วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กับงานสถาปัตยกรรมผสมผสานที่งดงามเหนือกาลเวลา

16 พ.ย. 2565 - 03:29

  • วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร สถาปนาขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พร้อมกับนำงานศิลปะแบบจีนเข้ามาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมของไทยได้อย่างงดงาม

  • จุดเด่นของวัดราชโอรส คือ พระอุโบสถ รวมถึงอาคารส่วนต่างๆ ภายในวัด เครื่องกระเบื้องเคลือบที่นำมาตกแต่งอาราม และตุ๊กตาอับเฉา แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าระหว่างไทยกับจีนในอดีต

atchaorasaram-temple_Main

ในบรรดาพระอารามหลวง น้อยนักที่จะมีการออกแบบโดยสอดแทรกศิลปะจากต่างประเทศเข้ามาผสมผสานกับงานศิลปะแบบไทย และหนึ่งในวัดที่กล่าวมานี้คือ วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สถาปนาขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) โดยนำงานสถาปัตยกรรมแบบจีนเข้ามาประยุกต์ใช้ แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้าขายระหว่างไทยกับจีนในยุคนั้นเป็นอย่างดี 

วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เดิมชื่อวัดจอมทอง ส่วนปีที่ก่อสร้างนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด ว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นก่อนมีการสร้างเมืองกรุงเทพมหานคร จึงถือว่าเป็นวัดโบราณเก่าแก่วัดหนึ่ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2363 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ซึ่งตอนนั้นยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์  ยกทัพไปสกัดทัพพม่าที่ด่านเจดีย์สามองค์ (กาญจนบุรี)

