Marina Balenciaga หรือ ‘มารีน่า ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า’ ศิลปินลูกครึ่งไทย–สเปน ผู้มีความสามารถหลากหลายทั้งการเดินแบบและนักแสดง ตอนนี้เธอได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายดนตรีด้วยเสียงร้องอันเปี่ยมเสน่ห์พร้อมเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินเสียงร้องของเธอจากบทเพลง No Reason Feat. นายนะ และ Be Strong และในตอนนี้มารีน่าได้ออกซิงเกิลใหม่ในรูปแบบเพลงสากลเป็นครั้งแรก
การกลับมาทำในสิ่งที่ชื่นชอบอีกครั้งด้วยซิงเกิลเพลงสากลที่มีชื่อว่า ‘This must be the place’ เพลงที่เกิดจากความเรียบง่ายในแนว City pop เธอได้เล่าถึงที่มาของเพลงนี้ว่า “ที่มาของเพลงมันเรียบง่ายมาก มีอยู่วันหนึ่งที่เรานั่งวินมอเตอร์ไซค์แล้วได้สังเกตสิ่งรอบข้างว่าเป็นยังไงบ้าง ทำให้ได้เห็นว่าสถานที่โดยรอบก็มีความน่ารักของมันถึงแม้ว่าจะมีสายไฟตัดผ่านไปบ้าง เลยรู้สึกว่าอยากให้มีเพลงมาคลอในจังหวะนี้จัง เพลงที่มัน Feel Good อบอุ่นหัวใจ เราก็เลยอยากทำเพลง Feel Good ขึ้นมา เปรียบเสมือนเพลงนี้เป็นตัวแทนที่สามารถทำให้ผู้ฟังได้สลัดความกังวลทิ้งไปก่อนถึงปลายทางของแต่ละคน”
‘มารีน่า บาเล็นซิเอก้า’ ในตอนนี้เราสามารถเรียกเธอว่า ‘ศิลปิน’ ได้อย่างเต็มปากและเชื่อว่าเพลง ‘This must be the place’ จะเป็นเพลงที่ฟังแล้วช่วยสามารถคลายความกังวลได้ เธอทิ้งท้ายว่า “ฝากเพลง This must be the place ไว้ด้วยนะคะ อยากให้เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่เข้าไปอยู่ในหัวใจของทุกคน” ส่วนใครที่คิดถึงผลงานการแสดงก็รอติดตามได้เลย แต่ขออุบไว้ก่อนว่าจะเป็นบทบาทหรือการแสดงแบบไหน

Marina Balenciaga หรือ ‘มารีน่า ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า’ ศิลปินลูกครึ่งไทย–สเปน ผู้มีความสามารถหลากหลายทั้งการเดินแบบและนักแสดง ตอนนี้เธอได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายดนตรีด้วยเสียงร้องอันเปี่ยมเสน่ห์พร้อมเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินเสียงร้องของเธอจากบทเพลง No Reason Feat. นายนะ และ Be Strong และในตอนนี้มารีน่าได้ออกซิงเกิลใหม่ในรูปแบบเพลงสากลเป็นครั้งแรก
การกลับมาทำในสิ่งที่ชื่นชอบอีกครั้งด้วยซิงเกิลเพลงสากลที่มีชื่อว่า ‘This must be the place’ เพลงที่เกิดจากความเรียบง่ายในแนว City pop เธอได้เล่าถึงที่มาของเพลงนี้ว่า “ที่มาของเพลงมันเรียบง่ายมาก มีอยู่วันหนึ่งที่เรานั่งวินมอเตอร์ไซค์แล้วได้สังเกตสิ่งรอบข้างว่าเป็นยังไงบ้าง ทำให้ได้เห็นว่าสถานที่โดยรอบก็มีความน่ารักของมันถึงแม้ว่าจะมีสายไฟตัดผ่านไปบ้าง เลยรู้สึกว่าอยากให้มีเพลงมาคลอในจังหวะนี้จัง เพลงที่มัน Feel Good อบอุ่นหัวใจ เราก็เลยอยากทำเพลง Feel Good ขึ้นมา เปรียบเสมือนเพลงนี้เป็นตัวแทนที่สามารถทำให้ผู้ฟังได้สลัดความกังวลทิ้งไปก่อนถึงปลายทางของแต่ละคน”
สาเหตุที่เลือกทำเพลงสากลก็เพราะว่า “ตอนแรกก็มีความรู้สึกขัดแย้งกับตัวเองนานพอสมควรว่าจะแต่งเป็นเพลงไทยหรือเพลงสากลดี แต่คิดขึ้นมาได้ว่าการทำเพลงสากลก็เป็นสิ่งที่เราอยากทำมานานมาก บวกกับที่คนไทยในปัจจุบันฟังเพลงหลากหลายมากขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีในการทำโปรเจ็คต์นี้ขึ้นมา เหมือนกับการได้กลับมาแนะนำตัวเองอีกครั้งให้กับคนอื่นๆ ได้รู้จักว่า Welcome to CASA MARI โดย Casa เป็นภาษาสเปนแปลว่าบ้าน เราเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาในบ้านผ่านบทเพลงของเรา”

