หลังจากที่มีประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับอายุวีซ่าของ ฮันนิ (Hanni) สมาชิกสาวจากวงเกิร์ลกรุ๊ป NJZ ผู้ถือสัญชาติออสเตรเลียและเวียดนาม ทำให้แฟนๆ หลายคนเริ่มกังวลถึงการทำงานในประเทศเกาหลีใต้ที่มีข้อบังคับให้ศิลปินต่างชาติที่เข้ามาพำนักและทำงานที่ประเทศต้องถือวีซ่า E-6 (วีซ่าสำหรับนักแสดงและศิลปิน)
นอกจากนี้ยังมีรายงานจากค่าย ADOR ที่ออกมาชี้แจงว่าทางค่ายได้เตรียมเอกสารขยายวีซ่าให้กับไอดอลสาวแล้ว แต่ฮันนิปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญา
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า ฮันนิ ได้รับวีซ่าเกาหลีใหม่แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผู้ปกครองของสาวๆ NJZ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันผ่านแอคเคานท์โซเชียลมีเดีย ยืนยันว่า ฮันนิ ได้รับวีซ่าใหม่แล้วเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผ่านกระบวนการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โดยเอกสารแถลงการณ์ฉบับเต็มจากผู้ปกครองของ NJZ มีดังนี้
“สวัสดี
ในช่วงสองวันที่ผ่านมามีข่าวลือเกี่ยวกับสถานะวีซ่าของ ฮันนิ แพร่สะพัดไปทั่ววงการสื่อพร้อมกับข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เราจึงขอใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขความเข้าใจผิดเหล่านั้น
ฮันนิ ได้รับวีซ่าใหม่เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2025 ผ่านกระบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้อง
ADOR ใช้ประเด็นที่อ่อนไหวเกี่ยวกับวีซ่ากดดันทั้งฮันนิและครอบครัวของเธอ โดยบังคับให้เธอลงนามในข้อตกลงขยายระยะเวลาวีซ่าที่ระบุให้ ADOR เป็นต้นสังกัด พร้อมขู่ว่าหากไม่ลงนามเธออาจกลายเป็นผู้พำนักผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ADOR ยังดำเนินการส่งข้อมูลส่วนตัวและเอกสารที่ต้องมีลายเซ็นของเธอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งให้เธอทราบในภายหลังซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ในมุมมองของสามัญสำนึก
สื่อบางแห่งอ้างข้อมูลที่ไม่ผ่านการตรวจสอบโดยใช้คำบางคำ เช่น ‘ผู้พำนักผิดกฎหมาย’ และเผยแพร่ข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง ส่งผลให้เกิดการร้องเรียนจากสาธารณะอย่างไม่จำเป็น รายงานก่อนหน้านี้ยังระบุว่า ‘ADOR ได้เตรียมเอกสารขยายวีซ่าทั้งหมดและพยายามยื่นเรื่องแต่ฮันนิปฏิเสธที่จะลงนาม’ ซึ่งขัดแย้งกับคำแถลงล่าสุดของ ADOR ที่ระบุว่า ‘ไม่สามารถยืนยัน’ สถานการณ์ดังกล่าวได้
ในช่วงสองวันที่ผ่านมามีบทความประมาณ 70 ชิ้นที่คาดเดารายละเอียดส่วนตัวเกี่ยวกับประเภทวีซ่าและวันหมดอายุซึ่งไม่ใช่ข้อมูลที่เหมาะสมในการเปิดเผยต่อสาธารณะ และนี่ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง เรารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ข้อมูลที่มีเพียง ADOR เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ถูกเผยแพร่ไปยังสื่อไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเรามองว่าการเผยแพร่ข่าวโดยปราศจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นปัญหาที่ร้ายแรง ในอดีตเคยมีกรณีที่ข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกถูกนำไปใช้เพื่อสืบค้นบันทึกการเดินทางเข้า-ออกประเทศ สถานการณ์เช่นนี้เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเรากำลังพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสมาชิกต่อไป
ขอบคุณที่สละเวลาอ่านแถลงการณ์ยาวฉบับนี้ เราขออภัยต่อแฟนๆ สำหรับความกังวลและความไม่สบายใจที่อาจเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพของตนเอง ขอบคุณ”