองทองธานี ถือว่าเป็นฮอลคอนเสิร์ตที่ไม่ใหญ่มาก เมื่อมาถึงเวลาลงทะเบียน 17.00 น. คนก็เริ่มเดินทยอยกันเข้ามาแล้ว โดยคนที่มาชมล้วนแต่งกายด้วยสีดำเหมือนเป็นธรรมเนียมอย่างไรอย่างนั้น ด่านแรกที่ทุกคนต้องตรวจคือด่านตรวจ ATK เพื่อความมั่นใจว่าภายในงานจะไม่มีการติดเชื่อโควิด-19 สำหรับใครที่ไม่ได้ตรวจ ATK หรือมีหลักฐานการตรวจ สามารถต่อแถวเพื่อตรวจตรงบริเวณเต็นท์ข้างๆ ทางเข้างานได้
 

ด่านที่สองคือการลงทะเบียนเพื่อรับริสแบนด์เข้างาน ข้างๆ เป็นบูธขายเมิร์ชเป็นเสื้อยืด และหมวก ภายในงานจะจัดที่นั่งทั้งหมด 4 โซนหลักๆ คือ โซนสีแดง แบ่งเป็น โซน Standing A, Seating A และ Seating I โซนสีชมพู แบ่งเป็น โซน Standing B, Seating B และ Seating H โซนสีฟ้า แบ่งเป็น โซน Standing C, Seating C และ Seating G โซนสีเหลือง แบ่งเป็น Seating D, E และ F ซึ่งโซนสีเหลืองกับโซนสีฟ้ามีความรู้สึกว่าไม่ค่อยต่างกันเท่าไร เผลอๆ อาจได้เปรียบกว่าเพราะได้นั่ง แถมเห็นวิวดีกว่าด้วย 
 
ประตูเปิดให้เข้าไปในฮอลเวลา 18.00 น. หลายคนพากันนั่งและยืนเพื่อรอเวลาเปิดประตู เมื่อถึงเวลาทุกคนก็พากันเดินเรียงเป็นแถวเข้าไปในฮอล และมีข้อห้ามห้ามนำเครื่องดื่มทุกชนิด รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอลที่ขายในงานเข้าไปในฮอล ภายในฮอลมีเขตกั้นแบ่งโซนเรียบร้อย แต่จะสังเกตว่าทุกคนยังเข้ามาไม่หมด เพราะรอศิลปิน Opening Act เล่นเสร็จก่อน
 

ศิลปิน Opening Act ขึ้นมาเล่นเวลา 19.00 น. เพราะฉะนั้นที่เข้ามารอเอาแถวข้างหน้าก็ตั้งยืนและนั่งรอไป 1 ชั่วโมง ใครไม่มีที่นั่งก็ยืนเมื่อยหลังกันไป ศิลปินเปิดมีทั้งหมดสองคน ได้แก่ SavageRealm และ Lil Toe ซึ่งเป็นแร็ปเปอร์ที่มีบีทเพลงที่น่าสนใจ บวกกับเสียงสีที่เปิดทำให้รู้สึกอยากโยกตัวไปโดยอัตโนมัติ แต่ดูเหมือนว่าคนในงานจะไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับศิลปินเปิดมากเท่าไรนัก ทาง SavageRealm ก็มีความต่อกันไม่ติดระหว่างเพลงกับผู้ชม ซึ่งแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะผู้ชม หรือการเตรียมตัวของ SavageRealm 
 
ส่วน Lil Toe หนึ่งในศิลปิน Opening Act ออกมาคือไม่พูดพร่ำทำเพลง ออกมาร้องเพลงใส่อย่างเดียว แต่รู้สึกได้ว่าไหลลื่นกว่า SavageRealm มาก แต่ไม่ว่าศิลปินจะสนุกแค่ไหน ผู้ชมยังยืนดูนิ่งๆ ไม่มีการโยกหัว หรือมีปฏิสัมพันธ์กับศิลปินมากเท่าที่ควร ซึ่งเป็นเรื่องพอเข้าใจได้ว่าผู้ชมส่วนใหญ่คงรอดู Joji ทีเดียว  
 
ตามกำหนดการ Joji ต้องขึ้นแสดงเวลา 20.00 น. หลังจากที่ศิลปินเปิดลงจากเวที ผู้ชมต้องยืนเก้ออีกราวครึ่งชั่วโมงกว่า Joji จะออกมา บางคนถึงกับรู้สึกหมดอารมณ์ ในขณะที่ตรงประตูมีคนเริ่มทยอยกันเข้ามา จากพื้นที่ว่างๆ ในงาน ก็เริ่มมีคนเข้ามายืนแน่นกันมากขึ้นจนเต็มฮอล ถือว่าเป็นภาพที่สามารถกล่าวได้ว่า Joji เป็นศิลปินที่มีคนอยากมาชมการแสดงกันจริงๆ
 

ทุกคนส่งเสียงเฮปนกับเสียงกรี๊ดกันสนั่นไปทั้งฮอลเมื่อ Joji ขึ้นมาบนเวที โดยเพลงแรกที่แสดงคือ Santuary หลังจากเพลงจบไป Joji พยายามต่อติดกับการร้องเพลงต่อไปด้วยบทสนทนาระหว่างเขากับ SavageRealm ที่ออกมารับหน้าที่เป็นคนคุม Soundboard อีกสองคนที่ขนาบข้างคือมือกีตาร์ และมือคีย์บอร์ดที่สร้างสีสรรค์ในงานได้ดีพอควร  
 
