คุยกับ ปันปัน-รสิกา ร่างที่แท้จริงของ ‘ยีดิน’ ผู้เชื่อในโชคชะตาและการเป็นเป็ด

6 พฤศจิกายน 2566 - 06:29

panpanyeeyee-interview-SPACEBAR-Hero.jpg
  • พูดคุยกับ ปันปัน-รสิกา สายแสง หรือ ‘ปันปันยียี’ เจ้าของเพลง ‘สวัสดีค่ะ’ และ ‘ศูนย์บัญชาการยูนิคอร์น’ ถึงร่างอีกร่างนามว่า ‘ยีดิน’ ที่่ฝากฝังลายเส้นแสนสนุก ยึกยือ หยุกหยิก แต่น่ารัก ไว้บนรถไฟฟ้าบีทีเอส

เรียกว่า ‘นับครั้ง’ ได้ที่ผมเจอกับขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) ที่ตกแต่งไปด้วยลวดลายงานศิลปะ เพราะผมมักเจอกับรถไฟฟ้าที่ควบคู่กับโฆษณาเสียมากกว่า ซึ่งตอนที่ผมเจอ ‘รถไฟฟ้าของยีดิน’ ครั้งแรกนั้นก็รู้สึกทึ่งอยู่เหมือนกัน ด้วยลวดลายสีสัน กับตัวการ์ตูนหยึกยือ ทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่า นี่สินะคือพลังงานงานศิลปะที่สอดแทรกอยู่ตามเมือง อย่างน้อยในท่ามกลางเมืองอันแสนวุ่นวายและเหนื่อยหน่ายก็ยังมีอะไรที่น่าตื่นตาให้คอยชม

ณ เวลานั้นผมต้องสารภาพว่า เพิ่งรู้ว่า ปันปัน-รสิกา สายแสง หรือ ปันปันยียี ที่ใช้เป็นชื่อในวงการเพลง นั้นทำงานศิลปะด้วย โดยใช้อีกชื่อหนึ่งคือ ‘ยีดิน’ (yeedin) โดยงานของยีดินจะเป็นตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์ และภาพกราฟิกสุดน่ารัก ดูๆ แล้วมีความน่ารักใสๆ ไม่ต่างจากเพลงของ ‘ปันปันยียี’ เลยแม้แต่น้อย เพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ผมจึงมีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับปันปันเกี่ยวกับชีวิต งานศิลปะ โอกาสจังหวะที่มาแบบ ‘งงๆ’ และที่สำคัญคือความแตกต่างระหว่าง ปันปัน ปันปันยียี และยีดิน

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo01.jpg

จุดเริ่มต้นกับจังหวะชีวิตแบบ ‘งงๆ’ 

ปันปันเล่าว่าชีวิตทั้งหมดของเธอนั้นเต็มไปด้วยความ ‘อิหยังวะ’ และคาดการณ์ไม่ได้ แม้แต่ตอนที่เธอเริ่มเป็นมือเบสในวงดนตรี ‘The Ambulance’ ก็ยังเกิดขึ้นด้วยความมึนงง

“หนูตัดสินใจช้าที่สุด ทุกคนจับเครื่องดนตรีของตัวเองไปหมดแล้ว เลยเหลือเบสอย่างเดียว แต่ก็ไม่เป็นไร เล่นก็ได้ มันเป็นอะไรใหม่ๆ ที่ไม่รู้ด้วย” ปันปันเล่าปนหัวเราะ “จริงๆ อยากเล่นกีตาร์มากกว่า ดูในเคอง (K-On!) นางเอกเขาเล่นกีตาร์”

ปันปัน และ The Ambulance เคยเข้าไปประกวดบนเวที Thailand’s Got Talent ซีซัน 6 ก่อนที่จะไปประกวดเวทีดนตรีชื่อดังอย่าง Hotwave ซึ่งอาจฟังเป็นจุดเปลี่ยน แต่ปันปันเล่าให้ฟังว่าจุดเปลี่ยนจริงๆ มันเริ่มมาจากตอนที่วงขอหยุดเล่นดนตรีเพื่อเตรียมสอบ ด้วยความว่างๆ โหวงๆ ในช่วงนั้นทำให้เธออยากลองทำเพลงในแบบของตัวเองบ้าง โดยเอาไปปล่อยลงทั้งยูทูบและเฟสบุ๊กของตัวเอง หลังจากนั้นจังหวะโอกาสแบบงงๆ ก็เกิดขึ้นอีก

