เรื่องหนึ่งที่น่าตกใจคือการที่ มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) นักแสดงนำของเรื่อง ออกมาเล่าประสบการณ์ตอนที่เธอเดินทางมาสหรัฐอเมริกา มีคนเข้ามาทักเธอว่า “เธอคือคนกลุ่มน้อย” หรือไม่ก็ “ว้าว เธอพูดภาษาอังกฤษได้” ซึ่งเธอตอบกลับเชิงประชดประชันว่า “ใช่แล้ว เวลาบนเครื่องบินนานถึง 13 ชั่วโมง ฉันเลยเรียนมาระหว่างทาง”

มิเชล โหย่ว ไม่ใช่นักแสดงมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการฮอลลีวูด เพราะเธอเคยแสดงควบคู่กับนักแสดงฮอลลีวูดหลายคนแล้วทั้งเรื่อง The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor, 007: Tomorrow Never Dies รวมถึงเรื่อง The Lady ในบท อองซาน ซูจี เธอเป็นชาวมาเลเซียโดยกำเนิด แต่เติบโตอยู่ในประเทศจีน และเป็นนักแสดงโดดเด่นคนหนึ่งพอๆ กับ เฉินหลง (Jackie Chan)
ตัดไปทาง คีฮุยควาน (Ke Huy Quan) กันบ้าง คีฮุยควานเคยเป็นที่รู้จักในฐานะเด็กน้อยผจญภัยร่วมกันกับ แฮริสัน ฟอร์ด ในเรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom หลังจากนั้นเขากลับมารับบทอีกทีในเรื่อง Encino Man และ Finding 'Ohana ในช่วงเวลาเกือบ 20 ปี เรียกได้ว่าเขาเป็นนักแสดงที่รับบทแสดงน้อยที่สุดในช่วงชีวิตคนหนึ่งเลย
คีฮุยควานเคยออกมาเล่าว่า เขาคิดถึงการแสดงมากหลังจากที่ได้ดูเรื่อง Crazy Rich Asians เขาแทบไม่มีงานแสดงเสนอมา เขาพยายามแล้วแต่ไม่มีใครสนใจเสนอบท จนเขาจำเป็นต้องหางานอย่างอื่นทำเพื่อเลี้ยงชีพ จนกระทั่งเขาได้มาแสดงเรื่อง Everything Everywhere All at Once ชีวิตของคีฮุยควานเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ผู้คนให้ความสนใจเขาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าเขาเคยสงสัยในความสามารถตัวเองถึงขั้นโทรไปหาโปรดิวเซอร์ว่า “ผมแสดงดีไหม” ซึ่งโปรดิวเซอร์ตอบเขาว่า “ทำไมคุณถึงถามคำถามอะไรบ้าๆ แบบนั้น” คีฮุยควานตอบกลับไปว่า “เพราะไม่มีใครต้องการจ้างผมเลย”

เจมส์ ฮง (James Hong) นักแสดงฮ่องกงเจ้าของบทพ่อของเอเวอรินในเรื่อง Everything Everywhere All at Once ได้กล่าวคำพูดบนเวทีรางวัลเกี่ยวกับชาวเอเชียในวงการฮอลลีวูดว่า
“ผมต้องเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เมื่อก่อนนะนักแสดงนำต้องเป็นคนขาวใช้เทปติดตาให้เล็กลง เพราะบรรดาโปรดิวเซอร์กล่าวว่าคนเอเชียแสดงได้ไม่ดีพอ และพวกเขาไม่สามารถสร้างรายได้มากขนาดนั้น แต่ดูพวกเราตอนนี้สิ”

ปรากฏการณ์การขึ้นรับรางวัลของนักแสดงเรื่อง Everything Everywhere All at Once บอกให้ทุกคนทั่วโลกรู้ว่าบนโลกนี้ยังมีนักแสดงหลากหลายเชื้อชาติที่มากด้วยความสามารถอยู่หลายคนที่กำลังรอรับโอกาสบนจอหนังอยู่ ความผิดไม่ได้อยู่ที่พวกเขามีจำนวนน้อยเกินไป แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้สร้าง นักลงทุน มอบโอกาสพวกเขามากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง