การ ‘ลงนะ’ มาจากไหน ทำไมคนถึงนิยมทำกัน?

12 มกราคม 2567 - 07:36

long-na-bad-or-good-SPACEBAR-Hero.jpg
  • เกิดเป็นดราม่ากันยกใหญ่หลังจากมีคลิปวิดีโออาจารย์คนหนึ่งกำลังทำพิธี ‘ลงนะ’ ที่ก้น กลายเป็นกระแสและเกิดการตั้งคำถามว่าลงนะสามารถลงที่ก้นได้ด้วยจริงหรือ?

เกิดเป็นดราม่ากันยกใหญ่หลังจากมีคลิปวิดีโออาจารย์คนหนึ่งกำลังทำพิธี ‘ลงนะ’ ที่บริเวณทวารหนักกลายเป็นกระแสและเกิดการตั้งคำถามว่าการลงนะสามารถลงที่บริเวณนั้นได้ด้วยจริงหรือ? ซึ่งหลังเกิดกระแสขึ้น อาจารย์แมนเจ้าของวิชา ชี้แจงว่าการลงนะที่บริเวณทวารหนักเป็นความต้องการของลูกค้า ส่วนวิชานั้นสืบทอดวิชามาจากสุรินทร์ โดยการลงนะนั้นสามารถทำได้ทุกจุด

ดังที่เคยเกิดกระแสไปพักหนึ่งถึงประเด็นเรื่องลงนะหน้าทอง ที่ วัดศาลารี ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี พระครูสมุห์นพดล ปิยธมฺโม ได้ทำการลงนะหน้าทองโดยกล่าวว่า เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับผู้ที่ทำบุญที่วัดโดยที่วัดจะมีทั้งการเจิมหน้าผากด้วยแผ่นทองคำเปลว การเขียนยันต์หัวใจมหาเศรษฐีลงบนฝ่ามือ และการลงนะหน้าทองแบบเต็มใบหน้าเพื่อเสริมสร้างสิริมงคล หนุนดวง เสริมดวงชะตาในด้านเมตตามหาเสน่ห์ เสริมบารมี และเพิ่มโชคลาภ ทำให้ชีวิตของผู้ที่ได้ถูกลงนะหน้าทองเจริญรุ่งเรือง

long-na-bad-or-good-SPACEBAR-Photo02.jpg

ภายหลังพระพยอมออกมากล่าวว่า “ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นวิวัฒนาการสายมู มันจะกลายเป็นเรื่องน่าขำ น่าตลก แต่ที่น่าอดสูใจคือสวยหรือซวย เพราะแท็กซี่ยังตกใจกลัว ไม่รู้หน้าคนหรือหน้าผี” พร้อมเสริมว่า “คนจะรวยรวยศีลรวยทานใช่เพราะบ้านโต คนจะงามงามที่น้ำใจ อย่าไปงามจนหน้าเละ ทำจนงามหน้า ไม่ใช่หน้างาม”

วิธีการลงนะหน้าทอง อย่างแรกคือเริ่มจากการตกทอง คือนำทองคำเปลวมาติดตามจุดต่างๆ บริเวณใบหน้า อีกแบบคือนำแผ่นทองคำเปลวมาขยี้ให้ทั่วทั้งใบหน้าเพื่อให้เนื้อทองซึมเข้าไปในผิวหนัง โดยพิธีกรรมลงนะหน้าทองต้องเสกแผ่นทองตามตำราก่อนติดลงบนใบหน้าทุกครั้ง ถ้าเป็นอย่างที่อาจารย์แมนกล่าวว่าทำได้ทุกส่วนก็คือการนำแผ่นทองไปลงนะตามจุดต่างๆ และท่องคาถาเป่ามนต์ให้แคล้วคลาด มีคนรักคนหลง

การลงนะเชื่อว่ามีที่มาจากไสยศาสตร์ชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธคุณ บางตำราว่าเป็นศาสตร์ชั้นสูงของพราหมณ์ที่ส่งต่อมาตั้งแต่ยุคขอมโบราณ โดยส่งต่อความเชื่อผ่านวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ จากตัวละครพระลักษมณ์ ที่เป็นภาพแทนของผู้เป็นที่รัก โดยหลักๆ ทั้งหมดเป็นวิชาไสยศาสตร์ เชื่อว่าเป็นวิชาโบราณไทยแท้สืบทอดกันมานาน และผูกมากับพระพุทธศาสนาในช่วงหลัง

อัมรินทร์ สุขสมัย ผู้ศึกษาด้านโหราศาสตร์และไสยเวท กล่าวว่า การลงนะหน้าทองตามศาสตร์โบราณเป็นการเสริมสิริมงคลบนใบหน้า โดยจะติดแผ่นทองบริเวณใบหน้า ลำคอ ต้นแขน แต่ไม่เคยมีการนำไปปิดบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นที่ต่ำทำให้เกิดความกำหนัด สร้างผลร้ายต่อผู้ทำเพราะเป็นอวิชชา ดูเหมือนจะขัดแย้งกับสิ่งที่อาจารย์แมนทำอยู่

อย่างไรก็ตาม หากเรานับว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ การลงนะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ปรากฎอยู่ในพระพุทธศาสนาเป็นแน่แท้ เพราะพระสงฆ์หลายรูปรวมถึงพระพยอมต่างก็เห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย มีการเกี่ยวโยงกับเรื่องราคะ และไม่ควรผูกโยงอยู่กับพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเรื่องมนต์ขลังหรือการอวดอุตริแต่อย่างใด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์