“พี่อ๊อฟ (Rats Records) พี่บิว (Lemon Soup) ทักมาบอกว่าสนใจจะอยู่ค่ายไหม หนูก็ตกลงเลยค่ะ ไม่งงเลย คือหนูเป็นคนคิดน้อยมากๆ เลย จริงๆ หนูปล่อยเพลงปันปันยียีในยูทูปแบบเยอะๆ พอผ่านไปประมาณสามเดือน พี่เต๋อ (นวพล) เริ่มแชร์ หนูก็ตกใจ เพลงปล่อยไปตั้งนานแล้ว จู่ๆ คนแชร์กับพรึ่บเลย และยังโอมยังเอาไปร้องในไลฟ์ด้วย”

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo02.jpg

หลายคนอาจสงสัยว่าถ้าปันปันเล่นดนตรีแบบนี้ ต้องเรียนดนตรีด้วยหรือเปล่า หรือไม่ก็น่าจะเรียนศิลปะแน่ๆ ปรากฎว่าไม่ใช่ เธอกลับเลือกเรียนสาขานิเทศศิลป์ที่ไม่ใช่นิเทศศิลป์ทั่วไป แต่เป็นนิเทศศิลป์ที่แปลว่า ‘เรียนภาพยนตร์’ ซึ่งเป็นสาขาวิชาหนึ่งในคณะสถาปัตยกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

“คนชอบถามว่าทำไมไม่เรียนศิลปะ ทำไมไม่เรียนดนตรี จริงๆ หนูเป็นคนชอบดูหนังมาก เคยมีความคิดตั้งแต่เด็กๆ นั่งดูจูราสสิคปาร์กแล้วคิดว่า เขาทำยังไงให้มันขยับได้จริงๆ หนูไม่รู้เด็กขนาดนั้นมีความคิดแบบนี้ได้ยังไง หนูเลยสงสัยว่าเราอาจชอบหนังมั้ง คืออยากรู้กระบวนการทำว่าหนังแต่ละเรื่อง การสร้าง world building อะไรพวกนี้มันเจ๋งมากๆ รู้สึกอยากมีโลกของตัวเองในหนังเรื่องนั้นบ้าง เลยเรียนภาพยนตร์”

จังหวะชีวิตของปันปันเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเข้ามาเรียนภาพยนตร์ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะทำหน้าที่บลูมแมนและโอเปอเรตเสียงมาตลอด 4 ปี แต่เธอก็เลือกการกำกับเป็นธีสิสสำหรับการเรียนจบ ซึ่งหลังจากที่ส่งบทเรื่องที่จะตัวเองจะกำกับผ่านเรียบร้อยแล้ว ก็เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิต (ที่น่าตลกไม่น้อย) ขึ้น

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo03.jpg

“หนูมีรุ่นพี่คนนึงชื่อโปเต้ มาช่วยถ่ายกล้องสองในกองธีสิสของหนูู หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ พี่โปเต้ก็ทักมาบอกว่า ‘ปันมากำกับเอ็มวีให้หน่อยได้ไหม’ หนูก็บอกว่า ‘ได้ดิพี่ เอาเลย แล้วนัดคุยงานที่ไหน’ พี่เขาบอกว่า ‘นัดคุยที่ LOVEiS’ หนูก็แบบ เอ้ย อันนั้นค่ายหนูหนิพี่

“หนูเลยโทรไปคุยเราก็ได้ยินว่า ‘ฮัลโหล พี่โปเต้ วงมีน นะ’ หนูก็ เอ้า ไม่ใช่พี่โปเต้ในคณะเหรอ แล้วในแชทหนูคือ ‘ได้ดิพี่ เอาเว้ยพี่’ เหมือนคุยกับรุ่นพี่ในคณะ พอยิ่งรู้ว่าเป็นพี่โปเต้วงมีน เราก็แบบ เชี่* เรารับงานไปแล้ว แล้วหนูไม่เคยกำกับเลย ชิ*หายละ”

