เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 หรือ 35 ปีที่แล้ว ‘ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์’ วัตถุโบราณชิ้นสำคัญของไทยกลับคืนสู่ประเทศไทย หลังจากถูกลักลอบไปเมื่อปี พ.ศ. 2503 คาดว่าถูกโจรกรรมในช่วงสงครามเวียดนาม และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ เป็นภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ศิลปะขอมโบราณ โดยพระนารายณ์บรรทมตะแคงขวาเหนือพระยาอนันตนาคราชซึ่งทอดตัวอยู่ท่ามกลางเกษียรสมุทร หรือทะเลน้ำนม เป็นที่ทับหลังของมณฑปด้านทิศตะวันออกปราสาทประธานของปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถูกสร้างและบูรณะช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 15-18 ปราสาทหินพนมรุ้งสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดูลัทธิไศวะ ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด ดังนั้นเขาพนมรุ้งจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสที่ประทับของพระศิวะ
ในปี พ.ศ. 2516 ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ขณะดำรงตำแหน่งคณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และ ดร. ไฮแรม วูดเวิร์ด จูเนียร์ อดีตอาสาสมัครสันติภาพ ที่เคยสอนในมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ไปพบทับหลังนารายณ์บรรทม สินธุ์ชิ้นนี้ ที่สถาบันศิลปะนครชิคาโก และทรงมีหนังสือแจ้งอธิบดีกรมศิลปากรอย่างเป็นทางการว่าควรจะขอกลับคืน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2531 ขณะที่การบูรณะปราสาทหินพนมรุ้งใกล้จะเสร็จเรียบร้อย มีการรื้อฟื้นเรื่องการขอคืนทับหลังขึ้นมาใหม่
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 สถาบันศิลปะนครชิคาโก ได้ส่งทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ กลับคืนสู่ประเทศไทย ในพระนามของศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ทับหลังถึงสนามบินดอนเมืองในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 โดยสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์