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/yIbHEzoaPyY0oVbNNXmXJ/f3659ace5aa1c9907c60560131bb7bfd/atchaorasaram-temple-01
เมื่อกระบวนทัพเรือมาถึงวัดจอมทอง ตรงฝั่งธนบุรี ทรงหยุดพัก และทำพิธีเบิกโขลนทวารตามตำราพิชัยสมคราม (พิธีกรรมที่เสริมความสิริมงคล อีกนัยหนึ่งเป็นพิธีที่สามารถสร้างขวัญกำลังใจให้กับบรรดาทหาร) แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีวี่แววของกองทัพพม่าเลย เมื่อยกทัพกลับ พระองค์จึงสถาปนาวัดนี้ขึ้นใหม่เป็นพระอารามหลวง พร้อมพระราชทานนามใหม่เป็น วัดราชโอรส 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4Aux262SjzMHn5HI4lHfJR/64d23cca221d4514210812569b397223/atchaorasaram-temple-02
เมื่อเข้าไปในวัดเราจะพบกับพระอุโบสถที่เป็นจุดเด่นที่สุดของวัด ด้วยตัวอาคารมีการผสมผสานกันระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะส่วนของหน้าบันเป็นงานศิลปะกระเบื้่องเคลือบ ในส่วนขอบของหน้าบันเป็นรูปทรงดอกไม้ สลับกันกับเครื่องถ้วยชามจีนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ณ ตรงกลางหน้าบันเป็นการประดับตกแต่งด้วยงานปั้นรูปสัตว์ต่างๆ และต้นไม้พืชพันธุ์  ซึ่งเป็นงานศิลปะที่ชาวจีนนิยมกันจนเป็นอัตลักษณ์
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1Lje90WKQFf1OuA8vLyLnv/57de5f72eb6c6bbb23bd6326f3847d88/atchaorasaram-temple-03
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6gHUQYQyCTvuCid139mwuI/7008c7b02e077649fdda729846421cb2/atchaorasaram-temple-04
หน้าบันส่วนบนเราจะสังเกตเห็นมังกร สัตว์ในตำนานความเชื่อของจีน รวมถึงนกท่ามกลางพฤกษานานาพันธ์ ถัดมาตรงหน้าบันส่วนล่างเป็นกาแสดงทิวทัศน์แบบจีน มีงานปั้นรูปทรงภูเขาที่เหมือนหลุดมาจากภาพวาดของจิตรกรชาวจีน (เนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศที่มีหุบเขามากมาย) มีสิงโตจีน และสัตว์ต่างๆ ออกมาเพ่นพ่านตามจุดต่างๆ ที่สำคัญคือมีรูปปั้นคล้ายนักปราชญ์จีนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งแสดงถึงแนวคิดของเต๋าได้เป็นอย่างดี
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/sMRL06hV0cwWYc3zcG7lo/096ef78714dcca847b3994d9068b2057/atchaorasaram-temple-05
ถัดออกมาเราจะเห็นประตูจีนที่มีสิงโตคอยคุ้มกันอยู่สองตัว บริเวณโดยรอบพระอุโบสถประกับตกแต่งด้วยเจดีย์ทรงถะแบบจีน และเจดีย์ไทยแบบรัตนโกสินทร์ ถือเป็นการใช้พื้นที่ภายในวัดที่สะท้อนถึงความกลมเกลียวระหว่างสองวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/46zLZuG9UFG0MjPCGU3QLM/0d2ec88f685357ac7f53a3694946531b/atchaorasaram-temple-06
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/Z88Ed5L2GUt5kGMVSJSw2/f1cd699e3d17ba73a8a6e7ee9296cbce/atchaorasaram-temple-07
หากมองไปรอบๆ จะสังเกตได้ว่าอาคาร ศาลา รวมถึงกุฏิวัด มีการตกแต่งหน้าบันด้วยศิลปะจีนกันทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้วยชามกระเบื้องเคลือบที่ตกแต่งอยู่ตามขอบคล้ายดอกไม้บานสะพรั่ง ในส่วนของหน้าบันตรงกลางตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้ ลายสายลมแบบจีน และประแจจีน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1lHG3MI0ls8iViMReszgxX/3fb4fc7b3b6a4a752a655289d5334516/atchaorasaram-temple-08
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6yPwnLDTk0qTBQJgokXaYM/c4feab96b5f4d4bec3c2c86b07e7c161/atchaorasaram-temple-09
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4uLjNvJEnXgXbghypPaVCm/c30670233833624334bebd1695280c06/atchaorasaram-temple-10
เดินชมวัดกันไปสักพัก จะเห็นรูปปั้นปูนสภาพผ่านฟ้าผ่านลมยืนเรียงราย บางตัวถึงกับแตกหักล้มลงไม่มีชิ้นดี ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นของวัด นั่นคือ ‘ตุ๊กตาอับเฉา’ ที่ชาวจีนได้พามาไว้ที่ประเทศไทย
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/195EPgGZqqgXAycDS7eo9i/f1000c759ac16f41663b117cae324ad6/atchaorasaram-temple-11
ตุ๊กตาอับเฉา หรือ รูปปั้นหินจีน เป็นรูปปั้นที่ทำจากหินเนื้ออ่อนที่มีสีเขียวอมเทา ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า หินฮ่วยเส่งง้ำ การสลักหินเป็นรูปปั้นต่างๆ ถือว่าเป็นงานประติมากรรมจีนที่มีมาเนิ่นนานแล้ว ในช่วงที่การค้าระหว่างไทยจีนกำลังรุ่งเรือง โดยเริ่มตั้งสมัยรัชกาลที่ 2 มีการนำตุ๊กตาเหล่านี้เข้ามาขาย บางตัวถูกทิ้งไว้ในไทยเพราะโดยปกติแล้วรูปปั้นตัวไหนไม่งาม หรือดูธรรมดาเกินไป จะถูกเก็บไว้ใต้ท้องเรือเพื่อถ่วงเรือ จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘ตุ๊กตาอับเฉา’ เชื่อกันว่ามาจากภาษาจีนคำว่า ‘เอี๊ยบชึง’ แปลว่า ของถ่วงหนัก บ้างก็ว่าตุ๊กตามันอับเฉา เพราะอยู่ใต้ท้องเรือมาก่อน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1FZDpnZ42shsmZ9phRXRdK/da5decacb6d0a800f2118b8b67d0800f/atchaorasaram-temple-12
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 หลังพระองค์ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดจอมทองขึ้นมาใหม่เป็นวัดราชโอรส ทรงสั่งให้มีการประดับตกแต่งวัดด้วยตุ๊กตาจีนเหล่านี้ จึงทำให้เห็นอยู่ทั่วไปในวัดราชโอรส ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตารูปคน สิงสาราสัตว์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากวัดราชโอรสแล้ว ทรงนำตุ๊กตาเหล่านี้ไปประดับตกแต่งที่วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม และวัดอรุณราชวราราม อีกด้วย  โดยสามารถพบตุ๊กตาอับเฉาเหล่านี้ได้มากถึง 300 กว่าตัว
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6UPkzaj2FVOAalQlpus72m/b4d74358eb8da18e3500d1e18d6862a0/atchaorasaram-temple-13
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1AOdauI8l2Zxg3VyFv8ZJB/29d1a8596641281873866d976d054dad/atchaorasaram-temple-14
อันที่จริงบ้านเมืองเรามีความสัมพันธ์กับประเทศจีนมาช้านาน นานเสียจนรับอิทธิพลด้านศิลปะ และงานประติมากรรมของเขามาปรับใช้ รวมถึงอิทธิพลด้านอาหารการกินด้วย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว เมนูอาหารผัด ที่พัฒนาจนกลายเป็นอาหารตามสั่งแบบไทยๆ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวัดราชโอรส ถือเป็นตัวอย่างของงานสถาปัตยกรรมผสมผสานที่สมบูรณ์แบบที่ไม่ว่าจะเข้าไปชมกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังคงความงดงามราวกับอยู่เหนือกาลเวลา
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6VexIrZ03u10tS6ssbbK6q/2b7ca887845446ddd6f38fc7df1b1d4a/atchaorasaram-temple-15

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์