แต่แล้วโชคชะตาก็สามารถทำให้ปันปันผ่านพ้นกับเหตุการณ์ในช่วงนั้นได้ แถมยังได้ทำงานในหน้าที่ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอเพลงมาร่วม 8-9 ผลงาน กลายเป็นว่าจากที่เป็นนักดนตรีหน้าใหม่อยู่ดีๆ ตัวเองก็ได้เป็นผู้กำกับหน้าใหม่ไปด้วย และเป็นงานอย่างหนึ่งที่ตัวเองชอบไม่แพ้การทำดนตรี หรือวาดรูปเลย

‘ยีดิน’ ยินดี 

อ่านมาถึงกันตรงนี้อาจสงสัยว่าแล้วงานศิลปะเริ่มเข้ามาในชีวิตปันปันตอนไหน ซึ่งเธอเล่าว่าจริงๆ แล้วดนตรี หนัง กับงานศิลปะเป็นเหมือนสิ่งที่ไม่ขาดจากกันเลยในชีวิต เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอก็ชอบวาดรูปอยู่แล้ว และเริ่มหลงรักในความเป็นคาแรคเตอร์การ์ตูนตั้งแต่เด็กจากการสะสมของเล่น ไม่ว่าจะเป็นชุดฟิกเกอร์แมคโดนัลด์ หรือซีซาเมสตรีท ปันปันยังเผยว่าตอนประถมตัวเองยังเคยเป็นเจ้าของสมุดเกมกระดาษ และเป็นชอบวาดการ์ตูนให้เพื่อนร่วมชั้นอ่านอีกด้วย

“หนูเป็นคนเขียนการ์ตูนให้เพื่อนในห้องอ่านด้วย เป็นการ์ตูนช่อง จริงๆ จะมีกลุ่มเล็กๆ เพื่อนผู้ชายคนสองคนตอนประถม ปิดเทอมหนูก็จะไปนั่งวาดละ หรือเสาร์อาทิตย์ก็ไปนั่งวาด วาดเป็นตอนๆ พอจบตอนก็ไว้อาทิตย์หน้าเดี๋ยวมาใหม่  ส่วนลายเส้นไม่ได้เทพอะไร หนูแบบชอบงานที่ไม่ได้มีแนว”

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo04.jpg
Photo: yee.din/Instagram

“คือการวาดรูปของหนูมันไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา แล้วไม่ได้มีผลงานมาสเตอร์พีซขนาดนั้น หนูวาดเยอะจนลืมด้วยซ้ำ แถมหนูเป็นคนคิดน้อยที่สุดในโลกเลย แต่หนูชอบที่ตัวเองคิดน้อยๆ นะ เพราะสิ่งที่ออกมามันจะเพียว (บริสุทธิ์ ไร้การกลั่นกรอง) มากๆ หนูชอบอะไรแบบนั้นมากๆ กับตอนทำเพลงก็เหมือนกัน คือโนเรฟเฟอเรน (ต้นแบบ) โนทุกอย่าง ทั้งงานวาดด้วย เพื่อให้มันเพียวที่สุด หนูว่าถ้าได้เรียนวาดรูปหนูอาจจะไม่ชอบวาดรูปเหมือนตอนนี้ก็ได้ หนูอาจจะได้วาดรูปไปอีกแบบด้วยชุดความคิดนึง”

ปันปันอยู่กับการวาดรูปตลอดเวลา ทุกครั้งที่อารมณ์ดี และแจ่มใส เธอจะมานั่งวาดรูปตัวการ์ตูนต่างๆ บนกระดาษ บางทีก็อยู่ในรูปแบบของดิจิตอลอาร์ต วันใดที่รู้สึกขุ่นเคือง ปันปันจะไม่สามารถผลิตผลงานออกมาได้เลย วิธีเดียวที่ทำให้กลับมาวาดรูปได้ต่อนั้นคือต้องออกไปผ่อนคลายตัวเองให้ร่างกายรู้สึกมีพลังงาน หรือมีความสุขก่อนให้ได้

อย่างไรก็ตาม บนเส้นทางนักดนตรี ผู้กำกับเอ็มวี และศิลปินวาดรูป ก็มาบรรจบกันจนได้ เกิดเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของปันปัน นั่นคือการที่ออกแบบภาพวาดเพื่อนำไปใช้ตกแตงให้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปันปันไม่ได้รู้จักกับพี่บิว Lemon Soup ตั้งแต่แรก

