‘รักไม่รัก’ เพลงล่าสุดจาก PONCHET ที่ได้ทำงานร่วมกับ VARINZ และ NONNY9 อีกครั้งหนึ่ง โดยเพลงของ ‘PONCHET’ หรือ ‘พล-เชษฐกิตติ์ ทุนมาก’ ศิลปินจากค่าย What The Duck เป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาสำหรับความสัมพันธ์ที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตั้งคำถามว่า ‘รักไม่รัก’ ในสถานะที่เป็นอยู่ นอกจากเพลงนี้จะเป็นเพลงที่ฟังง่ายแล้ว MV ก็น่ารักสดใสไม่แพ้กัน
บทสัมภาษณ์ในครั้งนี้นอกจากจะชวนมารู้จักเพลง ‘รักไม่รัก’ แล้วทาง Spacebar VIBE จะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับ PONCHET มากยิ่งขึ้น

‘รักไม่รัก’ เพลงที่มีที่มาจากเรื่องจริง
โดยปกติแล้วเพลงส่วนใหญ่ของ PONCHET มักเป็นเพลงที่มีที่มาจากเรื่องจริงทั้งเรื่องของตัวเองและเรื่องของเพื่อนรอบข้าง “เพลงนี้เป็นเพลงของเพื่อนแฟนผมอีกทีหนึ่ง เขาสองคนสนิทกันมาตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง ฝ่ายผู้ชายดูแลผู้หญิงมาโดยตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขากลับโพสต์เพลงเศร้าๆ ลงในโซเชียล ฝ่ายผู้หญิงเขาเลยมาคุยกับแฟนผมว่าคนนั้นเป็นใคร มาทำให้เพื่อนเราเศร้าได้ยังไง ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าเขานั่นแหละที่เป็นตัวต้นเรื่อง แต่สุดท้ายทั้งสองคนก็รู้ใจกันนะครับ ปัจจุบันก็ยังเป็นคู่ที่น่ารักมากๆ”
ที่มาของเพลงนี้คงทำให้บางคนที่กำลังตกอยู่ในสถานะ Friend Zone ต้องสะดุ้งกันบ้าง ถ้าเกิดใครยังตกอยู่ในสถานะความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนลองส่งเพลงนี้ให้คนคุยฟังเพื่อตอกย้ำความรู้สึกที่มีให้เขาได้ยินก็ได้นะ
ในส่วนขั้นตอนการทำเพลง ‘รักไม่รัก’ เริ่มต้นจาก PONCHET เริ่มเขียนเพลงในส่วนของตัวเองแล้วส่งไม้ต่อให้กับ VARINZ และ NONNY9 เพื่อแต่งท่อนเพลงของตัวเอง พวกเขาทั้งสามแบ่งหน้าที่ของกันและกันอย่างชัดเจนโดยยึดแกนจากเนื้อเพลงของ PONCHET เป็นหลัก และเนื่องจากการทำเพลงของทั้งสามไม่ใช่ครั้งแรกจึงทำให้การทำงานค่อนข้างราบรื่นและไม่รู้สึกกดดันเหมือนเพลงก่อนหน้า
ความประทับใจในการทำเพลงนี้คือ “ผมรู้สึกสบายใจมากที่ได้ทำเพลงนี้ เพราะตอนมาอยู่ค่ายใหม่ๆ ผมได้ทดลองทำเพลงมากกว่าสไตล์ที่เคยทำ ผมได้ทำเพลงเศร้า ได้ทำเพลงเกี่ยวกับความรักในรูปแบบที่โตขึ้น แต่สุดท้ายผมก็ได้คำตอบว่าผมยังคงชอบความรักใสๆ อยู่”

เอกลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในเพลง
แนวเพลงส่วนใหญ่ของ PONCHET มักเป็นเพลงที่เกี่ยวกับความรักที่สดใสของช่วงวัยมัธยม เป็นเพลงที่มีเนื้อหาน่ารักฟังง่ายและทุกคนสามารถฟังเพลงเหล่านี้เพื่อความผ่อนคลายได้ ทางผู้เขียนไม่ได้รู้สึกไปคนเดียวว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นเป็นเอกลักษณ์ของ PONCHET เพราะแฟนคลับหลายๆ คนของเขาเองก็มักจะบอกอยู่เสมอว่าเพลงที่ปล่อยออกมามันคือเพลงของ PONCHET อย่างแท้จริง
“ผมรู้สึกดีนะ แฮปปี้มากๆ เวลาที่มีคนมาคอมเมนต์ว่าเพลงที่ปล่อยออกมาแล้วรู้ทันทีว่าเป็นสไตล์ของผม ผมไม่เคยถามแฟนคลับหรือคนที่ฟังเพลงผมเลยว่าฟังแล้วรู้สึกยังไงเพราะผมทำเพลงในแบบที่ผมชอบ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยอยู่ในจุดที่ต้องค้นหาตัวเองว่าชอบทำเพลงแบบไหน ชอบแนวเพลงแบบไหน แต่สุดท้ายภาพมันก็ชัดขึ้นจนคนอื่นๆ มองเห็นไปในทางเดียวกันกับผม”
ส่วนการเติบโตในเส้นทางการทำเพลงของ PONCHET เขาได้เล่าให้ฟังว่า “รู้สึกว่าผมเติบโตในด้านที่ไม่กดดันตัวเองเหมือนเมื่อก่อน ก่อนหน้านี้ผมอาจจะกดดันตัวเองเพราะคาดหวังว่าเพลงที่ทำออกมามันจะดีสำหรับคนฟังมั้ย คาดหวังอยากให้เพลงเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แต่ปัจจุบันผมให้คนฟังเป็นคนตัดสินแทนว่าเพลงของเรามันดียังไง”
PONCHET ได้นิยามเพลงของเขาว่าเปรียบเสมือนกับ Music Therapy เพลงที่ทำให้ทุกคนผ่อนคลายและสบายใจเมื่อได้ฟัง เขาได้เล่าเรื่องประทับใจให้เราฟังว่า “ล่าสุดมีเพื่อนของผมสมัยมัธยมมาเล่าให้ฟังว่าแฟนของเขาที่เป็นบุรุษพยาบาลมีปัญหาในการทำงาน ทั้งกับคนอื่นๆ และความเครียดจนแฟนของเขาโมโหและหัวร้อนสุดๆ ่เขาได้ฝากข้อความมาถึงผมว่าอยากให้ผมทำเพลงอีกเยอะๆ ขอบคุณเพลงของผมที่ทำให้เขาใจเย็นลงและผ่อนคลายมากขึ้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ ที่เพลงของผมช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นและมันทำประโยชน์ให้กับคนฟังได้”

จุดเริ่มต้นในเส้นทางศิลปินของ PONCHET
ความรู้สึกชื่นชอบในการทำเพลงของ PONCHET นั้นเริ่มขึ้นในช่วงมัธยมต้น ในตอนแรกเขาเองไม่ได้มีความสนใจในด้านของการทำเพลงหรือเล่นดนตรีเลย ผู้ที่จุดประกายให้กับเขาคือความรักในช่วงวัยมัธยมของเขาเองที่ทำให้รู้สึกว่าต้องเลิกดูการ์ตูนแล้วหันมาทำอะไรสักอย่างหนึ่งแทน เมื่อก่อนเขาก็เป็นเหมือนเด็กทั่วไปที่เล่นกับเพื่อน ทำกิจกรรมกับเพื่อน จะเจอแดดแรงแค่ไหนก็ไม่กลัว
สิ่งที่ PONCHET เลือกใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาจึงเป็นการฟังเพลง แต่งเพลง เคยมีคนบอกกับเขาว่าหน้าตาก็ธรรมดาแต่พอได้ทำอะไรสักอย่างเช่นร้องเพลงหรือเล่นกีตาร์ทำให้เขามีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น และยังได้พูดถึงศิลปินที่ชื่นชอบในวัยเด็กให้ฟังอีกด้วย “ตอนเด็กๆ ผมได้ฟังเพลงจากรายการโทรทัศน์อย่าง YOU CHANNEL ที่เปิดเพลงทั้งวันผมก็จะรอฟังเพลง K-OTIC ผมชอบโมเมนต์ตอนนั้นมากที่ต้องรีบกลับจากโรงเรียนเพื่อมาเปิดโทรทัศน์รอฟังเพลงที่เราอยากฟัง โดยเพลงที่ชอบที่สุดตอนนั้นคือเพลง เหงาปาก”
พูดคุยมาถึงตอนนี้ทางผู้เขียนจึงได้ตั้งคำถามกับ PONCHET ว่าหากไม่เป็นศิลปินเหมือนในวันนี้เขาจะทำอะไรอยู่ “จริงๆ ก่อนจะเข้ามาอยู่ What The Duck ผมเคยอยากเลิกทำเพลงแล้วจะไปสอบข้าราชการ เพราะแม่ก็เป็นข้าราชการแล้วท่านสามารถดูแลคนทั้งบ้านได้ ส่วนตัวผมเองไม่อยากเป็นภาระให้กับคนอื่น แต่ก่อนผมจะไปสอบผมได้มาลองใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ดูและตั้งใจจะทำเพลงสุดท้ายแต่มันก็ไม่ท้ายสุด เหมือนชีวิตของผมมันพลิกผันจากจุดต่ำสุดที่ผมต้องใช้ชีวิตด้วยเงินเก็บตัวเองแล้วได้กลายมาเป็นศิลปินอย่างในวันนี้ เหมือนมันเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางชีวิตของผมจริงๆ” ถือว่าเป็นโชคดีของทั้งเขาและแฟนเพลง ถ้าเขาตัดสินใจสอบราชการในวันนั้นเราคงไม่ได้ฟังเพลง ‘รักไม่รัก’ ที่มีเนื้อหาน่ารักเช่นในวันนี้