ที่น่าแปลกใจคือคอนเสิร์ตนี้มีชื่อว่า Joji: SMITHEREENS Tour แต่ว่าเพลงที่ Joji ร้องนั้นกลับไม่มีเพลงในอัลบั้ม SMITHEREENS สักเพลง เพลงที่เขานำมาร้องคือเพลงจากอัลบั้ม In Tongues อย่าง will he และ I Don’t Wanna Waste My Time อัลบั้ม Nectar และอัลบั้ม Ballads 1 นอกจากนี้ยังมีเพลงเก่าๆ สมัยที่เขาปล่อยลงบน Soundcloud อย่างเพลง you suck charlie ที่น่าชื่นชมเรื่องหนึ่งคืองานวิชวลบนจอนั้นมีความสวยงามมาก  บางอันสวยงามจนอดหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายไม่ได้
 

ไฮไลท์งงๆ คือการปรากฎตัวของ ด็อกเตอร์สเตรนจ์ (Doctor Strange) ขึ้นมาเซอร์ไพรส์ Joji และแลกเปลี่ยนบทสนทนากันเล็กๆ แบบขำๆ ภายหลังมารู้ว่าคนที่แต่งตัวเป็นด็อกเตอร์เสตรนจ์ คือ แอดมินเพจ สมาคมผู้คลั่งไคล้ SuperHero  
 
Joji ลงเวทีไปสองรอบในช่วงท้าย รอบแรกที่กลับขึ้นมาเวทีคือขึ้นมาร้องเพลง SLOW DANCING IN THE DARK เวอร์ชันช้า ต่อด้วยเวอร์ชันปกติ ทำเอาแฟนเพลงพากันแหกปากร้องกันจนเจ็บคอ หลังจากร้องจบก็ลงเวทีไป และกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเพลง Glimspe of Us พอร้องจบ ทั้งวงเดินลงจากเวทีไปอีกรอบ ท่ามกลางเสียงตะโกนว่า “Die for you!” อยู่หลายครั้ง ตัดไปที่บนเวทีนั้นมีเพียงเสียงสีส้มที่ส่องสว่างลงที่ผู้ชม เป็นการบอกว่าการแสดงนั้นจบลงแล้วจริงๆ
 

ถ้าสังเกตคนที่มาชมงาน จะได้ยินคำพูดงงๆ เช่น “ทัวร์ SMITHEREENS แต่ไม่มีเพลงในอัลบั้ม” หรือไม่ก็ “ไม่มีเพลง Die for you ได้ไง” แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม Joji ถึงไม่ร้องเพลงในอัลบั้มใหม่ และการแสดงทั้งหมดใช้เวลาไปเพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับคอนเสิร์ตเดี่ยว 
 
เท่าที่นึกได้ ผมรู้สึกเอะใจอยู่สองอย่างคือ อย่างแรก Joji เคยเอ่ยขึ้นไมค์ก่อนร้องเพลงว่า “เพลงที่ผมจะร้องต่อไปนี้คือเพลงใหม่ ผมไม่เคยร้องเพลงนี้ที่ไหนเลย ที่นี่คือที่แรก” พอพูดจบทุกคนพากันเฮ รวมถึงตัวผมเองก็รู้สึกแปลกใจคิดว่า “เพลงใหม่อันไหน?” จากนั้น Joji ก็ร้องเพลง Like You Do ซึ่งเป็นเพลงจากอัลบั้ม Nectar  
อย่างที่สองคือระยะเวลาการแสดง 1 ชั่วโมง คือ ระยะเวลาเดียวกับการแสดงในงานเฟสติวัล แถมเพลงที่เอามาร้องคือร้องไม่หมด ร้องไม่จบเพลง และตัดไปเข้าเพลงใหม่อย่างรวดเร็ว จากข้อสงสัยทั้งสองอย่างเลยทำให้เกิดความคิดว่า setlist ที่ Joji นำมาแสดงคือ setlist เดียวกับงานเฟสติวัลช่วงที่ปล่อยอัลบั้ม Nectar และแน่นอนว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอัลบั้มล่าสุดอย่าง SMITHEREENS เลย
 

โดยรวมของงาน ผมรู้สึกอยู่อย่างเดียวคือคนที่เสียเงินซื้อบัตร โดยเฉพาะโซน A หน้าสุด ถือว่าเป็นการจ่ายเงินที่ไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสเกลงานทั้งหมด ในราคานี้สามารถชมงานเฟสติวัลได้สบายๆ ในราคานี้สิ่งที่ผู้ชมควรได้คือการแสดงแบบครบครัน Joji ควรขึ้นมาเวทีและเริ่มด้วยเพลงจากอัลบั้ม SMITHEREENS ตั้งแต่ต้นจนจบ จากนั้นค่อยเสริมด้วยเพลงจากอัลบั้มเก่าๆ รวมเวลาทั้งหมดควรจะเป็น 2 ชั่วโมงกว่าๆ เสียด้วยซ้ำ  
 
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่รู้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแน่ชัดว่าเป็นที่ผู้จัดงาน หรือเป็นที่ศิลปิน รวมถึงทีมงานของศิลปิน ถ้าพูดแบบสรุปรวบยอดในประโยคเดียว คอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่คุ้มค่า หรือเติมเต็มความรู้สึกที่รอมานานมากขนาดนั้น ซึ่งผมสามารถพูดได้ในฐานะแฟนเดนตายที่ติดตาม Joji มาตั้งแต่ก้าวมาเป็นศิลปิน ต่อให้ในใจมีความสุขต่อการแสดง แต่ก็รู้สึกผิดหวังไปพร้อมๆ กันเช่นกัน