“เหมือนเพื่อนของพี่บิวเขาทำงานเอเจนซี่ของไต้หวัน แล้วเขาก็หากำลังศิลปินไทยเพื่อทำโปรเจกต์นี้ ซึ่งเพื่อนพี่บิวก็ส่งภาพของศิลปินไปเยอะมากๆ แต่เขาก็บอกว่า อยากให้มันมีสีเยอะๆ หน่อย พี่บิวก็เลยส่งผลงานหนูไปเล่นๆ ปรากฎว่าเขาดันชอบจริงๆ แล้วเขาก็เลือกหนู หนูตกใจมากๆ ไม่เชื่อตัวเองเลย

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo05.jpg
Photo: panpanyeeyee/Instagram

“พอคุยกัน เขาก็ให้หนูไปคุยงานที่ไต้หวัน ไปดูบ้านเมืองเขาเป็นยังไง ไปซึมซับวัฒนธรรม เขาออกค่าเครื่องให้ ส่วนค่ากินค่าเที่ยวคือของเรา ตอนที่หนูฟังบรีฟ หนูถึงกับนั่งแล้วดมยาดม คือมันไม่ไหวจริง แค่จินตนาการภาพว่างานหนูอยู่บนรถบัส หรือรถบีทีเอส หนูจะเป็นลม มันมีแว่บนึงว่า หนูจะถอนตัวมากลางคันปะวะ คือสเกลงานมันใหญ่ ตอนที่หนูรอดูงานของตัวเอง รอไปประมาณสิบขบวนได้ ก็ไปนั่งรอ เอ... จะมายังนะ หรือมันไม่มีจริงๆ นะ หรือฝันไปรึเปล่า พอขบวนนั้นมาจริงๆ หนูตกใจมากเลย ลองนึกว่าสิ่งที่หนูวาดจากในคอมมันไปอยู่บนรถไฟดูสิ”

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo06.jpg
Photo: yee.din/Instagram

ผมคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากแน่ๆ ขณะเดียวกันต้องเป็นเรื่องที่ยากอยู่มากโขกับการทำโปรเจกต์ชิ้นนี้ เลยถามปันปันเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานดู โดยเฉพาะขั้นตอนสุดท้ายที่จำเป็นต้องไฟนอลผลงาน ณ เวลานั้นเธอจะมีความรู้สึกกดดันมากเพียงใด ทว่าคำตอบที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่นึกไว้

“คือในกระบวนการทำงานของหนูอ่ะ ไม่ได้คิดถึงคนอื่นเลย หนูจะเอาแค่ให้หนูชอบก่อนให้ได้ แล้วหลังจากนั้นคนที่เหลือก็น่าจะชอบกันเอง ในการทำงานของหนูคือถ้ามันเสร็จ มันก็หมดหน้าที่ของหนูไปแล้ว ที่เหลือมันคือหน้าที่ของคนดูแล้วว่าเขาจะรู้สึกยังไงกับมัน ตอนวาดหนูต้องปล่อยหัวเลย ความรู้สึกแรกหลังวาดเสร็จทั้งหมดคือ วู้ สวยมากเลย น่าขึ้นมากๆ อิจฉาคนที่ได้ขึ้นจังนะ ชมงานตัวเองเยอะมาก คือหนูชอบมันแล้วอ่ะ มันหมดหน้าที่หนูแล้ว”

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo07.jpg

ปันปันก้าบก้าบ ไม่เสียใจกับคำว่า ‘เป็ด’ 

อาจเคยได้ยินกันมาบ้างว่า การเป็น ‘เป็ด’ นั้นไม่เห็นดีเลย ทำอะไรก็ครึ่งๆ กลางๆ ไม่เก่งสุดทางสักอย่าง จากที่ผมคุยกับปันปันมา เล่นทั้งดนตรี กำกับก็เอา วาดรูปก็วาด ล่าสุดมานี้ยังได้เป็นนักแสดงกับเขาด้วย แบบนี้ล่ะเป็ดแน่นอน ซึ่งปันปันอธิบายว่า ทีแรกก็รู้สึกไม่ดีกับการที่ตัวเองเป็นเป็ด แต่ภายหลังก็พบว่าการเป็นเป็ดนี่แหละดีสุดแล้ว มันคือการได้ทำสิ่งใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่เคยลองมาก่อน และเปิดโอกาสให้เข้ามามากขึ้นอีกด้วย