การทำเพลง ‘This must be the place’ ถือเป็นเพลงที่ทำให้เธอได้ปลดปล่อยตัวเองได้อย่างเต็มที่ มารีน่าเล่าเสริมว่า “ช่วงที่ทำงานด้านการแสดงเคยแบ่งการใช้ชีวิตเป็นสองส่วนอย่างชัดเจนคือการทำงานและความเป็นส่วนตัว ปกติแล้วจะไม่ค่อยแบ่งปันเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นได้รับรู้ขนาดนั้น แต่ตอนนี้เหมือนกับเราได้เข้าใจการใช้ชีวิตในฐานะของศิลปินและอยากให้แฟนคลับได้รู้จักเรามากยิ่งขึ้น”
นอกจากเรื่องราวในเนื้อเพลง ‘This must be the place’ ที่น่าสนใจแล้ว มารีน่ายังผ่านอะไรมามากมายกว่าจะมาเป็นเธอในฐานะศิลปิน “การร้องเพลงของเราเริ่มจากร้องเพลงลง YouTube หลังจากนั้นก็มีกระแสตอบรับที่ดีจากคนที่ได้ฟัง ทางค่ายเห็นผลงานเลยเรียกไปเทสต์เสียง ทำให้รู้สึกว่าการทำเพลงของเราก็ยังมีคนที่เห็นคุณค่าอยู่ ต้องเล่าก่อนว่าตอนเด็กๆ ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว เคยไปเทสต์เสียงก็ได้คำตอบกลับมาแบบเดิมๆ ที่ว่าเสียงไม่มีพลังมากพอ ตอนที่ค่ายติดต่อกลับมาในวันที่เราเติบโตขึ้นทำให้คิดได้ว่าลองอีกสักครั้งคงไม่เสียหาย แต่พอหมดสัญญากับค่ายเก่าเรารู้สึกว่ายังรักในการร้องเพลงยังอยากทำมันให้เต็มที่ โชคดีที่ว่าเรามีพี่แว่นใหญ่คอยดูแลและเป็นเมนเทอร์ที่ดีให้ จนในปัจจุบันเราสามารถพูดได้เต็มปากว่าเราเป็นศิลปิน และนักแต่งเพลงได้แล้ว”

