ดอกไม้ไฟ เป็นหนึ่งในพระเอกของพิธีเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ ลวดลายและสีสันสุดบรรเจิดกลางท้องฟ้าของมัน สร้างความตื่นตาตื่นใจได้เสมอ
แม้จะมีคนล้อเลียนว่า การจุดดอกไม้ไฟ คือการ “เผาเงินเล่น” แต่เจ้าภาพก็เต็มใจ หากทำให้คนที่มาชมได้รับความสุขสนุกสนานกลับไป
สำหรับบางคน ชั่วขณะนั้นอาจเป็นความทรงจำที่จะประทับใจไปชั่วชีวิต...

เหมือนเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งในญี่ปุ่นที่ว่า เมื่อถึงเทศกาลหนึ่งที่มีการจุดดอกไม้ไฟ ทุกๆ ปี จะมีหญิงชราคนหนึ่งมายืนชมดอกไม้ไฟตรงจุดเดิมทุกๆ ปี เธอยืนอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งการจุดดอกไม้ไฟสิ้นสุดลง แล้วก็เดินจากไปเงียบๆ
จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนช่างสงสัยไปถามว่า ทำไมเธอถึงมายืนตรงนี้คนเดียวทุกๆ ปี หญิงชราตอบว่า เพราะที่ตรงนี้คือจุดที่เธอเคยมายืนกับสามีเพื่อชมดอกไม้ไฟด้วยกัน
แม้ตอนนี้สามีจะจากไปแล้ว แต่เธอจะมายืนชมดอกไม้ไฟที่นี่เสมอ เพราะมันทำให้เธอระลึกถึงชายคนรักที่จากไป
ชั่วขณะนั้นคือความทรงจำที่มีค่าสำหรับเธอ และเธออยากเก็บมันไว้ตลอดไป
ทุกสิ่งในโลกนี้มีสองด้านเสมอ ด้านลบของดอกไม้ไฟก็มีเหมือนกัน
ใครเคยอยู่ใกล้และคลุกคลีกับพื้นที่จุดดอกไม้ไฟ มีไม่น้อยที่เคยโดนพิษจากสารเคมี หากโดนตัวก็เป็นอันตรายต่อผิวหนัง
อีกทั้งดอกไม้ไฟหรือพลุยังเป็นผู้ร้ายของคนรักสงบ และเจ้าของสัตว์เลี้ยงบางชนิดที่แค่ได้ยินเสียงพลุก็อาจหนีหายไปให้ไกลสุดๆ
เพื่อแก้ปัญหานี้ ดอกไม้ไฟออร์แกนิก (Organic Firework) จึงเกิดขึ้น มันคือพลุที่ไม่ทำเสียงดัง ไม่มีสารเคมีอันตราย และกำลังจะกลายเป็นคำตอบของงานเฉลิมฉลองในอนาคต



Daan Roosegaarde นักประดิษฐ์ชาวดัตช์ ผู้สร้าง ‘SPARK’ หรือดอกไม้ไฟออร์แกนิกที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงและสารเคมี ได้ปล่อยดอกไม้ไฟของเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในอาณาเขต 50 x 30 x 50 เมตร โดยปล่อยให้แสงเหล่านั้นลอยไปมาบนอากาศไปตามแรงลม
สีสันยามค่ำคืนจึงไม่อึกทึก และสวยงามด้วยแสงที่ใช้ความสว่างระดับหิ่งห้อยจำนวนมหาศาล อาจสวยกว่า ดูได้อิ่มใจกว่า เหมือนการจำลองดาวบนท้องฟ้ามาทั้งกาแล็กซี่

นี่คือการใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เป็นดอกไม้ไฟไร้เสียงและเป็นมิตรต่อคน สัตว์ และโลก โดยไม่ก่อความเดือดร้อนกับใคร
หวังว่างานเฉลิมฉลองครั้งต่อๆ ไป จะได้เห็นดอกไม้ไฟออร์แกนิกถูกจุดมากขึ้นๆ
เพราะความงดงามที่แท้ ต้องไม่ทำร้ายใคร