“เมื่อก่อนหนูรู้สึกแย่ แบบเราควรทำอะไรดีวะ เพื่อนคนนี้แม่งเจ๋งแบบสุดกราฟ ส่วนหนูไม่เจ๋งสักอย่าง ครึ่งๆ กลางๆ ไปหมด แต่ ณ ปัจจุบัน หนูสนุกกับมันมากๆ เลย ได้หัวหมุนกับเอ็มวี วาดรูป ทำเพลง คือหนูได้ความเห็นจากเพื่อนว่า มึงเจ๋งว่ะที่ทำได้หลายอย่าง ทำอันนี้ก็ได้ อันนู้นก็ได้ อย่าคิดว่าตัวเองไม่เจ๋ง เป็นปันปันคือมันโชคดีมากๆ ที่มีความสามารถหลายด้านขนาดนี้ พูดไปก็เขิน แต่เพื่อนบอกมาแบบนี” ปันปันห่อตัวทำท่าเขิน แต่ก็หัวเราะออกมา

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo08.jpg

“เอาจริงๆ หนูยังงงอยู่เลยว่าจะทำอะไรในอนาคต หนูทำเอ็มวีไป 8-9 ตัว แล้วปันปันยียีล่ะ แล้วยีดินล่ะ หนูควรเอาอันไหนเป็นไพออริตี้ (ให้ความสำคัญ) แรก แต่ตอนนี้ก็เลือกแล้วว่าวาดรูปเป็นอันดับหนึ่ง แต่หนูก็รู้สึกว่ามันจะไปได้อีกนานแค่ไหน”

“คือในชีวิตหนูอ่ะ หนูชอบให้บางอย่างมันเป็นตัวเลือก จัดการมาให้หนูแล้ว หนูไม่เคยคิดว่าแบบ โอเค เราจะกำกับไปอีก 5 ปี แล้วค่อยมาวาดรูป หนูจะเชื่อในจังหวะชีวิตสักอย่างของหนูที่มันแปลกๆ ลองนึกถึงที่ผ่านมาที่กำกับอยู่ดีๆ อยู่ๆ ก็มีงานวาดรูปเข้ามาเฉย หรือถ้าหนูไม่เข้าใจผิดในวันนั้นว่าเป็นพี่โปเต้ในคณะ หนูอาจจะไม่ได้ทำ หนูเชื่อในชะตาชีวิต เชื่อในบางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ ถ้ามันจะเข้ามา หนูก็จะเชื่อสิ่งนั้น คิดว่ามันคงเป็นเวลาที่หนูต้องทำสิ่งนี้นะ”

‘ยีดิน’ ยินดีมอบพลังใจ 

จังหวะที่ปันปันเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ไปประเทศไต้หวัน (และยังเป็นครั้งแรกที่ปันปันไปเที่ยวต่างประเทศอีกด้วย) เธอเล่าด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแบบขีดสุด ดวงตาลุกวาว มือและทวงท่าโบกสะบัดไปตามเรื่องที่เล่าอย่างสนุกสนาน การที่ปันปันเล่าด้วยสีหน้าอารมณ์เช่นนี้ทำให้ผมเชื่อว่างานศิลปะนี่แหละ ถือเป็นอย่างหนึ่งที่สามารถมอบแรงบันดาลใจให้กับทุกๆ คนได้ทางใดก็ทางหนึ่ง

“หนูเป็นคนที่ชอบมิวเซียมมากๆ อยากให้มันมีทุกๆ ที่ในประเทศไทย อย่างในไต้หวัน คือหนูอยู่ไทยตลอด 22 ปี จนพอได้ไปไต้หวันแล้วมัน โห... ทุกอณูของเขามันมีอิลลัสเตรเตอร์ มันมีตัวการ์ตูน ทั้งบนแก้วน้ำ ป้ายรถไฟ พื้น ฝาท่อ มันทำให้มีความสุขมากๆ

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo09.jpg
Photo: yee.din/Instagram