มารีน่าได้บอกกับเราว่าการแต่งเพลงก็เปรียบเสมือนอาหาร โดยเธอได้เรียนรู้การปรุงแต่งเพลงจาก ‘แว่นใหญ่’ “โชคดีที่ตอนอยู่ค่ายเดิมพี่แว่นใหญ่เป็นคนที่มีแนวทางในการแต่งเพลงโดยที่จะไม่บังคับศิลปินให้ร้องเพลงตามที่เขาอยากให้เป็น แต่จะทำให้รู้สึกว่าเราเป็นศิลปินที่ออกแบบเพลงได้ โดยเพลงก็เหมือนกับอาหารถ้าคนอื่นปรุงให้ก็ไม่ถูกปากเท่าเราปรุงเอง เราเริ่มเข้าใจขั้นตอนการทำงานมากยิ่งขึ้น อาจจะไม่ได้สร้างเพลงแบบ 100% แต่เข้าใจในลำดับการทำงานและมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เมื่อก่อนอาจจะทำเพลงแล้วรอดูกระแสการตอบรับจากแฟนๆ จนหลงทางในการทำเพลงแต่ตอนนี้เราชัดเจนมากขึ้นแล้ว”
การสัมภาษณ์มารีน่าในครั้งนี้นอกจากจะทำให้เราได้รู้จักเธอในฐานะศิลปินมากยิ่งขึ้นยังทำให้เราได้เข้าใจว่าทุกคนที่เจอเรื่องแย่ๆ หรือกำลังค้นหาตัวเองแล้วต้องเจอกับ Bad Day วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ ‘อยู่กับปัจจุบัน’ เรียนรู้สิ่งที่เป็น ปล่อยให้มันเป็นไปตามจังหวะของชีวิต หากเรามี Bad Day ยังไงก็ต้องมี Good Day ถ้าเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างก็จะดีเอง ยิ่งได้ฟังเพลง ‘This must be the place’ ไปด้วยแล้วก็ถือว่าเป็นเพลงที่ช่วยทำให้เราได้ปลดปล่อยคลายความกังวลที่อยู่ในใจได้ดี เหมือนกับที่เธอตั้งใจไว้ว่าอยากทำเพลงนี้ให้ทุกคนได้ฟัง

งานอดิเรกของมารีน่าที่เราได้รู้จากการสัมภาษณ์คือการทำอาหาร เธอมีเชฟในดวงใจคือเชฟ ‘Gordon Ramsay’ โดยเธอได้โพสต์ภาพคู่กับเชฟ Gordon ผ่าน Instagram เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาพร้อมเล่าเรื่องสุดประทับใจให้้ฟังว่า “เหตุการณ์วันนั้นเหมือนหลุดเข้าไปในรายการ Hell’s Kitchen ทุกอย่างมันน่าตื่นเต้นไปหมด โดยส่วนตัวชอบเชฟ Gordon มากๆ อยู่แล้ว พอได้ร่วมงานก็ยิ่งเพิ่มความประทับใจขึ้นไปอีก ปกติเวลาเราเจอศิลปินที่มีชื่อเสียงหรือเจอดาราเราก็จะไม่กรี๊ดหรือตื่นเต้นจนออกอาการ แต่ครั้งนั้นที่เจอเชฟ Gordon รู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นและชื่นชมเขามากๆ”
พอได้พูดถึงงานอดิเรกเรื่องการทำอาหารแล้วก็อดถามไม่ได้ถึงอาหารที่มารีน่าชื่นชอบ โดยอาหารที่เธอชอบคือขนมปัง เธอให้เหตุผลว่า “ชอบทานพวกแป้ง ขนมปัง เพราะมันง่ายต่อการรับประทาน ขนมปังที่ชอบที่สุดก็จะเป็นพวกโชกุปัง ซาวโดว์ บางทีไม่รู้จะกินอะไรก็จะนึกถึงขนมปังก่อนอันดับแรก แต่ก็ใช่ว่าตื่นเช้ามาก็จะทานขนมปังเลย ต้องมีอะไรรองท้องก่อนบ้าง และไม่ได้กินเยอะหรือกินบ่อยขนาดนั้นเพราะเราก็ต้องดูแลสุขภาพด้วย”

มารีน่า บาเล็นซิเอก้า’ ในตอนนี้เราสามารถเรียกเธอว่า ‘ศิลปิน’ ได้อย่างเต็มปากและเชื่อว่าเพลง ‘This must be the place’ จะเป็นเพลงที่ฟังแล้วช่วยสามารถคลายความกังวลได้ เธอทิ้งท้ายว่า “ฝากเพลง This must be the place ไว้ด้วยนะคะ อยากให้เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่เข้าไปอยู่ในหัวใจของทุกคน” ส่วนใครที่คิดถึงผลงานการแสดงก็รอติดตามได้เลย แต่ขออุบไว้ก่อนว่าจะเป็นบทบาทหรือการแสดงแบบไหน
ช่องทางการติดตาม
YouTube: Marina Balenciaga
Facebook: Marina Balenciaga
Instagram: marinaemmb
เรื่อง: อารียา อรรคสุข