ใครจะรู้บ้างว่านักร้องหนุ่มที่ออกเพลงในแนวน่ารักสดใสที่มีกลิ่นอายของวัยมัธยมอย่าง PONCHET จะเป็นคน Introvert ขั้นสุด “ผมเป็นคน Introvert มากๆ ตอนช่วงโควิดผมเคยเอาเงินเก็บมาสร้างบ้านหลังเล็กๆ เพื่ออยู่ข้างบ้านของครอบครัวที่เชียงรายด้วย แบ่งสัดส่วนเป็นห้องอัดหนึ่งห้อง ห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องน้ำอีกหนึ่งห้อง ตลอดทั้งปีผมไม่ได้ออกไปเจอใครเลย ทำเพลงในนั้นอย่างเดียว ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง แต่ติดปัญหาคือเงินมันหมด” สัมภาษณ์ไปก็อดหัวเราะไปกับคำตอบของ PONCHET ไม่ได้ เพราะแต่ละคำตอบค่อนข้างจริงใจและซื่อสัตย์กับตัวเองมากๆ ตอนสัมภาษณ์เขาดูเป็นคน Introvert จริงแต่เป็น Introvert ที่ค่อนข้างพูดเก่งกับคนที่สนิท หรือพูดเก่งเมื่อรู้สึกสบายใจ
เจ้าตัวยังบอกอีกด้วยว่าช่วงที่เคยออกไปสัมภาษณ์กับสื่อช่วงแรกๆ เขาค่อนข้างที่จะพูดไม่เก่ง แต่ปัจจุบันเขากลายเป็น PONCHET ที่พูดเก่งมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

เป้าหมายในอนาคตในเส้นทางศิลปิน
ถ้าพูดถึงเป้าหมายในอนาคตของศิลปินคงไม่พ้นการจัดคอนเสิร์ตหรือปล่อยอัลบั้มเพลงของตัวเอง PONCHET ก็มีเป้าหมายของตัวเองเช่นเดียวกัน “ปีนี้ผมมองว่าอาจจะปล่อยเพลงอีกสักสองถึงสามเพลงแต่ถ้าฟิตหน่อยก็อาจจะปล่อยสี่เพลง ส่วนอัลบั้มตอนนี้ผมว่ามันยังเป็นเรื่องไกลตัว ถ้าทำจริงๆ คงต้องเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่าพร้อมมากกว่านี้ มีชื่อเสียงและแฟนเพลงมากขึ้น ถ้าถึงเวลานั้นคงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการปล่อยอัลบั้ม”
“อีกเป้าหมายหนึ่งในอนาคตของผมคือ ผมอยากจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองสักครั้งซึ่งมันยังเป็นภาพที่ไกลมากๆ ผมเชื่อว่าศิลปินหลายคนก็มีภาพเป้าหมายนี้เหมือนกัน ผมยังต้องวิ่งไปข้างหน้าเพื่อเป้าหมายนั้น” พอจบประโยคนี้ผู้เขียนก็รู้สึกประทับใจในคำตอบของเขาและเชื่อว่าเป้าหมายของ PONCHET ต้องสำเร็จในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน

ส่วนธีมคอนเสิร์ตที่ PONCHET อยากจะจัดคือ ทำยังไงก็ได้ให้แฟนคลับทุกคนที่มาฟังรู้สึกคุ้มค่าที่มาดูเขาแสดง “ทุกวันนี้เวลาผมไปร้องเพลงผมค่อนข้างที่จะซีเรียสเวลาที่แสดง ถึงผมจะไม่ค่อยเก่งแต่ก็พยายาม อะไรที่เขาว่าผมขาดผมก็เติมให้มันเต็ม ถ้ามีคอนเสิร์ตของตัวเองก็อยากให้แฟนคลับที่มาหารู้สึกว่าการมาฟังเพลงของผมมันคุ้มค่า ผมไม่อยากให้เขารู้สึกเสียใจหรือผิดหวังกับเพลงของผม”
PONCHET ได้ฝากถึงคนที่ยังไม่ได้ฟังเพลง ‘รักไม่รัก’ ว่า “ไม่อยากบังคับให้มาฟังเพลงของผม แต่ถ้าผ่านมาฟังแล้วชอบผมจะรู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ ครับ เพลงผมเป็นเพลงที่ฟังง่ายย่อยง่าย ถ้าเพลงนี้ได้อยู่ในตอนที่ทุกคนทำอะไรสักอย่างอยู่ เช่น อาบน้ำ แปรงฟัน หรือขับรถ แล้วนึกถึงเพลงของผมผมจะดีใจมากๆ เลย”
สามารถฟังเพลง ‘รักไม่รัก’ ของ PONCHET Feat.VARINZ และ NONNY9 ได้ทุกสตรีมมิงแพลตฟอร์ม