“หนูรู้สึกว่าที่ประเทศเขา เขาสนับสนุนมากๆ จริงๆ มีงานอิลลัสเตรเตอร์แฟร์ มีงานต่างๆ จัดสถานที่เพื่อเหล่าศิลปิน หนูว่าถ้าประเทศไทยเป็นอย่างนั้นได้ มันน่าจะดีมากๆ การมองเห็นทัศนียภาพมันน่าจะน่าอยู่ขึ้น ในไทยพื้นที่มันจำกัด ในขณะที่ไต้หวันเดินออกไปก็เจอแล้ว”

“เคยคิดว่าศิลปะของหนู มันทำให้คนรู้สึกขนาดนั้นได้เลยเหรอ จนวันหนึ่งหนูได้อ่านทวิตเตอร์ เพื่อนหนูส่งมา มีคนขึ้นบีทีเอสขบวนหนู จากที่เขาทำงานเหนื่อยๆ เขาหายเหนื่อยจากการทำงานเลย รู้สึกอยากขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน หนูว่ามันน่าจะมีผลกระทบไม่มากก็น้อยสำหรับศิลปะที่มีให้ต่อคน”

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo10.jpg

หลังจากที่ทำงานศิลปะ นับรวมกับผลงานวาดรูปที่สั่งสมมาหลายปี ความฝันในการทำนิทรรศการของปันปันก็เป็นจริงเมื่อปี 2020 ในงาน ‘Yeedin Exhibition’ จัดที่ Lido Connect  มีการร่วมงานกับคนอื่นมากมาย รวมถึงออกแบบลายเสื้อและเมิร์ช (เมอร์แชนไดส์) ในงาน Cat Expo และเป็นแอมบาสเดอร์ให้กับรองเท้าแบรนด์ VANS ล่าสุดมานี้ปันปันมีโอกาสจัดแสดงงานร่วมในโปรเจกต์ ‘VIBE-BRATION’ ส่วนหนึ่งของนิทรรศการ MMAD - MunMun Art Destination

“งานจะมีห้องแบ่งให้คนละห้องต่อศิลปินหนึ่งคน ห้องของหนูจะมีคอนเซปต์ว่า ‘Lost and Found’ ค่ะ เป็นห้องที่เก็บของเยอะๆ แบบใครของหายก็มาแจ้งที่นี่ เผื่อของหายก็มาหาได้ที่นี่ ส่วนตัวหนูเป็นคนชอบทำของหายด้วย คอนเซปต์ประมาณว่า อะไรหายไปจากชีวิตเราบ้าง ถ้าเป็นคนที่เราเคยรู้จักก็จะเป็นภาพพอร์ตเทรตแปะอยู่ในห้องนั้น หรือจะเป็นไฟแช็คเยอะๆ ที่หายไป จากการไปเที่ยวกับเพื่อน หรือว่ากางเกงในหายอะไรงี้ เป็นคอนเซปต์ให้คนมาอินเทอแอคได้ มาวาดรูปอะไรที่เคยหายไป”

ก่อนจะจากไปด้วยรอยยิ้ม ผมเลยยิงคำถามที่แสนจะ ‘อนาคต’ ให้กับปันปันผู้ที่นิยมกับ ‘ปัจจุบัน’ มากที่สุดว่า “คิดว่าในอนาคตตัวเองจะได้ทำอะไรอีก?” ปันปันได้แต่อมยิ้ม ทิ้งเวลาคิดไปสักพักใหญ่ ก่อนจะตอบว่า 

“เจ้าของห้างยีดินมั้ง หนูอยากเป็นหัวขโมยที่ดังที่สุดในประเทศแบบลูแปง” ปันปันหัวเราะร่า

panpanyeeyee-interview-web-SPACEBAR-Photo11.jpg

‘VIBE-BRATION’ ส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการ MMAD - MunMun Art Destination จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม - 8 ธันวาคม 2566 ณ MMAD ชั้น 2 และ 3

ขอขอบคุณสถานที่ ‘noble Play’ ‘สนามเด็กเล่นแห่งแรงบันดาลใจที่ใครๆ ก็สามารถมาได้ ณ ใจกลางเพลินจิต สำหรับพื้นที่ในการสัมภาษณ์ ปันปัน-รสิกา สายแสง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ต่อๆ ไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์